ร่างบางทรุดกายลงที่พื้นห้องน้ำ เธอเหนื่อยมาทั้งคืนกับการต้องรองรับอารมณ์ของเขา แถมยังต้องปลอมเป็นน้องสาวเพื่อจะได้เอาใจเขาอีก หญิงสาวนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่บนพื้น น้ำตาไหลอาบแก้มใสไม่หยุด
“ฮึก ฮือ~” ปานเดือนนั่งกอดเข่าร้องไห้ออกมาจนแผ่นหลังบางสั่นเทา สายตาของเขาที่ใช้มองเมื่อเช้ากับเมื่อคืนนั้นต่างกันราวฟ้ากับเหว แรก ๆ เธอดีใจที่เขาใจดีเวลาเธอแทนตัวเองว่าดาว อยากสวมรอยเป็นคนรักของเขาให้สิ้นเรื่อง เปลี่ยนนิสัย เปลี่ยนการแต่งกาย แม้นแต่ยอมใส่คอนแทกต์เลนส์แทนการใส่แว่น แต่นานเข้ามันยิ่งกัดกินตัวตนของเธอ จนไม่เหลือตัวตน จนทำให้รู้สึกเกลียดตัวเองขึ้นมาเสียดื้อ ๆ
เวลาผ่านไปก็เริ่มปฏิเสธว่าไม่ใช่ เขาเมามาทีไรก็เรียกหาแต่ดุจดาว พร่ำเพ้อราวกับคนบ้าไร้สติ
“อึก...” ปานเดือนรีบตั้งสติ ต้องรีบออกไปทำอาหาร ไม่เช่นนั้นอาจจะโดนด่าด้วยถ้อยคำทำร้ายจิตใจ
...หญิงสาวฝืนร่างกายอ่อนเพลียนี้รีบอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะลงไปที่ครัว เขาชอบกินอะไรเธอก็รู้ เขาไม่ชอบ แพ้ หรือเกลียดสิ่ง
ใดเธอรู้หมด หากไปแข่งรายการแฟนพันธุ์แท้เปรมนัตย์ เธอคงได้ที่หนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย
ทว่าขณะนั้นเอง
ร่างหนาที่ลงมาจากชั้นสองของบ้านนั้นทำให้คนตัวเล็กตกใจ เพราะข้าวต้มร้อน ๆ ยามเช้านี้ยังไม่แล้วเสร็จเลย
“เอ่อ รอหน่อยนะคะ ฉันเพิ่งตั้งหม้อเองค่ะ” ชายหนุ่มตวัดสายตามอง เขาก้มมองนาฬิกาข้อมือ ก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้โดยไม่ได้พูดอะไร เท่ากับว่าเขาจะรออาหารจากเธอ
ปานเดือนใบหน้าซีดเผือด อันที่จริงก่อนหน้านี้เธอมีอาการไข้จากอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยในช่วงหน้าฝนนี้ แถมเมื่อคืนเขายังรังแกเธอจนถึงเช้า ด้วยความที่ไม่ได้นอนทำให้มือไม้ของเธอสั่นเทา
...ถ้าไม่ติดว่าหล่อนทำอาหารอร่อยเขาจะไม่อยู่รอเลย เจ้าของใบหน้าหล่อเหล่านั้นนั่งเขี่ยโทรศัพท์อ่านข่าวสารในยามเช้า รวมถึงข่าวเศรษฐกิจทั่วโลก ชายหนุ่มนักธุรกิจผู้ถือหุ้นสูงสุดของธนาคารที่มีมูลค่าอันดับหนึ่งในประเทศในขณะนี้ เปรมนัตย์นั่งตำแหน่งประธานกรรมการบริหารต่อจากผู้เป็นพ่อที่เกษียณอายุตัวเองไปแล้ว
ขณะเดียวกันภายในห้องครัว...ฝ่ามือบางของปานเดือนกำเข้าหากัน เธอรู้สึกปวดหัวมาก ราวกับอาการไข้เมื่อวานจะทวีความรุนแรงขึ้น เมื่อคืนก็ไม่ได้กินยา
หญิงสาวส่ายหน้าเบา ๆ เพื่อเรียกสติของตัวเอง ก่อนจะตักข้าวต้มใส่ชามขนาดกลาง โดยไม่ลืมที่จะใส่เครื่องเคียงที่เขาชอบ ทั้งกระเทียมเจียวและหอมสด ทว่าพอจะนำไปเสิร์ฟ ความอ่อนเพลียหน้ามืดก็เข้าเล่นงานจนมือไม้อ่อนแรง
“โอ๊ย!!!”
เพล้ง!!
“อะไรวะ” เปรมนัตย์สะดุ้งเฮือกเช่นกัน รีบหันไปมองก็เห็นว่าปานเดือนทำชามข้าวต้มหล่นจากมือ เธฮยืนนิ่งพร้อมกับสองแขนที่ค้างกลางอากาศเพราะความร้อนของข้าวต้มนั้นลวกข้อมือของเธออย่างจัง ความแสบร้อนที่ให้ผิวหนังบริเวณนั้นพุพองขึ้นด้วยความรวดเร็ว
“อึก ขะขอโทษค่ะ เดี๋ยวฉันตักให้ใหม่นะคะ” เปรมนัตย์ข่มเปลือกปิดตาลงอย่างคนเบื่อหน่าย เขาเห็นแขนของเธอแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลุกไปช่วย เธอทำเอาของเธอเกี่ยวอะไรกับเขา
...พอหันหลังกลับน้ำตาก็ร่วงเผาะอาบแก้ม ทำนบน้ำตาของเธอทำด้วยอะไรกัน ทำไมถึงพังลงได้ง่ายขนาดนี้
“ฮึก...” หญิงสาวล้างแขนด้วยน้ำสะอาด เธอสะอื้นไห้เบา ๆ พร้อมกับกัดฟันแน่นด้วยความแสบ ก่อนจะรีบไปตักข้าวต้มใส่ชามใหม่ให้เขา ปานเดือนพยายามขบฟันไว้ระงับอาการเจ็บปวดที่กำลังรู้สึก แต่พอจะยกชามขึ้นอีกครั้ง ฝ่ามือหนาใหญ่กว่าเธอถึงสองเท่าก็ยื่นมือมาจากทางด้านหลัง คว้าเอาชามไปเสียก่อน
“โง่นัก” ชายหนุ่มเปล่งวาจาผ่านริมฝีปาก ราวกับว่าไม่ได้มาจากหัวสมองของเขา ดวงตาคมนั้นปรายสายตามองแผลพุพองนี้พร้อมกับส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะเดินถือชามข้าวต้มนี้กลับไปนั่งที่โต๊ะดังเดิม
สายตาของเขาว่างเปล่า คงมีแค่คำพูดเยาะเย้ยที่เขาอยากพูด แต่ก็เกรงว่าจะเสียเวลาเสวนากับเธอ...
เวลาต่อมา...
พื้นที่กว่าหนึ่งร้อยไร่นี้ตั้งอยู่ใจกลางกรุงฯ บ้านหลังสีขาวที่ทางด้านหลังเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา ใครต่างก็รู้ว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านผู้สืบสกุลของผู้ดีเก่า เจ้าของถังเงินถังทองของประเทศ
บ้านธนธาดาสูงถึงสองชั้น ทางด้านหน้าชิดกับถนนใหญ่ ส่วนทางด้านหลังนั้นติดกับตลิ่งแม่น้ำสายสำคัญของประเทศ ภายในบ้านนี้ตกแต่งสไตล์ยุคใหม่ทั้งหมด ปฏิสังขรณ์ใหม่มาโดยตลอดตามยุคสมัย ที่ตอนนี้นิยมตกแต่งในรูปแบบมินิมอล หรือที่เรียกว่าเล็ก ๆ น้อย ๆ เน้นสีขาวซึ่งเป็นไม้เนื้ออ่อน มูลค่าบ้านหลังนี้ประเมินไม่ได้ เพราะถูกส่งต่อมาอย่างยาวนานให้กับลูกหลานผู้สืบสกุล
ปานเดือนนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้เก่า เธอใช้ว่านหางจระเข้ทาข้อมือเบา ๆ อย่างนุ่มนวล กระนั้นมันก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้น แถมยังแสบร้อนเกินจะทนไหว
“ให้ตายสิ เป็นแผลเป็นแน่เลย” ริมฝีปากเล็กรูปกระจับขมุบขมิบพูด เกรงว่าผิวสวย ๆ นี้จะมีรอย ต้องรีบไปหาซื้อครีมลดรอยแผลเป็นมาไว้เสียแล้ว
“เฮ้อ...” ไข้เริ่มลดลงหลังจากกินยาแก้ไข้ หญิงสาวผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะตัดสินใจโทรไปยกเลิกงานที่ได้นัดลูกค้าไว้ หากอีกฝ่ายเห็นใจก็คงได้เลื่อนไปก่อน
ไม่นานลูกค้าก็กดรับ
“สวัสดีค่ะ เดือนนะคะ”
[อ้าว! คุณเดือน มีอะไรหรือเปล่าคะ]
“คือว่ามีเหตุสุดวิสัย เดือนใช้มือไม่ได้ค่ะ ก็เลยอยากขอยกเลิกคิวถ่ายรูปชุดแต่งงานได้ไหมคะ ไม่มั่นใจด้วยค่ะว่าจะหายหรือเปล่า”
[อ้อ แล้วเป็นอะไรมากไหมคะ ไปหาหมอหรือยัง] ปานเดือนชะงักไป แม้นแต่สามีของเธอเขายังไม่เอ่ยถาม ไม่มีความเป็นห่วงเป็นใยให้กัน แต่คนอื่นกลับเป็นห่วงเธอแทน
“พอดีโดนน้ำร้อนลวกน่ะค่ะ”
[ตายแล้ว! คงเจ็บมากเลยใช่ไหมคะ ว่านหางจระเข้ช่วยบรรเทาได้นะคะ ที่บ้านของฉันมีเดี๋ยวเอาไปให้ค่ะ]
“มะไม่เป็นไรค่ะ” ปานเดือนพูดเสียงตะกุกตะกัก ปลายเสียงนั้นขาดห้วงไปเล็กน้อย รู้สึกซึ้งน้ำใจที่ลูกค้าสาวมีให้ “พอดีว่าที่บ้านปลูกไว้อยู่น่ะค่ะ”
[อ้อ ถ้าอย่างนั้นก็โล่งอกไปทีค่ะ ส่วนเรื่องถ่ายรูป ไม่เป็นไรนะคะ เลื่อนได้ค่ะ ถ้าได้วันแล้วก็โทรมาบอกได้เลยนะคะ แต่ว่าขอไม่เกินเดือนหน้านะคะ อยากอวดรูปแล้ว] ได้ยินอย่างนั้นใบหน้าเล็กก็ฉีกยิ้มกว้าง แม้นจะเจอเรื่องร้าย ๆ แต่โลกใบนี้ก็ไม่ได้ใจร้ายกับเธอไปเสียหมด
“ขอบคุณมาก ๆ นะคะ ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ”
[หือ...ฉันต่างหากที่จะต้องขอบคุณคุณเดือนที่อุตส่าห์เคลียร์คิวมาถ่ายรูปชุดแต่งงานให้เรา ดีใจมาก ๆ ค่ะ รอนานแค่ไหนก็รอได้] ปานเดือนฉีกยิ้มออกมาไม่หุบ เธอกล่าวขอบคุณอีกครั้งก่อนจะวางสายไป
หญิงสาวเป็นช่างภาพ เธอเรียนจบสาขาถ่ายภาพและมัลติมีเดีย ทว่าพอได้แต่งงานก็ต้องลาออกจากงาน ก่อนจะตั้งสตูดิโอขึ้นมาจากเงินเก็บทั้งหมด โดยมีพนักงานด้วยกันสองคน คือเธอและเพื่อนชายคนสนิทของเธอ
หญิงสาวรีบต่อสายบอกเพื่อนทันที ซึ่งอีกฝ่ายก็กดรับด้วยความรวดเร็วเช่นเดิม
[ว่าไง โทรมาแต่เช้าเชียว] น้ำเสียงัวเงียนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าไอติมยังนอนอยู่บนเตียง
“เดี๋ยวเหอะ นี่มันเที่ยงแล้วย่ะ”
[อ้าวเหรอ ไม่บอกก็ไม่รู้นะเนี่ย...]
“หน็อยแน่...บ้านไม่มีนาฬิกาหรือยังไงกัน” เธอส่ายหน้าเบา ๆ เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายทำเป็นไขสือ ไม่รู้ว่าตอนนี้เที่ยงแล้ว “แล้วงานลูกค้า คุณส้มส่งให้หรือยังล่ะ”
[เรียบร้อยแล้วล่ะครับหัวหน้า ผมก็เลยนอนเหมือนตายนี่แหละครับ ฮ่า ๆ] อีกฝ่ายว่าพร้อมกับหัวเราะ ซึ่งไอติมเพื่อนชายคนสนิทนี้รับหน้าที่เป็นโฟโต้เอดิเตอร์ หรือผู้ตัดต่อรีทัชแต่งรูปภาพ
“แหม...งานตั้งนาน ทำวันสุดท้ายแล้วก็ทำเป็นบ่น” หญิงสาวส่ายหน้า ใครจะไปรู้จักเพื่อนคนนี้ดีเท่าเธอ
[แล้วโทรมามีไร] ไอติมเห็นท่าไม่ดีรีบเปลี่ยนเรื่อง
“อ้อ งานคุณไหม เลื่อนนะ”
[อ้าว! งั้นก็ต้องติดต่อสถานที่ใหม่หมดเลยน่ะสิ]
“เรื่องนั้น...แกไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวฉันจะจัดการเอง” หญิงสาวรู้สึกผิด เพราะเธอแท้ ๆ ที่ทำให้หลาย ๆ อย่างได้รับผลกระทบตามไปด้วย
[แล้วเกิดเรื่องอะไรเหรอ ทำไมต้องเลื่อน] น้ำเสียงของเพื่อนชายนั้นเต็มไปด้วยความสงสัย
“คือว่า เอ่อ...” ไม่ทันที่เธอพูดจบ ปลายสายก็ตะคอกเสียงดังลั่นใส่โทรศัพท์ด้วยความโมโหสุดขีด
[มันทำอะไรเธอ ไอ้เลวนั่นทำอะไรเธออีก!!] เขารู้แม้นว่าเธอจะไม่ทันได้พูดอะไรเสียด้วยซ้ำ...