ตอนที่1 ความแค้นในใจ
ร่างกำยำเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาแต่นัยน์ตาเต็มไปด้วยแรงแค้น จ้องมองภาพถ่ายมากมายที่กองอยู่บนโต๊ะทำงานของเขา รอยยิ้มร้ายๆ เผยออกมาอย่างเปิดเผย เมื่ออัคคีจ้องมองใบหน้าของหญิงสาวที่อยู่ในรูปภาพ ผู้หญิงคนนี้คือคนที่เขาให้คนตามสืบเรื่องของเธอมานานหลายเดือน
ถึงแม้ชายหนุ่มจะเคยเจอหน้าผู้หญิงคนนี้ตั้งแต่ที่เธอยังเด็ก เพราะครอบครัวของเขากับครอบครัวของเธอเคยสนิทสนมกันมาก่อน แต่เขาก็ไม่ได้สนิทอะไรกับผู้หญิงคนนี้มาก เพราะเธอไปเรียนต่อต่างประเทศกับญาติทางฝ่ายแม่ตั้งแต่หญิงสาวอายุเพียงไม่กี่ขวบแต่พอมารดาของหญิงสาวเสียชีวิตเธอก็กลับมาเรียนต่อที่ประเทศไทย สิ่งที่ทำให้อัคคีรู้สึกเจ็บแค้นก็เพราะสิ่งที่พ่อของผู้หญิงคนนี้ทำไว้กับครอบครัวของเขา
สิ่งที่ทำให้อัคคีเจ็บแค้นครอบครัวของผู้หญิงคนนี้ ก็เพราะผู้ชายอย่างกิตติภูมิ เพื่อนของบิดาเขาที่ใช้เล่ห์เหลี่ยมโกงบริษัทที่ร่วมกันสร้างมาด้วยกันไปเป็นของตัวเอง มิหนำซ้ำเรื่องราวในอดีตที่ชายหนุ่มเพิ่งรู้มาก็คือผู้ชายอย่างกิตติภูมิทำให้มารดาของเขาต้องตายไป เรื่องนี้ในตอนแรกท่านอิทธิพลบิดาของเขาก็ไม่รู้เรื่องจนกระทั่งสืบจนรู้ความจริง ถึงรู้ว่าเพื่อนที่ไว้ใจกลับกลายเป็นคนที่คอยจะแทงข้างหลังอยู่ตลอดเวลา
การที่สูญเสียทุกอย่างไปแต่ไม่อาจเอาผิดผู้ชายสารเลวคนนั้นได้เลยมันก็ยิ่งทำให้ท่านอิทธิพลเจ็บแค้นใจ เขาพยายามเอาผิดเพื่อนชั่วช้าคนนี้แต่แล้วทุกคนที่เขาไว้ใจก็พากันหักหลังเขาจนทำให้ท้ายที่สุดท่านอิทธิพลยิงตัวเองตายอยู่ภายในบ้านของเขา
อัคคีที่ในตอนแรกเรียนอยู่ต่างประเทศพอรู้ข่าวการเสียชีวิตของคนเป็นพ่อชายหนุ่มก็รีบกลับมา ในตอนแรกเขาไม่รู้อะไรเลย และไม่คิดว่าผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเพื่อนสนิทของคนเป็นพ่อคือคนที่ทำลายทุกอย่าง พอเขากลับมาก็ถูกคนตามฆ่าจนทำให้ชายหนุ่มเกือบเอาชีวิตไม่รอด ถ้าหากไม่มีครอบครัวชาวต่างชาติช่วยชีวิตของเขาไว้ ป่านนี้เขาก็คงไม่มีลมหายใจอยู่บนโลกใบนี้เหมือนกัน
หลังจากที่ได้รับความช่วยเหลืออัคคีก็ใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศเขามีชื่อใหม่มีครอบครัวใหม่แต่ทว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาชายหนุ่มก็ยังไม่เคยลืมความแค้นที่อยู่ในใจของเขาเลย
เพราะเหตุนี้ชีวิตของชายหนุ่มจึงอยู่โดยมีความแค้นเป็นแรงผลักดัน เขาเฝ้ารอทุกวันจนกระทั่งวันของเขามาถึง วันที่ทุกอย่างเหมาะเจาะแบบนี้ เขาจะทำให้คนเหล่านั้นรับรู้ว่าความเจ็บปวดว่ามันเป็นยังไง เขาจะเอาคืนไอ้สารเลวนั้นให้สาสม โดยการดึงคนที่มันรักมากที่สุดในชีวิตมาเหยียบย่ำให้เจ็บปวดเจียนตาย
ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มเผยความแค้นออกมาอย่างไม่อาจปิดบัง มือหนาเอื้อมมือไปจับภาพใบหน้าสวยหวานของผู้หญิงที่ชื่อเอมธิดาเอาไว้ก่อนจะขยำจนรูปภาพใบนั้นยับยู้ยี้ไปหมด
“แล้วเจอกัน เอมธิดา!”
น้ำเสียงเกรี้ยวกราดเอ่ยออกมา ในตอนนี้เขาไม่ได้ชื่ออัคคีที่ทุกคนเคยรู้จักอีกแล้ว เขามีชื่อใหม่ที่ทางพ่อแม่บุญธรรมตั้งให้ ไบรอัน ชื่อนี้มันเหมือนการเปลี่ยนตัวตนของเขาไปจนหมด เขากำลังกลับมาเพื่อทวงคืนทุกอย่างที่มันควรเป็นของเขา และเขาก็จะทำให้มันที่เป็นต้นเหตุทำให้ครอบครัวเขาพังทลายอย่างนี้ ความแค้นที่สะสมมานานนับหลายปีท้ายที่สุดมันก็ถึงเวลาแล้ว ที่เขาจะได้เอาคืน
อีกด้านของเมืองหลวง
ร่างบางอรชรในชุดนักศึกษาเดินลงบันไดมาด้วยท่าทีมีความสุข เอมธิดาเปรียบเสมือนนางฟ้าตัวน้อยๆ ที่เป็นที่รักของทุกคนในบ้าน เมื่อคนเป็นพ่อเห็นบุตรสาวลงมาก็เงยหน้าไปยิ้มทักทายทันที ถ้าหากว่าอะไรในชีวิตของท่านกิตติภูมิรักและหวงแหนมากที่สุด ชายชราก็ตอบได้ในทันทีก็คือลูกสาวคนนี้
“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณพ่อ อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่ธนิต”
หญิงสาวเอ่ยออกมาเสียงหวานด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พร้อมหันไปบอกธนิต พี่ชายบุญธรรมของเธอนั่นเอง
เอมธิดาเป็นลูกสาวคนเดียวของท่านกิตติภูมิ แต่ก่อนหน้านี้ชายชรารับธนิตมาเลี้ยงดู อันที่จริงธนิตเป็นลูกของลูกพี่ลูกน้องของท่านกิตติภูมิแต่ด้วยทางครอบครัวของลูกพี่ลูกน้องเกิดอุบัติเหตุจนเสียชีวิตกันหมดทำให้ธนิตกลายเป็นเด็กกำพร้า ท่านกิตติภูมิจึงรับเด็กชายมาเลี้ยงดูในฐานะลูกบุญธรรม
“อรุณสวัสดิ์ครับ”ชายหนุ่มเอ่ยบอกน้องสาวคนสวยออกไป เขารู้สึกมีความสุขที่ได้อยู่กับครอบครัวนี้ ท่านกิตติภูมิถึงแม้จะเจ้าระเบียบมากไปหน่อยแต่ชายหนุ่มก็รู้สึกมีความสุขที่ได้อยู่ที่นี่ เขารู้ดีว่าทุกอย่างที่ชายชราเคยบอกสอนเพราะหวังดีกับเขา อันที่จริงเขาควรจะสำนึกบุญคุณให้มากกว่านี้อีกด้วยเพราะถ้าไม่มีท่านกิตติภูมิเขาก็คงไม่มีวันนี้ ไหนจะน้องสาวที่น่ารักสดใสของเขาอีกที่ปฏิบัติกับเขาเหมือนไม่ใช่คนอื่น เอมธิดาทำให้เขารู้สึกว่ามีครอบครัวหลงเหลืออยู่บนโลกใบนี้ เธอทำให้เขาไม่รู้สึกว่าโดดเดี่ยวอีกต่อไป
“วันนี้สอบวันสุดท้ายแล้วใช่ไหมลูกเอม?”
“ใช่ค่ะคุณพ่อ เอมตื่นเต้นมากเลยค่ะอีกไม่กี่ปีเอมก็จะเรียนจบแล้ว”ในตอนนี้คนตัวเล็กอยู่ปี 2 เธอเรียนด้านบริหารเพราะหวังว่าหลังจากเรียนจบจะมาดูแลกิจการกับผู้เป็นพ่อต่อ
“ลูกสาวของพ่อเก่งมาก เอมไม่เคยทำให้พ่อผิดหวังเลย”คนตัวเล็กเผยรอยยิ้มออกมาอย่างสดใส เธอทำตัวเป็นเด็กดีมาโดยตลอดข้อนี้ทำให้ท่านกิตติภูมิรู้สึกมีความสุขมากๆที่มีลูกสาวแสนดีขนาดนี้
“เอมจะไม่ทำให้คุณพ่อผิดหวังค่ะ เอมรักคุณพ่อและพี่ธนิตด้วย เอมสัญญานะคะว่าจะทำให้ดีที่สุดจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังในตัวเอม”คำพูดของหญิงสาวสร้างรอยยิ้มให้กับสองบุรุษที่นั่งร่วมโต๊ะอาหาร
“พ่อเชื่อว่าลูกสาวพ่อทำได้ เอาเถอะรีบกินข้าวเดี๋ยวจะไปสอบสายเสียก่อน”คนตัวเล็กพยักหน้าก่อนจะตัดข้าวต้มกุ้งสุดโปรดที่แม่บ้านทำเอาไว้ให้
หลังจากที่คนตัวเล็กรับประทานอาหารเช้าเสร็จเธอก็ลุกขึ้นเดินออกไปพร้อมกับพี่ชายบุญธรรม ทุกวันถ้าเธอมีเรียนเช้าชายหนุ่มจะเป็นคนไปส่งเธอที่มหาวิทยาลัย หรือไม่คนขับรถก็ไปส่งเนื่องด้วยเอมธิดายังขับรถไม่แข็ง ท่านกิตติภูมิก็เป็นห่วงบุตรสาวด้วยจึงไม่ยอมให้หญิงสาวขับรถไปไหนมาไหนคนเดียว ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาธนิตทำหน้าที่พี่ชายที่แสนดีไม่เคยขาดตกบกพร่อง ที่เขาทำมันไม่ใช่เพียงเพราะเป็นหน้าที่ที่พ่อบุญธรรมสั่งเอาไว้แต่ที่เขาทำเพราะเต็มใจที่จะดูแลน้องน้อยของเขาให้ดีที่สุด เอมธิดาอายุน้อยกว่าเขาเกือบ 5 ปีได้ ตั้งแต่ที่เด็กสาวลืมตามาดูโลกเขาก็คอยดูแลอยู่ไม่ห่าง ขนาดตอนที่หญิงสาวไปเรียนต่อที่ต่างประเทศในตอนที่ยังเป็นเด็กเขาก็ยังไปด้วยท่านกิตติภูมิส่งเสียชายหนุ่มให้เรียนอยู่ในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงไม่เคยแบ่งแยกหรือเลือกปฏิบัติกับเขาเลย เขายังจำสัญญาที่เคยให้ไว้กับเอมธิดาได้ในวันที่คุณหญิงอิงธิดามารดาของหญิงสาวที่เสียชีวิต ในตอนนั้นน้องน้อยของเขาอายุเพียง 15 ปีใบหน้าเปื้อนน้ำตานั้นเขายังจำได้ไม่เคยลืม ธนิตลั่นวาจาว่าจะดูแลเอมธิดาให้ดีที่สุดจะไม่ทำให้แม่บุญธรรมผิดหวังที่เลี้ยงดูเขามาไม่ต่างจากลูกชายแท้ๆคนนึง เขาจะรักและปกป้องน้องสาวคนนี้จนสุดความสามารถแม้แต่ชีวิตเขาก็แลกกับเธอได้