ฮองเฮา

1571 Words
ห้องบรรทมที่ 4 ฮองเฮา เสียงร้องฮึดฮัดราวกับไม่พอใจของจางฮองเฮาดังไปทั่วห้อง นางพยายามคลานหนีแต่คนที่อยู่ด้านหลังยังตามกระแทกบั้นท้ายนางอย่างไม่ลดละ “พั่บ พั่บ พั่บ” “ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่อยากเอาท่านี้” หรงชิ่งแสร้งปล่อยให้นางคลานออกไป พอแท่งเนื้อใกล้จะหลุด ค่อยกระชากเอวบางของนางกลับเข้ามา การละเล่นเช่นนี้สร้างความหฤหรรษ์ไม่น้อย “เพี๊ยะ!” “พั่บ พั่บ พั่บ” “นางแพศยา หากเมื่อก่อนเจ้าทำตัวว่าง่ายเช่นนี้ เราคงไม่จัดการกับครอบครัวเจ้า” หรงชิ่งยิ่งเอายิ่งคึก ทุกก้าวที่นางคลานหนี แท่งเนื้อก็จะตามแทงเข้าใส่จนสุด พร้อมทั้งฝ่ามือที่ฟาดลงมา ฮ่องเต้ทั้งปลอบโยนทั้งด่าทอ นางกำนัลที่ยืนชมดูเหตุการณ์ ไม่ทราบว่ายามนี้เป็นผู้ใดที่เสียสติกว่ากัน “อ่า อ่า อ่า” “เฟยหรง ข้าจะเสร็จแล้ว เจ้าหยุดคลานก่อน” “พั่บ พั่บ พั่บ” สตรีตรงหน้ามีหรือจะทำตามคำสั่ง นางส่งเสียงฮึดฮัดคลานหนีด้วยความไม่พอใจ เพื่อส่งตัวเองให้ถึงจุดสุดยอด หรงชิ่งจำต้องรั้งแขนทั้งสองของนางที่กำลังตะกายหนีให้กลับมาข้างหลัง สะโพกสอบก็ควงส่งแท่งเนื้อเข้าออกรัวเร็ว กระแทกรุนแรงอีกไม่กี่ครั้งหรงชิ่งก็ส่งเสียงคำรามออกมา “ปล่อยได้แล้ว คลานแบบนี้ไม่เห็นสนุกเลย หม่อมฉันเจ็บเข่าจะตาย” เพระฮ่องเต้ฟุบอยู่บนแผ่นหลัง นางจะลุกก็ลุกไม่ได้ ดังนั้นจึงดิ้นสะบัดหวังให้คนที่พัวพันอยู่หลุดออก “เด็กดี เราเล่นกันอีกซักรอบข้าค่อยปล่อยเจ้าไป” “พั่บ พั่บ พั่บ” ฮ่องเต้ที่หายเหนื่อยแล้ว ผลักให้นางเริ่มคลานอีกครั้ง นางกำนัลที่ยืนคอยรับใช้ฟังคนเสียสติทั้งสองกล่าวหยอกล้อกันไปมาจนแก้มแดง พวกนางต่างคิดว่าไฉนฮองเฮาถึงโชคดีเพียงนี้ ฮ่องเต้ไม่เสด็จวังหลังหลายเดือน พอมาที่นี่คืนแรกก็มอบน้ำพิสุทธิ์ให้นางครั้งแล้วครั้งเล่า *** “เพร้ง! นางแพศยา” เสียงกระเบื้องแตกและเสียงด่าทอต่างๆ นาๆ ตามมาอีกมากมาย ขันทีหลายคนรีบฉุกรั้งนายหญิงตนเองไว้ กลัวว่านางจะขว้างปาของมีค่าในตำหนักจนหมดสิ้น “หวังเฟยใจเย็นๆ ก่อนเพคะ นางก็แค่หญิงบ้าผู้หนึ่ง” รุ่งเช้าข่าวจากตำหนักฮองเฮาถูกส่งไปยังสนมชายาต่างๆ แต่ละคนเมื่อฟังว่าฮ่องเต้ทรงเอาอกเอาใจหญิงสติไม่ดีผู้นั้นอย่างไร น้อยคนที่ยังนิ่งเฉยอยู่ได้ “เจ้าจะให้ข้าใจเย็นได้ยังไง อย่างยากเย็นค่อยจัดการนางแพศยานั่นลงได้ ยามนี้นางกลับมาเป็นที่โปรดปรานอีกครั้ง หากนางตั้งครรภ์ขึ้นมาอีก ที่ลงทุนลงแรงไปทั้งหมดไม่เสียเปล่าหรือ” นางกำนัลคนสนิทรีบเข้ามากล่าวปลอบใจนาง บ้างก็บอกว่าฮ่องเต้เพียงแค่นึกถึงน้ำพริกถ้วยเก่า เล่นกับนางอีกไม่กี่ครั้งก็คงจะเบื่อหน่ายไปเอง เพียงแต่เรื่องราวไม่เป็นเช่นนั้น หลังจากนั้นฮ่องเต้เสด็จค้างคืนตำหนักฮองเฮาติดต่อกันครึ่งเดือน ยามนี้ไม่เพียงหวังเฟยที่โกรธแค้น แม้แต่หลินกุ้ยเฟยที่มีนิสัยเฉยชา ก็เริ่มนั่งไม่ติดแล้วเช่นกัน “ฮือ ฮือ ท่านพ่อฮ่องเต้ทำเช่นนี้กับข้าได้ยังไง นี่ไม่เท่ากับเป็นการตบหน้าข้าหรือ” หลินฮุ่ยพอเห็นบิดาเดินเข้าตำหนักมาก็วิ่งไปกอดอีกฝ่ายร้องห่มร้องไห้ เสนาบดีหลินใช่เวลาครู่ใหญ่กว่าจะปลอบโยนบุตรสาวให้เงียบสงบลง “ข้าไหนเลยจะคิดว่าฮ่องเต้จะตอบโต้ด้วยวิธีเช่นนี้ นี่คงเป็นเพราะข้าตำหนิว่าพระองค์ไม่เสด็จวังหลัง ดังนั้นจึงหาเรื่องกลั่นแกล้งให้เจ้าเสียหน้า” หลายปีมานี้หลินกุ้ยเฟยเป็นตัวเต็ง ที่จะขึ้นสู่ตำแหน่งฮองเฮาแทนคนเก่าที่เสียสติไปแล้ว ทั้งนางยังเป็นที่โปรดปรานที่สุด ในบรรดาสนมตลอดหลายปีที่ผ่านมา การทำเช่นนี้ของฮ่องเต้จึงเท่ากับตบหน้านางจริงๆ “ท่านพ่อ ท่านต้องจัดการนางให้ข้า ตอนนี้นางยังไม่ตั้งครรภ์ก็แล้วไป หากอีกหนึ่งเดือนไม่แน่ท้องนางอาจจะโตขึ้นมาอีกครั้งก็ได้” ความคิดของนางกลับตรงใจเสนาบดีหลินพอดี เพราะกลัวว่าการที่ฮ่องเต้ค้างคืนกับฮองเฮาครึ่งเดือนติดต่อกันจะทำให้ท้องนางป่องขึ้นมา วันนี้ตนเองจึงเดินทางมาหาบุตรสาว เพื่อมอบยาบางอย่างให้กับนาง *** ตำหนังเฉียนชิง ตำหนักที่ประทับของฮ่องเต้กว่างใหญ่มหาศาล นอกจากห้องทรงอักษรและห้องบรรทม ยังมีห้องหับต่างๆ ให้ใช้งานอีกหลายสิบห้อง องค์หญิงฝูเป่าเพราะเสียมารดาตั้งแต่เกิด ฮ่องเต้จึงทรงนำนางมาเลี้ยงไว้ในตำหนัก โดยมีหัวหน้านางข้าหลวงชิงเยียนคอยดูแล “พี่ชิงเยียน องค์หญิงน้อยจะสามขวบแล้ว ท่านไฉนยังไม่ให้นางหย่านมอีก” อวี๋เจินยืนมองพี่ชิงเยียนของนางกึ่งนั่งกึ่งนอนเอนกาย ประคองเต้าอวบให้องค์หญิงน้อยดื่มกินอยู่บนตั่งเตียงหลัวฮั่น นางลูบศีรษะเด็กหญิงด้วยความอ่อนโยน มองริมฝีปากน้อยๆ ที่ดูดกินน้ำนมของนางอย่างเอร็ดอร่อย “เสี่ยวอวี๋ เจ้านายตำหนักอื่นๆ มีท่าทียังไงบ้าง เจ้าเล่ามาอย่าให้ตกหล่น” ครึ่งเดือนมานี้ฮ่องเต้แทบจะประทับอยู่กับฮองเฮาตลอดเวลา นางคิดว่าเรื่องนี้ต้องกระตุ้นโทสะของหลินกุ้ยเฟยได้ไม่มากก็น้อย อวี๋เจินรายงานความเคลื่อนไหวต่างๆ ที่สายข่าวแจ้งมาทีละตำหนักจนครบ ชิงเยียนพอฟังว่าหลินฮุ่ยร้องห่มร้องไห้ฟ้องบิดาก็หัวเราะคิกออกมา “เจ้าอย่าได้เห็นว่าที่หลินกุ้ยเฟยเป็นที่โปรดปรานตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพราะนางฉลาดเฉลียว ความจริงนางโง่ที่สุดในวังหลังแห่งนี้” อวี๋เจินไม่เข้าใจ ไฉนพี่ชิงเยียนบอกว่าหลินกุ้ยเฟยโง่เขลา หากนางไม่มีความสามารถไหนเลยก้าวถึงตำแห่นงกุ้ยเฟยได้ “เสี่ยวอวี๋ บิดาเจ้าเป็นขุนนางโยธาขั้นห้ากระมัง” “ใช่แล้วพี่ชิงเยียน