ปานเดือนพาคนเป็นสามีเข้ามาในบ้าน ส่วนเธอคนนั้นก็นั่งแท็กซี่กลับ ไม่วายเจ้าหล่อนยังโบกมือลาเธอด้วยท่าทีเยาะเย้ยอีกด้วย แม้นว่าเขาจะไม่ได้ดีเลิศ แต่เป็นเพราะเปรมนัตย์รักดุจดาวมาก ทำให้เธอไม่เคยคิดว่าเขาจะมีผู้หญิงคนอื่น ส่วนตัวเธอเองก็เป็นแค่เครื่องระบายความใคร่ก็เท่านั้น ปานเดือนรู้ตัวดี
หญิงสาวเช็ดตัวให้เขาที่กำลังนอนอยู่บนโซฟา เพราะวันนี้สามีหนุ่มไม่มีแรงพยุงตัวเองขึ้นไปบนห้องได้ ส่วนตัวเธอก็เล็กนิดเดียว แถมยังเจ็บป่วยอีกด้วย ก็คงให้นอนบนโซฟาไปก่อน
พอเช็ดตัวเสร็จก็ห่มผ้าห่มให้กับเขา ชายหนุ่มนั้นติดเหล้าตั้งแต่ดุจดาวเสียชีวิต เขาไปทำงานตอนเช้าส่วนกลางคืนก็ไปเมามาทุกวัน ปานเดือนกลัวว่าเขาจะป่วยสักวัน
“ไม่รักกัน ก็รักตัวเองบ้างเถอะค่ะ” เธอนั่งอยู่บนพื้น ตั้งข้อศอกที่โซฟา เท้าคางมองใบหน้าหล่อเหลาในยามที่หลับใหล หวนนึกถึงวันเก่าในอดีต...อดีตที่เธอชอบเขาที่สุด
...คุณพ่อบอกว่าท่านเป็นหนี้ตระกูลธนธาดามหาศาล ตอบแทนด้วยชีวิตก็คงไม่หมด ก็เลยอยากให้เธอและน้องสาวนั้นได้แต่งงานกับลูกชายของท่าน เพื่อที่จะได้อยู่คอยรับใช้ คอยดูแลเขาไปตลอด ในเวลานั้น....เมื่อเกือบยี่สิบปีที่แล้ว อย่าว่าแต่อินเทอร์เน็ตเลย โทรศัพท์ก็ไม่มีให้ใช้ เปรมนัตย์เรียนอยู่ต่างประเทศ พ่อของเธอเลยให้ทั้งสองเขียนจดหมายแนะนำตัวให้เขาได้รู้จักกันตั้งแต่อายุได้เพียงสิบขวบ เขียนข้อความที่พอรู้หนังสือได้บ้าง เขียนมันตลอด แล้วส่งให้เขาเพื่อให้เขานั้นเลือกได้ว่าจะแต่งงานกับใคร
ดุจดาว...ฝาแฝดผู้น้อง เห็นเขาผ่านรูปถ่ายก็ชอบเลย ส่วนตัวเธอเองชอบเขาเพราะข้อความที่เขาส่งกลับมาต่างหาก แม้นจะเป็นเพียงข้อความสั้น ๆ ไม่ได้ยาวมาก แต่เธอก็ชอบอ่านจดหมายของเขาที่สุด
...กาลเวลาผ่านไปเขาก็กลับมาเรียนมหา’ลัยที่นี่ เธอตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ ไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน วิดีโอคอลก็ไม่ค่อยชัด สัญญาณอินเทอร์เน็ตก็ไม่ดี ทำได้แค่โทรหา ซึ่งค่าโทรก็แพงแสนแพง กระนั้นยามต้องโทรหา เธอก็มักจะได้นั่งอยู่กับน้องสาวเสมอ เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเงินหลายรอบ
ด้วยความที่เป็นฝาแฝด เหมือนกันทุกอย่างแม้นกระทั่งลายมือเขียน ดุจดาวมีนิสัยชอบแกล้ง เอาแต่ใจ หล่อนสดใสร่าเริง ขณะที่ปานเดือนเป็นคนเงียบ ๆ ด้วยความที่เป็นพี่ มีอะไรก็ต้องยอมให้น้องทุกอย่าง
“ถ้าพี่เปรมเลือกพี่ พี่จะปฏิเสธเขาเพื่อฉันหรือเปล่า”
ดุจดาวเคยถามเธอ ปานเดือนจำได้หมดทุกคำพูด ทว่าพอถึงเวลา...เขาก็ไม่ได้เลือกเธออยู่ดี
“ผมอยากแต่งงานกับดุจดาวครับ”
น้ำเสียงทุ้มลึกยังคงทุ้มอยู่ในหัวใจของเธอ วันนั้นเป็นวันที่ดุจดาวมีความสุขที่สุด และก็เป็นวันที่ปานเดือนทุกข์ที่สุดอีกด้วย
“ถึงจะไม่มีใครรักฉัน...พ่อแม่ไม่รักฉัน แต่พี่เปรมรักฉัน”
ดุจดาวชอบกระแหนะกระแหนทับถมด้วยถ้อยคำเช่นนี้อยู่เรื่อย เพราะเธอเป็นเด็กเกเร พ่อแม่ก็เลยต้องดุด่าเป็นธรรมดา แต่เด็กนั้นไร้เดียงสาเกินกว่าจะคิดอย่างงนั้น ดุจดาวคิดว่าพ่อแม่ไม่รัก รักแต่ปานเดือนคนพี่ เหตุนี้เธอจึงพยายามทำให้เปรมนัตย์รักเธอ และก็ได้สมใจที่เขาเองก็ตกหลุมรักเธอเช่นกัน ทว่าอุบัติเหตุครานั้นกลับพรากเธอไปจากเขา พรากฝาแฝดที่เกิดและเติบโตมาด้วยกัน...ให้ตายจาก
“พี่รู้ป้ะ ถ้าวันไหนเป็นวันพระ ดวงจันทร์จะสว่างมาก ๆ เราจะมองไม่เห็นดาว”
“รู้สิ แต่จริง ๆ ก็ยังมีดาวนะ แค่พระจันทร์สว่างกว่าเลยมองไม่เห็น”
“หึ แต่ถ้าฉันอยากสว่างก็ต้องทำให้พระจันทร์ดับไป หรือไม่ก็ไม่ต้องมี”
“ดาวอยู่เคียงเดือนตลอดนั่นแหละ”
ดุจดาวเกลียดเธอเข้าไส้ เหตุเพราะพ่อแม่ลำเอียง รักพี่สาวฝาแฝดที่มีนิสัยเรียบร้อย ขยันและเรียนหนังสือเก่ง ถ้อยคำวาจาของดุจดาวยังคงดังอยู่ในหัวมาโดยตลอด
“ฉันอยากเป็นลูกคนเดียว ถ้าไม่มีพี่...พ่อแม่ก็ไม่ต้องมาเปรียบเทียบฉันกับพี่”
“_”
“ไม่พี่กับฉัน ไม่ใครคนใดคนหนึ่งก็ต้องตาย” เธอพูดประโยคนี้เป็นประโยคสุดท้าย ก่อนที่ไม่นานสิ่งเธอพูด มันก็สัมฤทธิผลด้วยตัวของมันเอง...
...ปานเดือนนั่งคิดเรื่องในอดีตจนผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว หญิงสาวนั่งหลับโดยฟุบใบหน้าลงที่โซฟา หลับสนิทด้วยความอ่อนเพลีย และยาหลายชนิดที่กินไป
รุ่งเช้า...ความเมื่อยตัวทำให้เปรมนัตย์เริ่มขยับ เขาข่มเปลือกตาแรง ๆ เมื่อรู้สึกตัวตื่น ก่อนจะเบิกตาโพลงเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเมาเละมากแค่ไหนเมื่อคืน ทว่า
“อ่า...” เขาจิ๊ปากไม่พอใจเมื่อเห็นปานเดือนนอนอยู่บนพื้น ชายหนุ่มส่ายหน้าเบา ๆ เธอชอบทำตัวแบบนี้อยู่เรื่อย ทำตัวโง่ ๆ แล้วคิดว่าเขาจะเห็นใจเธอ
ชายหนุ่มใช้ปลายเท้าสะกิดให้เธอตื่น ไม่งั้นเขาก็ต้องเดินข้ามตัวเธอไป
“อือ~” ปานเดือนงัวเงีย ก่อนจะเบิกตาโพลงเมื่อรู้สึกตัวตื่นเต็มที่ แผ่นหลังที่ปวดร้าวจากการนอนพื้นแข็ง ๆ นี้ทำให้เธอมีใบหน้าเหยเก
“ขอโทษค่ะ”
“จะขอโทษจนตายเลยหรือไง” เขาผ่อนลมหายใจออกมาหนัก ๆ “ไปเอาน้ำมากิน”
“น้ำ...อ้อ ค่ะ” เธอถูกปลุกให้ตื่นกะทันหันเลยงัวเงีย ร่างบางลุกขึ้นพร้อมกับใบหน้าที่บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บแผ่นหลัง ไม่รู้ว่าจะโทษใครดี เธอก็โง่สมกับที่เขาด่านั่นแหละ
“นี่ค่ะ” กลับมาพร้อมกับน้ำอุ่น ๆ ในมือ เปรมนัตย์ยกมือขึ้นกุมขมับ “งั้นเดี๋ยวฉันขอไปอาบน้ำแล้วก็จะมาทำอาหารให้นะคะ พี่อยากกินอะไร”
“อะไรก็ได้ร้อน ๆ” ตอบส่งเดช ทว่าหางตาก็พลันมองเห็นข้อมือของเธอเสียก่อน ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอีกครั้ง “เอาอะไรก็ได้ที่ไม่ร้อน”
“คะ? ...” เธอไม่เข้าใจ
“ก็ถ้าร้อนเดี๋ยวก็โง่ทำลวกมืออีก” เขาว่าเสียงเข้มก่อนจะลุกขึ้นเดินขึ้นบันไดไปข้างบน ส่วนคนโดนตะคอกใส่ก็มึนงง เธอยกมือขึ้นลูบต้นคอเล็กน้อย เขาเป็นห่วงเธอหรือ...
...เปรมนัตย์จำเหตุการณ์เมื่อคืนได้ราง ๆ แต่ที่แน่ ๆ เขาไม่ได้ไปทำอะไรใคร เพราะสัมผัสที่กล่องดวงใจนั้นไม่ได้เหมือนคนเพิ่งไปออกกำลังกล้ามเนื้อส่วนล่างมา
ชายหนุ่มแต่งกายไปทำงานปกติ ทั้งเสื้อผ้า ชุดเอย เนกไทเอย ปานเดือนจัดการให้เขาหมดทุกอย่าง เธอทำหน้าที่ภรรยาได้ดี เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้อยากได้เธอเป็นภรรยาตั้งแต่ต้น
...ดวงตาคมนั้นจับจ้องมองไปยังกรอบรูปบนหัวเตียง ภายในห้องของเขาไม่มีรูปแต่งงานเลย มีแค่รูปของเขากับดุจดาวเพียงแค่นั้น
"เธอเป็นไงบ้าง ไหนบอกจะส่งจดหมายมาหาพี่" เขาพึมพำพูดคนเดียว ยังจำความรู้สึกตอนรอจดหมายจากเธอได้ แม้นจะส่งมาสองฉบับ มีของปานเดือนและของเธอ ส่วนใหญ่แล้วเขาจะเปิดอ่านเฉพาะของดุจดาว เพราะชอบสิ่งที่เธอเขียน สิ่งที่เธอเล่า ราวกับว่าเขาได้อ่านนวนิยายเรื่องหนึ่ง มันสร้างรอยยิ้มให้เขาได้ทุกวัน
“เฮ้อ...” พ่นลมหายใจเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังเพ้ออยู่ ผ่านมาหกปีตั้งแต่เธอจากไป เขายังคงคิดถึงไม่จางหาย ป่านนี้เธอจะเป็นอย่างไรบ้าง บนนั้นเธอได้กินอะไรอร่อย ๆ เหมือนที่ชอบบ่นให้ฟังหรือไม่ เขาอยากจะรู้
“หึ...เธอคงมองพี่อยู่สินะ” เขาพูดไปแต่งตัวไป เซตผมไปด้วย ก่อนจะเดินออกจากห้องเมื่อใกล้ถึงเวลาที่เลขาฯจะมารับไปทำงาน ชายหนุ่มลงมาก็ได้กลิ่นอาหารยามเช้า เธอผัดกะเพราแน่ ๆ
“เสร็จพอดีค่ะ” ปานเดือนอาบน้ำแล้วก็รีบลงมือทำอาหาร โดยที่ใบหน้าและเสื้อผ้าของเธอก็ยับยู่ยี่ แทบดูไม่ได้ ใบหน้าสวยหวานนั้นซีดเผือดอยู่ตลอดเวลา เธอไม่ต่างจากแม่บ้านโทรม ๆ คนหนึ่ง
“เอามาสิ” ว่าแล้วก็ไปนั่งรอที่โต๊ะกินข้าว ปานเดือนทำอาหารอร่อยเขาไม่เถียง มีเธอไว้เป็นแม่บ้านก็ไม่ต้องกังวลเรื่องของกิน
...เธอเสิร์ฟอาหารให้เขาเช่นเคย คราวนี้จะหยิบจับอะไรก็ระมัดระวังเป็นพิเศษ
“กินยาคุมหรือเปล่า” เขาถามน้ำเสียงเรียบ แต่กลับทำให้หัวใจคนฟังเต้นโครมคราม
“ไม่ได้กินแล้วค่ะ”
“โอเค อีกสองอาทิตย์เธอก็ไปซื้อที่ตรวจครรภ์ แล้วก็ไปบอกพ่อฉัน” ชายหนุ่มมั่นใจว่าตนน้ำเชื้อแรง หากว่าเธอมีลูกก็ไม่ติดอะไร เธอก็เลี้ยงลูกไป ส่วนเขาก็ทำงานก็แค่นั้น ทว่า
“เอ่อ ฉันขอถามได้ไหมคะ ผู้หญิงคนเมื่อวานที่มาส่งพี่ เป็นใครเหรอ” ฝ่ามือหนาที่กำลังตักข้าวกินนั้นหยุดชะงัก ชายหนุ่มหันไปมองเธออย่างช้า ๆ
“ทำไม เธอยังไปไหนมาไหนกับไอ้หน้าหนวดนั่นได้ ทีฉันจะไปกับผู้หญิงทำไมจะไม่ได้” แสดงว่าจริงอย่างที่คิด หัวใจดวงน้อยเจ็บแปล๊บ
“ไอติมเป็นเพื่อนฉันค่ะ” ว่าเสียงสั่นพร้อมกับน้ำตาที่ส่อเค้าจะไหล “ถ้าพี่จะมีผู้หญิงอื่น เราอย่าเพิ่งมีลูกกันดีกว่านะคะ ฉันไม่อยากให้ลูกต้องมารู้สึกไม่ดี”
“_” เปรมนัตย์มองเธอ ผู้หญิงคนนี้คิดไปเตลิดเปิดเปิงแล้วล่ะมั้ง แต่ถ้าเขาจะมีเมียน้อยจริง ๆ เธอก็ห้ามไม่ได้หรอก “ไม่ได้ ฉันบอกให้ปล่อยท้องก็ปล่อย เธอไม่ต้องคิดอะไรมาก เงินฉันมีเยอะพอจะเลี้ยงลูกได้อีกเป็นร้อยคน จะมีอีกกี่เมียฉันก็เลี้ยงได้”
“...พี่จะมีเมียน้อยจริง ๆ เหรอ” ปานเดือนก็คิดว่าเขาจะมีแค่ครั้งคราว แต่ถ้าให้สถานะผู้หญิงคนนั้นด้วย...ก็ไม่รู้ว่าจะทนได้อีกนานแค่ไหน เธอเจ็บเหลือเกิน
แต่แล้ว
“เธอไม่ใช่คนที่ฉันรัก เธอเป็นเมียแต่ง แค่แต่งงานแทนดาว เธอไม่ใช่เจ้าของชีวิตฉัน” ความจริงข้อนี้ก็เล่นเอาจุกในอก ปานเดือนไม่ได้ตอบอะไร ทำนบน้ำตาของเธอพังลง ก่อนจะเดินออกจากห้องอาหาร หลบมุมไปร้องไห้คนเดียวเงียบ ๆ
“ฮึก ฮือ~” เขาพูดมาได้ ถ้าคิดอย่างนั้นมันง่ายมากก็คงไม่ทนเจ็บอยู่อย่างนี้หรอก แม้นจะไม่ได้คาดหวังให้เขารัก แต่ก็คงทำใจไม่ได้หากว่าเขาจะมีเมียเพิ่ม หญิงสาวนั่งร้องไห้อยู่นานสองนาน กระทั่งได้ยินเสียงรถยนต์ของเขาขับออกไป ราวกับว่าไม่ได้สนใจอะไรเธอเลย...