“คือ...” พยาบาลกำลังจะท้วง แต่ก็ไม่ทัน หลังวางแฟ้มแพทย์หญิงก็หมุนตัว และชนเข้ากับคนที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังดังโครม!! มันเป็นสัญชาตญารการป้องกันตัวที่ติดตัวมาตั้งแต่เด็ก กัญวราเลยไม่ล้ม เธอประคองตัวด้วยการพลิกตัวกลับ สะบัดข้อมือแรงๆ เพราะถูกจับไว้
แต่...ศิลาเองก็ฝึกมาไม่น้อย กว่าจะมายืนตรงจุดนี้ได้ เขาผ่านการฝึกมาหลายแขนง รวมทั้งรูปร่างที่เป็นต่อ แม้กัญวราจะสูง แต่ก็ยังเตี้ยกว่าศิลาอยู่ดี ชายหนุ่มจับแพทย์หญิงหมุนเป็นวงกลม ช่วงที่หล่อนสะบัดเขาก็ผ่อนให้ แต่แล้วก็ตวัดร่างอวบอัดนั่นเข้ามาอยู่ในวงแขนที่เดิม
หน้าผากของหญิงสาวกระแทกแผ่นอกของเขา
มือเธอดันเกือบถึงเป้า จนศิลาใจหายแว๊บ!!
“อย่าต่ำกว่านี้นะคุณหมอ มันจะเตลิด”
หญิงสาวเบ้ปากให้ ขืนตัวดันตัวออกมาจากอ้อมกอดของนายตำรวจได้สำเร็จ
เธอยกมือปัดกระโปรงแก้เขิน
เหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ไม่มีผู้ชายคนไหนได้เข้าใกล้เธอได้มากเท่าผู้ชายตรงหน้า
นายตำรวจหนุ่มตีคิ้วใส่
แพทย์หญิงตีหน้าเฉย “คนไข้มาแล้วหมอไปรอข้างในนะคะ”
“ไม่ต้องหรอกครับคุณหมอ ผมหายแล้ว” ชายหนุ่มส่งเสียงบอก
“เหรอคะ?” มุมปากสีกุหลาบมีรอยยิ้มหยัน
พยาบาลหน้าห้องลุกขึ้นยืนพร้อมกับอมยิ้ม
“ถ้าคุณไม่ได้มาหาคุณหมอ คุณหมอก็จะกลับได้แล้วค่ะ”
“ครับ ผมไปส่งคุณหมอของคุณเอง” ชายหนุ่มอาสา
“ขอบคุณค่ะ หมอกลับเองได้” กัญวรายิ้มรับพร้อมกับปฏิเสธ
“ไม่ไหวอย่าฝืนเลยน่าหมอ มันจะพลอยทำให้คนอื่นเดือดร้อนไปด้วย”
ท่าทางหล่อนอิดโรย แม้แต่การทรงตัวยังฝืนจนเห็นได้ชัด
“อย่ารู้ดีหน่อยเลยน่า”
“ให้คุณตำรวจไปส่งเถอะค่ะ ท่าทางหมอไม่น่าจะไหวแล้วนะคะ” พยาบาลสนับสนุน แพทย์สาวตรงหน้าทำงานหนัก เธอยังไม่ได้พักเต็มที่มาเกือบสองวัน
“เห็นไหม...อย่าดื้อหน่อยเลยน่ายัยอ้วน”
ดวงตาคมตวัดผ่านหน้าชายหนุ่ม แววตาถือดีลุกวาบ
ศิลายิ้มมุมปาก ต่อให้มันคืออดีต แต่ผู้หญิงที่เคยผ่านจุดนั้นก็มักจะไม่ชอบให้คนอื่นเอ่ยถึง เรื่องที่เธอเคย ‘อ้วน’ มาก่อน
“ผมจำได้แล้วว่าคุณหมอเป็นใคร” ชายหนุ่มเปรยเสียงแผ่ว
“จำได้ก็ดีแล้วล่ะ”
หญิงสาวพูดลอยๆ มีรอยยิ้มหยันแต้มมุมปาก จนศิลาถึงกับหน้าร้อนวูบ
นายตำรวจหนุ่มปรับสีหน้าให้เฉยชา เขาจะมาอายทำไมแค่โดน ‘จับ’ หล่อนลูบคลำของหวงของเขา แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไปไกลกว่านั้น เขาเป็นผู้ชายไม่น่าเสียหายอะไรแค่ถูกมอง
“รออยู่นี่แหละค่ะ ถ้าหากอยากจะไปส่งหมอจริงๆ”
กัญวราเดินคอแข็งกลับไปที่ห้องตรวจ เธอกลับมาหลังเวลาผ่านไป10นาที หญิงสาวถอดเสื้อการ์ว เหลือแค่ชุดเดรสผ้าชีฟองสีโอรส กับรองเท้ารัดส้นสีเทา มีกระเป๋าสะพายคล้องอยู่ที่ไหล่ซ้าย
“ไม่น่าเชื่อนะ เธอลดน้ำหนักได้ยังไงเป็นร้อยๆ โล”
ศิลาอดไม่ได้ที่จะแขวะ!!
สีหน้าแพทย์หญิไม่เปลี่ยน เธอไม่จำเป็นต้องอิบายความลำบากครั้งนั้นให้คนที่เป็นแค่คนอื่นในสายตาตัวเองรู้ กว่าเธอจะมาถึงจุดนี้ได้ เหนื่อยสายตัวแทบขาดขนาดไหน ไหนจะเรียน ไหนจะโหมออกกำลังกาย เพื่อจะได้ไม่ถูกมองเหมือนตัวประหลาด ที่อยู่ท่ามกลางคนปกติ
1ปีแห่งความอดทน...
ความสำเร็จนั่น ทำให้เธอมีภูมิคุ้มกันผู้ชายไปด้วย
พอเธอเปลี่ยนไป ผู้ชายที่เคยมองผ่านกลับมาคอยตามตื้อ
แต่เพราะเธอรู้จักสันดานของคนเหล่านั้นแล้ว
ไม่ว่าจะของกำนัล หรือท่าทางอ่อนโยนนั่น ก็ลวงตาเธอไม่ได้ เพราะหากยังเป็นกัญวราตอนที่หนักเกินร้อยกิโล...ท่าทีของผู้ชายพวกนั่น ไม่ใช่แบบนี้
“ผมไม่ใชคนขับรถนะครับคุณหมอ มานั่งนี่เลย” ชายหนุ่มตบเบาะข้างตัว เรียกหญิงสาวที่มุดเขาไปนั่งตอนหลังรถยนต์ของเขาหน้าตาเฉย ให้มานั่งข้างๆ
“ขอโทษค่ะ หมอลืม”
“ไม่น่าเชื่อนะ ว่าลูกเป็ดลอกคราบแล้วจะสวยขนาดนี้ ว่าแต่...มีผัวหรือยังล่ะหมอ?”
คำถามที่ทำให้กัญวรากัดฟัดกรอดๆ
“ยัง” เธอตอบเสียงห้วน
“30กว่าแล้วนะหมอ จะอยู่บนคานไปทำไม?”
“คุณล่ะนายหิน จะเป็นเสเพลแบบนี้ไปอีกนานไหม?”
หญิงสาวถามกลับ เธอจ้องหน้าเขา และศิลาก็เอียงหน้ากับมามองสบตาด้วย
“ก็ยังไม่เจอคนถูกใจ...แต่ละคนที่เข้ามา ไม่ไหว”
ชายหนุ่มตอบตามตรง เขาสนุกกับการใช้ชีวิตเป็นคนโสด เพราะผู้หญิงเหล่านั้นก็ไม่ได้ต้องการจากเขามากไปกว่า ‘เซ็กส์’
“หมองานยุ่ง ไม่มีผู้ชายที่ไหนชอบหรอก หากต้องเลื่อนนัดทุกครั้ง”
นั่นเป็นข้ออ้างที่เธอใช้สำหรับการบอกเลิก หากผู้ชายที่ตนเองคบ เริ่มเกาะแกะมากกว่าการพูด มันอาจจะเป็นเพราะความเบื่อ เธอรู้สันดานผู้ชายดี ตั้งแต่สมัยยังอ้วนน่าเกลียด ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามคิดอะไร เธอรู้สึกเหมือนตนเองรู้ทัน ความสัมพันธ์นั่นเลยจบลง เธอไม่ชอบปั้นหน้า และไม่สนิทใจที่จะฝืน
“หมอง่วงมากไหม?” เมื่อใกล้ถึงที่พักกัญวรา จู่ๆ ศิลาก็ถามขึ้นมาดื้อๆ
“มีอะไรเหรอ?” เธอไม่ได้ตอบ แต่ถามกลับไปแทน
“ผมยังไม่อยากกลับบ้านไปนอน ไปดื่มกันสักหน่อยดีกว่า”
ราตรีนี้ยังอีกยาว เขายังไม่อยากกลับไปนอนตาค้าง
“ไม่ไหวหรอกค่ะ แค่นี้หมอก็จะสลบแล้ว” พอรู้ความต้องการ หญิงสาวปฏิเสธแบบไม่ต้องคิด...
“หน้าหอพักหมอมีร้านสะดวกซื้อนี่ ผมของซื้อเบียร์ขึ้นไปดื่มด้วยได้ไหม?”
หญิงสาวถอนใจเฮือก เธอจะปฏิเสธอีก คนข้างๆ ก็คงไม่ฟัง เขาคงต้องการแค่เพื่อนคุยเท่านั้นแหละ
“อย่าพยายามทำอะไรที่คิดไว้เลยนะนายหิน หมอไม่อยากเกลียดคุณมากกว่านี้”
กัญวราพอเดาได้ ผู้ชายคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ในใจ
“อย่าฉลาดนักเลยหมอ ผู้หญิงฉลาด ผู้ชายไม่ชอบหรอก เขาเบื่อที่จะต้องหาข้อแก้ตัว”
ชายหนุ่มเตื่อน ผู้หญิงฉลาดเกินไป ผู้ชายจะขยาด
“คิดว่าหมอแคร์ไหมล่ะคะ”
เธอเปิดประตูลงไปยืนด้านข้าง เมื่อรถยนต์จอดสนิทหน้าหอพัก กัญวราเกือบจะหมดแรง เธออยากอาบน้ำแล้วนอนยาวๆ
“10นาที เดี๋ยวผมขึ้นไปเคาะประตูเรียก ห้องเบอร์อะไรครับ”
“103” หญิงสาวตอบแล้วก็เดินตัวปลิวจากไป
สายตาคมดุมองตามบั้นท้ายกลมกลึง พร้อมกับวางแผนในใจคร่าวๆ บางทีเขาควรหยุด และมองหาใครสักคนแบบจริงจังเสียที เวลาผ่านไปเร็ว จนตอนนี้เขาเกือบจะถึงวัยกลางคน ถึงมีหน้าที่การงานมั่นคง แต่ก็ยังรู้สึกเคว้งคว้าง
และพอมาคิดดีๆ... ผู้หญิงที่เดินยักย้ายส่ายสะโพกอยู่ตรงหน้า ก็ไม่เลวนักหรอก
เขาเคยทำให้หล่อนเสียใจ และมีปม
เขาควรเป็นคนคลี่ปมอันนั้นให้เธอ
รูปร่างแบบนี้ ปมของหล่อนคง ‘ใหญ่’ ไม่น้อย
10นาทีต่อมา...
เสียงกริ่งหน้าประตูดังขึ้น ตอนที่กัญวราเดินออกมาจากห้องน้ำ เธออาบน้ำ สระผม แต่งตัวด้วยชุดนอนเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว เพราะต้องเตรียมรับมือกับคู่ปรับในวัยเด็ก เขาเจ้าเล่ห์ และฉลาดเป็นกรด แถมยังกะล่อนด้วย
ศิลายืนยิ้มแผล่อยู่หน้าประตู มีถุงหิ้วอยู่ในมือทั้งสองข้าง
“หมอง่วงนะ ให้นั่งนานๆ ไม่ได้หรอกเสียเวลานอน”
กัญวราพูดกัน เธอเบี่ยงตัวให้นายตำรวจเดินเข้ามาด้านใน
“กลัวผมลักหลับหรือไง?” ชายหนุ่มกระเซ้า ถือวิสาสะทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ โดยไม่รอให้เจ้าของบ้านเชิญ
“หมอไม่กลัวเรื่องนั้นหรอก แค่กลัวว่าหมอจะพลั้งมือสับคอคุณหักเอานะซี”
เธอไม่ได้กลัวเรื่องพรรณนั้น เธอกลัวว่าตัวเองจะกลายเป็นฆาตกร
“ฮ่าๆ” นายตำรวจเงยหน้าหัวเราะ “ใจแข็งไม่เปลี่ยนเลยนะ”
หญิงสาวทรุดนั่งฝั่งตรงข้าม เธอยังขยี้ผม ไม่ได้สนใจภาพลักษณ์ของตัวเองแม้จะอยู่ต่อหน้าผู้ชายรูปงาม
“ถามจริงหมอ ไม่คิดจะมีแฟนบ้างเหรอ?”
เท่าที่สืบประวัติคนตรงหน้ามา เธอไม่เคยคบผู้ชายจริงจัง
“มีแฟนแล้วดีตรงไหนล่ะ” หญิงสาวถามกลับ
“ก็ไม่เหงาไง” ศิลาตอบ
“ทุกวันนี้หมอก็ไม่เคยรู้จักนะความเหงานั่น” เสียงตอบเรียบไม่บ่งบอกอารมณ์
“มีคนคุย มีเพื่อนกินข้าว มีคนคอยปรึกษาเวลามีปัญหา”
ชายหนุ่มขยายความสำหรับข้อดีของการมีคนพิเศษ
“หมอมีเพื่อนคุยเต็มโรงพยาบาล มีเพื่อนกินข้าวแน่นโรงอาหาร มีหัวหน้างานที่ดีและปรึกษาได้ทุกเรื่อง ไม่เห็นจำเป็นต้องมี ‘แฟน’ สักนิด” หญิงสาวแย้งเสียงเรียบ
“มีเพื่อนนอน”