บทที่1.3

760 Words
จริงอยู่ที่เขาไร้ที่ติในด้านของรูปลักษณ์ แต่ด้วยอะไรบางอย่างทำให้ฉันรับรู้ได้ว่าเขาคงอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับตัวเอง หรือไม่ก็อาจจะอายุน้อยกว่าสอง - สามปี และบางทีอาจน้อยกว่านั้น... เพราะบริเวณสันกราม ปลายคาง หรือเหนือริมฝีปากไม่มีรอยเขียวคล้ำของไรหนวดให้เห็น มันเรียบเนียนเหมือนผิวเด็กที่ยังโตไม่เต็มที่ จุดที่ควรจะมีเส้นขนตามธรรมชาติก็เกลี้ยงเกลาอย่างประหลาด มีเพียงร่างกายและกล้ามเนื้อหนั่นแน่นของเขาเท่านั้นที่ดูโตเกินวัย กอปรกับรอยแผลเป็นทั้งเก่าและใหม่มากมายบนร่างกายเขา...ยิ่งทำให้ดูน่าสงสารเข้าไปใหญ่ ยังเด็กอยู่แท้ ๆ แต่กลับถูกจับมาขัง มาทรมานแบบนี้ อยากรู้จริง ๆ ว่าเหตุผลที่พ่อทำแบบนี้คืออะไร อยู่ในภวังค์ความคิดไม่นานนักฉันก็ได้สติ รีบกลับมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้เขาต่อ ทว่าผ้าชุบน้ำสัมผัสโดนส่วนโค้งของลูกกระเดือกบริเวณลำคอ เสียงคำรามแหบห้าวจากคนตรงหน้าก็ดังขึ้น และยังไม่ทันที่ฉันจะได้พูดหรือทำอะไร พลั่ก! ตุ๊บ! เขาซึ่งเพิ่งได้สติจากการถูกไฟฟ้าช็อตก็ใช้หลังมือข้างขวาตวัดเข้าที่กลางอกฉันอย่างไม่มีการออมแรง ส่งผลให้ฉันที่น้ำเพียงเพียง 42 กิโลกรัมลอยละลิ่วไปกระแทกกับฝาผนังข้างโครงกระดูกมนุษย์ทันที “อัก...” ฉันร้องไม่ออกเพราะเจ็บจนจุก ก่อนจะสำลักของเหลวกลิ่นคาวออกมาจนเปรอะชุดนอนสีขาว ก้มมองก็พบว่าเป็นเลือดข้นคลั่ก... “...” ไร้แววโอนอ่อนจากคนที่เกือบฆ่าฉันตายเป็นหนที่สอง เพียงขยับถอยหลังเล็กน้อย สองเท้าและสองมือสัมผัสพื้นในท่าของสัตว์สี่ขา ลักษณะคล้ายเตรียมจู่โจมหากคู่ต่อสู้บังอาจล้ำเส้น ฉันมองภาพนั้นอย่างเหนื่อยล้า สั่นจนแข้งขาอ่อนแรง กลัวจนไม่อยากผูกมิตรกับเขาแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น... “ไม่เป็นไรนะ ฉันไม่ทำ...ฉันไม่ทำร้ายนาย” ตกใจมากเลยสินะ...คงคิดว่าฉันกำลังทำอันตรายระหว่างที่ตัวเองกำลังหลับใช่ไหม? “...” ทว่าถึงฉันจะพูดแบบนั้น เขายังมองตาขวาง แยกเขี้ยวขู่ฟ่อไม่หยุด ดูกี่ครั้ง ๆ นั่นก็ไม่เหมือนสภาพปกติของมนุษย์ ยิ่งเหลือบมองโครงกระดูกมากมายนับไม่ถ้วนที่กองพะเนินอยู่ใกล้ตัวเองเพียงหนึ่งเอื้อมแขน ฉันก็ยิ่งภาวนาในใจว่าอย่าให้เป็นแบบที่คิดเลย... “ฉัน...แค่จะเช็ดตัวให้นาย ตัวนายสกปรกน่ะ...” สุดท้ายแล้วฉันก็จำต้องสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ค่อย ๆ หยัดกายที่อ่อนล้าจนแทบเดินไม่ไหวขึ้น “...” อีกฝ่ายยังอยู่ในท่าเตรียมพร้อม ส่งเสียงคำรามแหบพร่าเป็นระยะ กรงเล็บสีดำจิกพื้นแน่นจนเริ่มเห็นรอยแตกร้าวของซีเมนต์ ทางด้านฉัน...เพราะรองเท้าสลิปเปอร์ที่ใส่มากระเด็นไปคนละทิศละทาง จึงต้องใช้สองเท้าเปล่าเปลือยเหยียบผ่านกองเลือดเจิ่งนองของศพล่าสุดที่เพิ่งถูกฆ่า มุ่งหน้าไปหาชายร่างสูงอย่างเชื่องช้าโดยที่สองตาจดจ้องเพียงเขา “พ่อฉันอาจจะทำร้ายนาย แต่ฉัน...” กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า ระยะห่างเริ่มลดลงเรื่อย ๆ “ฉัน...ไม่ทำร้ายนายเหมือนพ่อหรอกนะ” “...” “ชั่วโมงก่อนก็รับปากแล้วไงว่าจะช่วย” เขาขู่เองด้วยไม่ใช่เหรอว่าถ้าฉันโกหกจะฆ่าทิ้ง...ถ้าอยากให้ช่วย ทำไมต้องมาระแวงกันด้วยล่ะ? เมื่อเขาเงียบ ฉันจึงกล่าวต่อ “อยากให้ฉันช่วยไหมคะ?” คำถามนั้นดังขึ้นพร้อมกับสองเท้าที่หยุดลงตรงหน้าเขา อีกฝ่ายแหงนหน้าขึ้นมอง นัยน์ตาสีเขียวมรกตมีแววลังเลอย่างเห็นได้ชัด และยิ่งลังเลหนักกว่าเก่าเมื่อฉันย่อตัวลงจนหัวเข่าสัมผัสพื้น การกระทำนี้ส่งผลให้สายตาของเราสองคนอยู่ในระดับเดียวกันในที่สุด ระหว่างนั้นมีคำถามหนึ่งผุดวาบขึ้นมา คำถามที่ว่า ก่อนหน้านี้ก็เห็นพูดได้ แม้จะพูดแค่สองคำ แต่ทำไมตอนนี้ถึงเอาแต่อมพะนำล่ะ? ตั้งคำถามและเฝ้ามองปฏิกิริยาของเขาครู่หนึ่ง ฉันจึงค่อย ๆ ยื่นฝ่ามือที่ยังคงสั่นระริกเพราะความกลัวไปตรงหน้า... “ว่าไงคะ?”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD