ขุนพลสายเปย์

1403 Words
“หาววว” กี่โมงแล้วเนี้ย เมื่อคืนยอมรับว่าหลังจากเถียง “ไม่ใช่สิ” ต้องบอกว่าฉันบ่นอยู่คนเดียวก็คงจะใช่ เพราะนายขุนพลเล่นไม่ตอบโต้อะไร ไม่เถียงแถมยังตีหน้ามึนให้ฉันบ่นอยู่คนเดียวมันคนบ้า ยอมรับว่าเมื่อคืนใช้พลังงานเยอะไปจริง ๆ ทุกคนอย่างคิดไปไกลนะ แค่ใช้พลังปอด ตื่นนอนขึ้นมาสิ่งที่ฉันโฟกัสเห็นอย่างแรกคือใบหน้าอันหล่อเหลาของนายขุนพล ที่ห่างจากใบหน้าฉันแค่หนึ่งเซน ยอมรับเลยว่านายคนนี้ต้องเป็นลูกรักพระเจ้าแน่นอน ก็เพราะใบหน้าที่ลงตัว ผิวเนียนระเอียด คิ้วเข้า จมูกโด่งเป็นสัน ปากกระจับสีชมพูแถมยังมีตาที่เฉียวอีกต่างหาก แต่อย่างเดียวคือไม่ค่อยพูดไม่ค่อยยิ้มไม่รู้ว่าชาตินี้ฉันจะได้เห็นรอยยิ้มของเขารึป่าว “มองอะไร” ห๊า !! นี่เขาตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ ใบหน้าของเราสองคนที่ห่างกันแค่หนึ่งเซนสายตาที่มองมาทางฉันและยังเลิกคิ้วถามเป็นเชิงกวนตีนว่าฉันไปมองหน้าเขาทำไม และไม่พูดเปล่าเขายื่นหน้ามาจุ๊บที่ปากฉันเบา ๆ หนึ่งที ตึกตัก ตึกตัก เสียงหัวใจของฉันที่เต้นแทบจะหลุดออกมา ทำให้ร่างกายสูบฉีดเลือดขึ้นมาทำงานที่ใบหน้า รับรู้ได้จากหน้าและหูของฉันที่ร้อนผ่าว ทำให้ฉันต้องรีบจับข้อมือของตัวเองเพื่อวัดชีพจรของตัวเองเพราะกลัวหัวใจทำงานหนักจนล้มเหลว หึ!! เสียงนุ่มทุ่มของผู้ชายตรงหน้าที่พึ่งตื่นนอนพร้อมฉันหัวเราะในลำคอ ยิ่งทำให้หัวใจฉันทำงานหนักเหมือนไปวิ่งรอบสนามมาใหม่ ๆ แบบนี้ฉันต้องหนีไปตั้งหลักก่อนแล้ว หลังจากคิดได้ดังนั้นก็รีบดีดตัวออกจากเตียงนอนแล้ววิ่งไปคว้าผ้าเช็คตัววิ่งเข้าห้องน้ำไปทันที ปัง!! น้ำมนต์วิ่งเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกับปิดประตูเสียงดังลั่นซึ่งเธอไม่ได้หันมามองปฏิกิริยาของคนที่นอนอยู่บนเตียงที่นอนยิ้มมองการกระทำของเธออยู่ การกระทำที่คนมองว่ามันน่ารักในสายตาของเขาเสมอ ขุนพลไม่ได้ยิ้มแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ ซึ่งเขาก็จำไม่ได้เหมือนกัน เพราะโตขึ้นมาก็เข้าสังคมเพื่อนฝูงที่มีแต่เรื่องชกต่อยและยิ่งเริ่มเปิดสนามแข่งรถก็ยิ่งเริ่มมีศัตรูในที่มืดมากขึ้น แถมยังมีกิจการของครอบครัวและของตัวเองที่ต้องรับผิดชอบอีกเพราะว่าเขาเป็นลูกชายคนเดียว “ผ้าเช็คตัวอยู่ไหน” หลังจากที่น้ำมนต์อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ คนที่นอนรอบนเตียงก็เอ่ยถามขึ้นเนื่องจากเขาต้องการอาบน้ำเป็นอย่างมาก และตั้งแต่เมื่อคืนเขาให้ลูกน้องนำเสื้อผ้ามาแขวนไว้ที่หน้าประตูคอนโดของน้ำมนต์ตั้งแต่เมื่อคืนโดยที่หญิงสาวไม่รู้เรื่องอะไรเลย “แล้วทำไมไม่กลับไปคอนโดตัวเองเนี้ย” เสียงบ่นของน้ำมนต์ดังขึ้นเป็นระยะ แต่การกระทำของเธอมักสวนทางกับคำพูดเพราะตอนนี้เธอกำลังหาผ้าเช็คตัวผืนใหม่ในตู้เสื้อผ้าให้เขาอยู่ ซึ่งมีสายตาคู่นึ่งมองการกระทำของเธออยู่ตลอดเวลา เหมือนเมียที่กำลังบ่นผัวที่หาของไม่เจอ หลังจากที่หาผ้าเช็คตัวให้ขุนพลเรียบร้อย ก็เดินออกมาจากห้องเพื่อทำอาหารรับประทาน เนื่องจากวันนี้เธอต้องเข้าเวรตอนเย็นที่โรงพยาบาล เลยทำให้ชิวได้เพราะตอนนี้บ่ายกว่า ๆ อยู่เลย ก็เลยเปิดตู้เย็นมองหาอาหารสดที่เหลือมาทำอาหารกินด้วยตัวเอง เห็นเธอเป็นคนไม่มีเวลาแต่เธอทำอาหารเป็นและอร่อยมากด้วย ตั้งแต่เล็กจนโตคนยายมักจะชอบสอนเสมอว่าเป็นผู้หญิงเรื่องงานบ้านงานเรือนต้องทำเป็นจะได้ไม่อายสามีในอนาคต “ทำไมนายยังไม่กลับสักที” “หิว” สรุปตอนนี้คอนโดของฉันกลายเป็นโรงแรมห้าดาวไปแล้วใช่มั้ย นอนไม่พอยังต้องทำอาหารให้กินอีก เหมือนตอนนี้เขาสถาปนาเป็นผัวฉันแล้วนะ “ก็ออกไปหาอะไรกินเซ่” "งกหรอ” เอ่องก แถมยังรกหูรกตาด้วย เห็นการณ์เมื่อเช้ามันเสี่ยงต่อหัวใจฉันมาก ก็เลยไม่อยากอยู่ใกล้เขาเท่าไหร่และไม่อยากเถียงต่อแล้วด้วยเหนื่อย เลยหันไปทำอาหารต่อจนเสร็จเรียบร้อยและยกไปวางบนโต๊ะหน้าทีวีโดยมีคนหน้ามึนนั่งอยู่บนโซฟารออยู่ก่อนแล้ว นายคนนี้มันคือเจ้ากรรมนายเวรที่แท้ทรูจริง ๆ “กินข้าวได้แล้ว ” เดี๋ยวจะหาว่าไม่มีน้ำใจอีก เกิดเป็นคนสวยใจบุญก็ทำอะไรไม่ได้แล้วอีกอย่างถ้าจะให้เขานั่งมองฉันกิน ฉันก็คงกินไม่ลงก็เลยชวนกินแม่งเลย “กินแล้วจะตายมั้ย” ฉันอยากจะเอาจานเข้าตบเข้าที่ปากเขาจริง ๆ เลยนะ !! พูดน้อยแต่พูดออกมาแต่ละคำมันช่างเจ็บแสบ ถึงทรวงอะไรเช่นนี้ น้ำมนต์รับไม่ได้ “สรุปจะกินไม่กิน แต่ไม่ให้กินฟรีหรอกนะ จ่ายตังมาด้วย” เอาว่ะ อย่างน้อยก็ค่าข้าวก็ยังดี เงินสมัยนี้หายากกว่าจะได้มาแต่ละบาทเลือดตาแทบกระเด็น ขอเรียกคืนซักร้อยสองร้อยก็เอา อย่าหาว่าฉันงกให้เรียกฉันว่าเป็นคนที่รู้จักคุณค่าของเงิน(: ขุนพลล่วงกระเป๋าสตางค์จากข้างหลังกางเกงยีนส์แล้วเปิดกระเป๋าสตางค์ห แต่ไม่ได้หยิบเงินนะเขาหยิบบัตรแบล็คการ์ดสำหรับคนรวยมาวางตรงหน้าฉันค่ะทุกคน “ให้ฉันหรอ” ไม่แน่ใจว่าเขาหยิบมาวางบนโต๊ะทำไม วางเสร็จก็ไม่พูดอะไรต่อและกินข้าวหน้าตาเฉย ทำให้ฉันต้องถามย้ำอีกครั้งว่าเขาต้องการอะไรกันแน่ “อือ” เดี๋ยวนะ!! ขนาดไม่ได้เป็นอะไรกัน ขุนพลเปย์บัตรแบล็คการ์ดขนาดนี้เลยหรอ? แล้วถ้าเขามีเมียเขาจะเปย์อะไรให้บ้างไม่อยากจะคิด แค่บัตรนี้วงเงินไม่จำกัดแถมยังสามารถซื้อได้ทุกอย่า อะไรจะไว้ใจคนอื่นขนาดนั้นหรือเขาชอบเปย์สาวแบบนี้ว่ะ “นี่นายเปย์ผู้หญิงแบบนี้บ่อยหรอ” “ไม่เคย..เธอ..คนแรก” จบประโยค ทำให้ฉันสตั้นไปเลยทันที นายมันแน่นายขุนพลแล้วใครจะกล้าใช้บัตร ไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อย “นายเอาคืนไปเลย” “เก็บไว้ใช้” ก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อไปโดยไม่ได้หยิบบัตรปล่อยให้บัตรนอนแอ่งแม้งอยู่บนโต๊ะอยู่แบบนั้น นายขุนพลใช้เงินแบบนี้เลยหรอ...ถึงฐานะทางบ้านฉันรวยแต่ฉันก็เป็นคนรู้จักใช้เงินนะ แบรนด์เนมที่ฉันใช้ก็จะซื้อให้ตัวเองในโอกาสต่าง ๆ เท่านั้น ฉันจะเอาเงินไปลงกับอสังหามากกว่ากระเป๋าหรือนาฬิกา “วันนี้มีเข้าเวรดึกที่โรงพยาบาลนะ” ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องบอกให้เขารู้ ซึ่งก็ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องบอก ฉันพูดประโยคนี้ออกไปทำให้คนรับฟังอย่างขุนพล แปลกใจและทำหน้างุนงง กับคำบอกของฉันเป็นอย่างมาก นี่สรุปเขาจะหาว่าฉันเสือกบอกเขาหรอ? รู้งี้ไม่บอกดีกว่าเสียฟอร์มจริง ๆ ที่เลือกบอกกับนายคนนี่ออกไป “อือ” ตอบรับแค่นั้นก็กินข้าวที่ฉันทำจนหมดเกลี้ยงเหมือนคนไม่ได้กินข้าวมาสามวัน หลังจากที่กินข้าวกันเสร็จเรียบร้อยฉันก็เก็บจานไปล้างเรียบร้อยและกลับมานั่งโซฟาหน้าทีวีที่มีขุนพลนั่งอยู่ก่อนหน้านี้ ตอนนี้เขานั่งดูรายงานอะไรซักอย่างผ่าน แท็บเล็ต เวลาเขานั่งทำงานมันทำให้เขาดูเป็นผู้ใหญ่หน้าภูมิฐานขึ้นเพิ่มอีกเป็นเท่าตัวซึ่งขัดกับใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์กว่าอายุของเขา ตึกตัก ตึกตัก โอ้ยใจฉัน ##ขุนพลเปย์ไรต์หน่อยย อยากโดนเปย์ ##
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD