“เจ้าก็พูดไปได้นะ” คาร์ดัลหัวเราะ “นี่อารยาเป็นนักกายภาพบำบัดและเชี่ยวชาญการนวดแผนโบราณ อารยานี่คุณหมอประจำพระองค์ฯ ชื่อ ยามาท เป็นหลานชายฉันด้วย”
“สวัสดีค่ะ” อารยายกมือไหว้แบบไทยๆ เล่นเอาหมอหนุ่มยื่นมือไปเก้อ เขาหัวเราะเบาๆ แล้วยื่นแฟ้มประวัติคนไข้ให้อารยาศึกษา
“ต่อไปนี้เจ้าก็พักที่นี่นะอารยา” คาร์ดัลเอ่ยเบาๆ เหมือนฝากฝัง “ทำเต็มความสามารถ อย่าคิดเรื่องอื่นเลยนะ”
“ค่ะ” อารยารับคำอย่างเข้าใจหน้าที่ตัวเอง แต่พอเห็นคาร์ดัลพูดคุยกับหมอยามาทด้วยภาษาบาฮาเนีย เธอก็ได้แต่ยืนงงอยู่ตรงนั้น
‘นี่ฉันต้องมาอยู่ในวังนี่สองปีตามสัญญาจริงหรือ นี่...ถ้าพูดจาไม่เข้าหูจะเป็นไงนะ’
“วันนี้คุณอารยาพักผ่อนก่อนเถอะครับ พรุ่งนี้เราเคยเริ่มงานกัน” หมอยามาทยิ้มอย่างเป็นกันเอง “เดี๋ยวนางกำนัลจะพาไปห้องพักนะครับ ผมขอตัวก่อน”
“ค่ะ ขอบคุณมาก”
อารยาไม่กล้าเอ่ยปากถามเรื่องอื่นได้แต่เดินถือแฟ้มประวัติคนไข้ตามหลังนางกำนัลที่สวมชุดประจำชาติ ไปยังห้องพักที่ถูกเตรียมไว้ซึ่งไม่ไกลนัก ‘ใกล้กับการดูแลคนป่วย’ หญิงสาวคิดในใจ กระเป๋าเดินทางสองใบของเธอมารออยู่ที่ห้องนานแล้ว หญิงนางกำนัลเข้าไปแตะกระเป๋าเดินทางของตนเหมือนกับว่าจะช่วยจัดเสื้อผ้าข้าวของ อารยารีบกระโดดเข้าไปขวางและโบกไม้โบกมือปฏิเสธ
“ไม่เป็นไรคะ ฉันทำเอง” ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ เธอพยายามสื่อสารด้วยภาษามือกว่านางจะยอมออกไปก็เล่นเอาเธอเหนื่อยเลยทีเดียว
“เกิดมาเคยแต่รับใช้คนอื่น ไม่เคยมีใครมารับใช้นี่นะ”
อารยาเผลอยิ้มคนเดียว เธอมองไปนอกหน้าต่างเห็นสวนดอกไม้ที่ถูกจัดตบแต่งอย่างสวยงามแล้วก็อยากออกไปเดินเล่น เธอรีบจัดเสื้อผ้าข้าวของเข้าที่นั่งอ่านแฟ้มประวัติพระอาการประชวรยของกษัตริย์แห่งบาฮาเนีย แต่อ่านได้เพียงครึ่งเล่มเสียงท้องเธอก็ร้องโครกครากออกมา
“แล้วจะไปหากินที่ไหนละนี่”
หญิงสาวบ่นแต่ยังฝืนทนต่อไปเผื่อว่าจะมีใครมาเรียกเธอไปกินมื้อเที่ยง แต่เวลาก็ผ่านไปถึงบ่ายโมงครึ่งก็ยังไม่เห็นวี่แววเธอจึงตัดสินใจเดินออกมาจากห้องพักของตนเอง ตั้งใจจะเดินไปหาหมอยามาท แต่ปรากฏว่าเส้นทางที่คิดว่าไม่ไกลจากห้องบรรทมของกษัตริย์บางฮาเนียนัก กลายเป็นว่าเธอเดินหลงทางในวังกว่าครึ่งชั่วโมงโดยที่ไม่เจอทหารยามหรือนางกำนันสักคน!
“โอ๊ย!หิวจะตายอยู่แล้ว แล้วนี่ฉันอยู่ส่วนไหนของวังเนี่ย”
อารยาแทบจะถอดใจตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มงาน แล้วหางตาเธอก็มองเห็นชายหนุ่มเดินผ่านหน้าเธอไป เธอยกมือขยี้ตาให้แน่ใจว่าไม่ได้หิวจนตาลาย แต่ชายเสื้อที่เห็นแวบๆ นั่นทำให้ร่างเพรียวบางของอารยาแทบจะวิ่งตามไปทันที
“คุณคะ คุณ” หญิงสาวคว้าชายผ้าโผกศีรษะของเขาไว้ก่อน เธอไม่ได้ตั้งใจจะดึงผ้าของเขาหรอก แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้เธอคงเดินตามคนตัวสูงคนนี้ไม่ทันแน่
สายตาคมกริบตวัดมองอย่างหัวเสีย ไม่เคยมีใครกล้าเสียมารยาทกับเขาขนาดนี้ แต่เมื่อหันไปก็ต้องแปลกใจกับหญิงสาวตรงหน้า ผิวขาวเนียนกับดวงตาหวานซึ้งใบหน้าที่ไร้การแต่งแต้มเครื่องสำอางฉูดฉาดน่ามองอย่างประหลาด แม้จะมองเพียงแวบเดียวเขาก็รู้ในทันทีว่าหญิงสาวคนนี้ไม่ใช่สาวบาฮาเนียอย่างแน่นอน
เพียงวินาทีที่ประสานสายตากับดวงตาสีเข้มของชายหนุ่มแปลกหน้า อารยาก็รู้สึกราวถูกมนต์สะกดให้ร่างกายแทบกลายเป็นหิน ชายผู้นี้ร่างสูงใหญ่จนทำให้เธอที่สูงหนึ่งร้อยหกสิบเก้าเซนติเมตรเตี้ยไปทันที ใบหน้าคมเข้มกับผิวสีแทนชวนหลงใหล แม้ริมฝีปากเขาจะเม้มจนเรียบเป็นเส้นตรงก็ยังน่ามอง
“คือ...เอ่อ...ฉันหลงทางค่ะ...แล้วก็...”
ยังไม่ทันพูดจบเสียงท้องร้องโครกครากก็ทำให้อารยาขายหน้าเสียก่อน หญิงสาวยกมือกุมท้องตัวเองไม่กล้าเงยหน้าสบตาผู้ชายตัวสูงใหญ่คนนี้
“หลงทาง” ราเฟย์ออกจะแปลกใจที่ได้ยินคำนี้ แต่ก็กลั้นหัวเราะกับเสียงท้องร้องเสียงดังขนาดนั้นไม่ได้ แต่ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่ใครจะมา ‘หลงทาง’ ได้
“เธอเป็นใคร”
“ดิฉันชื่ออารยาเป็นพยาบาลพิเศษของ...เอ่อ...พยาบาลใหม่ที่มาทำงานกับคุณหมอยามาท” ผู้ชายคนนี้เป็นใครก็ไม่รู้แล้วเธอจะพูดได้ไงว่าเธอเป็นพยาบาลพิเศษให้กษัตริย์ของบาฮาเนีย
“อ้อ! หมอยามาท” ราเฟย์ยักหน้ารับรู้ คงเป็นพยาบาลใหม่เลยหลงทาง “นี่มันด้านหลัง พระราชวังอยู่ตรงข้ามกับห้องทำงานหมอยามาทเลยนะ”
น้ำเสียงดุดันและใบหน้าเคร่งขรึมทำให้อารยาสะดุ้งเล็กน้อย เอาเถอะ...ถึงยังไงเขาก็รู้จักหมอยามาทและรู้ว่าตอนนี้เธออยู่ส่วนไหนของวังก็พอแล้ว
“ฉันจะไปหาหมอยามาทแต่คงเดินเลี้ยวผิดทางก็เลยมาโผล่ที่นี่” อารยาพยามยามปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ว่าเธอก็ขุ่นใจกับน้ำเสียงและท่าทางของเขาเหมือนกัน
“ใช่! เดินมาผิดทางและเลยมาไกลมากทีเดียว” เขาเผลอยิ้มที่มุมปาก นึกชอบท่าทางหยิ่งๆ เชิดๆ ของพยาบาลใหม่คนนี้ “แต่จากนี่เดินไปอีกห้านาทีจะถึงโรงครัว เราว่าเดินไปหาอะไรกินให้ท้องเธอสงบก่อนแล้วค่อยไปหาหมอยามาทเถอะนะ”
อารยาอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าคนที่ดูหัวสูงและเย่อหยิ่งอย่างเขาจะเข้าใจหาวิธีแขวะเธอได้
“ถ้ามีคนบอกทางก็จะเป็นพระคุณอย่างยิ่งเลยค่ะ”
“ก็ดี...เราก็ว่าจะไปหาอะไรกินเหมือนกัน”
เขาไม่ได้โกหกเพราะตลอดการประชุมที่ผ่านมาเขาเครียดมาก แม้เสร็จการประชุมจะมีการเลี้ยงอาหารแต่เขาก็ทานได้นิดเดียว เมื่อส่งตัวแทนที่มาประชุมกลับกันหมด เขาก็ตั้งใจจะเดินมาที่โรงครัวเพื่อหาอะไรกินจริงๆ
แม้เขาจะเป็นองค์รัชทายาทแต่เขาก็ชอบทำตัวง่ายๆ ไม่จำเป็นต้องตั้งโต๊ะอาหารให้มันวุ่นวาย เขาหมุนตัวและเดินนำหน้าแต่เมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ได้ก้าวตามมาเขาก็เหลียวมอง
“ตามมาสิ”
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่บอกทางดิฉันก็พอแล้ว”
ไม่ใช่เพราะความเกรงใจหรอกที่ทำให้อารยาพูดแบบนี้ออกมา แต่เพราะเธอกำลังหงุดหงิดที่ถูกสั่ง เหมือนเธอเป็นเด็กที่คิดอะไรเองไม่เป็น ถึงจะหน้าตาดีแค่ไหนก็ไม่ควรมาพูดจาและน้ำเสียงดูหมิ่นเธอนัก
ราเฟย์ใช้ดวงตาสีเข้มสำรวจหญิงสาวตรงหน้าก่อนกระตุกยิ้มที่มุมปาก
“คงนั่งกินในครัวไม่ได้ซินะ โอเค! เราจะให้คนเตรียมอาหารไปให้ที่ห้องพักก็แล้วกัน”
“ไม่ใช่ค่ะ! คุณกำลังเข้าใจผิด ฉันแค่...เกรงใจคุณ เผื่อว่าคุณมีอะไรอย่างอื่นต้องไปทำ”
โอเค...เธอยอมรับว่าเขาหล่อเหลาจนใจหวั่นไหว แต่นิสัยร้ายกาจปากร้ายแบบนี้ต้องถูกเลี้ยงมาแบบตามใจตั้งแต่เด็ก
“เกรงใจ ก็เราบอกแล้วว่าจะไปที่ห้องครัว หรือว่ากลัวที่จะใกล้ชิดเรา”
เขาพึมพำออกมาเบาๆ หรี่ตามองสาวเอเชียร่างบอบบางเหมือนตุ๊กตา ถ้าปลดมวยผมนั่นออกคงเพิ่มความงามให้กับผู้หญิงคนนี้ไม่น้อย เสื้อผ้าที่สวมเป็นแบบเรียบๆ เหมือนคุณครูมากกว่าจะเป็นพยาบาล แต่ก็น่าเสียดายรูปร่างได้สัดส่วนที่สวมเสื้อผ้าไม่เข้ากันนัก ถ้าได้ใส่เสื้อเข้ารูปเน้นสัดส่วนมากกว่านี้....
“กลัวที่จะใกล้ชิดคุณ หลงตัวเองไปหน่อยมั้งคะโอเค!ฉันไปกินข้าวพร้อมคุณก็ได้ โรงครัวไปทางไหนคะ”
อารยาหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ปกติเธอไม่ใช่คนพูดมากอย่างนี้ไม่ว่าจะเจอคนไข้เซ้าซี้กวนใจแค่ไหนเธอรับมือได้หมด แต่นี่! เธอปั่นป่วนไปหมด เขาเป็นใครกันนะ...ผู้ชายนัยตาทรงเสน่ห์ที่ชอบวางอำนาจคนนี้ เป็นใคร?.