ตอนนี้ท่านพ่อเป็นผู้ช่วยดูแลการก่อสร้างเขื่อนที่เมืองหนันฝู” เพราะบิดานางไม่ต้องการให้นางแต่งกับบุตรชายผู้บังคับบัญชาคนหนึ่ง นางจึงถูกส่งเข้ามาคัดเลือกเป็นนางกำนัลเมื่อสามปีก่อน สองปีแรกนางทำงานอยู่โรงซักล้าง แม้แต่ใบหน้าฮ่องเต้ นางยังไม่ได้พบเห็นซักครั้ง “เจ้าอยากให้บิดากลับมาทำงานที่เมืองหลวงหรือไม่?” “อยากข้าอยาก พี่ชิงเยียนช่วยให้ท่านพ่อข้าย้ายกลับมาได้มั้ย” “อืม เจ้าทำให้ข้าพึงพอใจก่อนเถอะ เดี๋ยวข้าจะช่วยย้ายบิดาเจ้ากลับเมืองหลวงให้” นางที่กึ่งนั่งกึ่งนอนให้นมองค์หญิงน้อยอยู่พลันกางขาออก อวี๋เจินรู้ถึงสิ่งที่นางต้องการ เพียงครู่เดียวก็มุดศีรษะเข้าไปในกระโปรง ใช้ลิ้นช่ำชองเลียกลีบร่องให้นางอยู่รู้ใจ “อืมมมม” แว่วเสียงครางยาวด้วยความสุขสม ระยะเวลาเพียงครึ่งเดือนนางก็ติดใจชิวหาของเด็กหญิงนางนี้เสียแล้ว *** หอเก๋งหกเหลี่ยมงดงามริมน้ำ นี่เป็นอุทยานหลวงชั้นใน นอกจากองครักษ์และขันทีนางกำนัล ต่อให้เป็นนกหนูซักตัว ก็ไม่สามารถเล็ดลอดเข้ามาได้ “อ่า อ่า อ่า” เสียงครวญครางและเสียงเนื้อกระทบกันดัง พั่บ พั่บ ลอยออกไปนอกหอเก๋ง จางฮองเฮานอนหงายท้อง ขาข้างหนึ่งพาดอยู่บนบ่าฮ่องเต้ อีกข้างถูกจับแยกออกห้อยตกลงพื้น แม้ร่องรักนางจะถูกกระหน่ำทิ่มแทง แต่ปากนางกลับกัดกินน้องไก่น่องหนึ่งอยู่ “ฝ่าบาท หม่อมฉันหิวน้ำ” หรงชิ่งก้มหน้าก้มตาซอยเอวเข้าออกรูร่องนาง เมื่อเงยหน้าขึ้นมาพบว่านางกินน่องไก่หมดแล้ว “รินชาให้ฮองเฮา” นางกำนัลน้อยที่ยืนคอยรับใช้อยู่ข้างๆ เมื่อได้ยินคำสั่งก็รีบรินชาป้อนฮองเฮาถึงปาก “อิ่มรึยัง” “อิ่มแล้วเพคะ” “อิ่มแล้วเจ้าก็ไปยืนเกาะเสาตรงนู้น” จางฮองเฮาทำหน้าตาเหรอหรา ฮ่องเต้หรงชิ่งเห็นนางเหมือนจะไม่เข้าใจ จึงจูงมือนางไปที่ต้นเสา จัดท่าจัดทางให้ครู่หนึ่ง หญิงงามที่บัดนี้ร่างเต็มไปด้วยรอยบอบช้ำและน้ำกามก็ยืนโก้งโค้งกอดเสา เตรียมพร้อมให้เขาเดินเข้าไปควบขี่อีกครั้ง “เฟยหรง ยืนรอตรงนั้นก่อน เดียวข้าเสร็จเรื่องแล้วจะไปเล่นกับเจ้าต่อ” “ส่วนเจ้ามานี่!” ฮ่องเต้หรงชิ่งคว้าแขนนางกำนัลที่รินชาให้ฮองเฮาเมื่อครู่ นางถูกผลักให้คว่ำหน้าลงกับโต๊ะ กระโปรงยาวละพื้นถูกตวัดเพียงครั้งเดียว บั้นท้ายขาวผ่องก็อวดสู่สายตาคนภายนอก “เพี๊ยะ! นางแพศยาน้อย เจ้ากล้าไม่ใส่กางเกงชั้นในไว้หรือ” เมื่อหรงชิ่งเปิดกระโปรงนางออกดู แทนที่จะพบกับกางเกงใน กลับเห็นเพียงกาบหอยฉ่ำแฉะ “ฝ่าบาท โปรดเมตตาบ่าวด้วย” หากมีผู้คนในตำหนักเฉียนชิงเดินเข้ามาในหอเก๋ง คนผู้นั้นคงต้องประหลาดใจไม่น้อย นั่นเพราะสตรีที่ถูกจับคว่ำหน้าอยู่ตอนนี้ นางคืออวี๋เจินเอง ***
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD