“เรือจะเทียบท่าแล้วครับท่าน”
เอริกหิ้วกระเป๋าเดินทาง พร้อมกับส่งแว่นกันแดดให้ผู้เป็นนาย ริคคาโด้รับมาสวมไว้ เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้า กางเกงขาสั้นและรองเท้าผ้าใบ ทำตัวเหมือนนักท่องเที่ยวคนอื่นไม่ให้สะดุดตา
เรือจอดเทียบท่าในเขตเรือยอร์ช ซึ่งอยู่คนละด้านกับท่าเทียบเรือน้ำลึกใช้สำหรับเทียบท่าเรือสำราญ ร่างสูงใหญ่ของมาเฟียหนุ่มเดินลงมาจากเรือ เขากวาดสายตามองไปรอบๆ ด้วยเพิ่งเคยมาเยือนเซริตาน่าเป็นครั้งแรก
บริเวณท่าเรือมีนักท่องเที่ยวค่อนข้างพลุกพล่าน เสียงเรือเสียงผู้คนดังจอแจ บรรยากาศดูวุ่นวายไม่น้อย ริคคาโด้พาตัวเองเดินเล่นไปรอบๆ เขาไปสะดุดตากับเด็กหญิงคนหนึ่ง ร่างกลมป้อมนั้นกำลังช่วยหญิงชรานักท่องเที่ยวเก็บของหล่นพื้น ใกล้ๆ กันนั้นมีเด็กชายสองคนอายุประมาณเจ็ดแปดขวบยืนอยู่
“คุณยายคะ เดินดีๆ นะคะ”
โรซี่น้อยส่งกระเป๋าให้หญิงชรา แม่หนูเห็นอีกฝ่ายถูกโจเอลกับมาคัสวิ่งเล่นกันชนจนล้ม กระเป๋าที่ถือมาหล่นลงพื้นจึงเข้าไปช่วย
“ขอบใจมากแม่หนู เป็นเด็กดีจริงๆ” หญิงชราเอ่ยชม
“หนูยินดีช่วยเหลือค่ะ คุณยายมากับกรุ๊ปทัวร์หรือเปล่าคะ หนูเห็นไกด์กำลังตามหาสมาชิกกรุ๊ปทัวร์อยู่ตรงโน้นค่ะ ดูเหมือนรถกำลังจะออก” แม่หนูน้อยบอก
“โอ้ ฉันต้องไปแล้ว ขอบใจอีกครั้งนะแล้วพบกันใหม่นะ” หญิงชราได้ยินแบบนั้นก็รีบขอตัวจากไป
“ขอให้สนุกนะคะ”
โรซี่โบกมือให้ ก่อนจะหันมายังเด็กต้นเรื่องสองคน เริ่มต้นอบรมเด็กทั้งสองทันที
“มาคัส โจเอล พวกนายสองคนแย่มาก แถวนี้ไม่ใช่ที่วิ่งเล่นนะ โชคดีเท่าไหร่แล้วที่คุณยายไม่บาดเจ็บ”
“ยายแก่นั้นเดินเกะกะเอง พวกฉันเลยชนนะสิ” โจเอลไม่ยอมรับความผิด
“ใช่ เดินขวางทาง ไม่รู้จักหลบ ถูกฉันชนแค่นี้ไม่เจ็บมากหรอก ไม่เห็นเดือดร้อนอะไรเลย” มาคัสสนับสนุนเพื่อน
“พวกนายสองคนนี่นิสัยไม่ดีเลย ทำผิดไม่ยอมรับผิด ทำตัวเหมือนอันธพาล”
โรซี่ต่อว่าอย่างเหลืออด หนูน้อยถูกมารดาสอนเรื่องมารยาทต่อผู้อื่น และอบรมให้รู้จักความรับผิดชอบตั้งแต่เล็กๆ จึงทนไม่ไหวเมื่อเห็นเด็กสองคนทำตัวไม่ดี
“อันธพาลเรอะ ยายเด็กไม่มีพ่อ” โจเอลยกเรื่องนี้มาล้อเลียน
ใครๆ บนเกาะแห่งนี้ ต่างรู้ว่าอลิชาแม่ของโรซี่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว โรซี่น้อยจึงถูกเด็กๆ คนอื่นล้อเลียนว่าเป็นลูกไม่มีพ่อ แม่หนูน้อยหน้าตึงทันที
“เด็กทุกคนมีพ่อแม่ ฉันไม่ได้เกิดมาจากกระบอกไม้ไผ่ เหมือนยอพระกลิ่นสักหน่อย”
แม่หนูน้อยเถียงกลับ ยกเอานิยายพื้นบ้านไทยเรื่องยอพระกลิ่น ที่คุณตาเล่าให้ฟังมาเปรียบเทียบ แม่ลิชของเธอชอบเล่านิทานเจ้าหญิงให้ฟัง ส่วนคุณตาพัชรก็มักจะเล่านิทานพื้นบ้านของไทยให้หลานฟัง โรซี่น้อยชอบฟังนิทานจดจำได้ทุกเรื่อง
“ยอพระกลิ่นบ้าบออะไร ฉันไม่รู้จัก ถ้าเธอมีพ่อแล้วพ่อของเธออยู่ที่ไหน” มาคัสยังไม่เลิกล้อเลียน
“พ่อของฉันอยู่ที่ไหนสักที่บนโลกใบนี้แหละ แค่พ่อยังตามหาฉันไม่เจอ”
โรซี่น้อยโต้คืน หัวใจปวดหนึบกับคำล้อเลียนนั้น เธอมีแม่ลิชกับคุณตาพัชร ส่วนพ่อคือใครไม่รู้ ชื่ออะไรก็ไม่รู้ แม่หนูเคยถามผู้เป็นแม่ คำตอบที่ได้คือพ่ออยู่ไกลมาก วันหนึ่งพ่อจะกลับมาหาโรซี่ แม่หนูจึงชอบมาที่ท่าเรือแห่งนี้ หวังว่าวันหนึ่งจะได้พบพ่อ
“อย่ามาอ้างมั่วๆ เลย ยายเด็กไม่มีพ่อ แม่เธอเป็นโสเภณี เธอเลยไม่มีพ่อ”
โจเอลส่ายหน้าไม่เชื่อ เด็กชายลามปรามไปถึงแม่ของหนูน้อย จำคำพูดของพี่สาวมาด่าว่าอย่างคะนองปาก พี่สาวของเขาบอกว่าอลิชาแม่ของโรซี่เป็นผู้หญิงแพศยา ชอบหลอกให้ผู้ชายหลงรัก แฟนของพี่สาวเขาก็เคยหลงรักแม่ของโรซี่มาก่อน
“ไอ้ปากตูด อย่ามาว่าแม่ลิชนะ ไอ้คนปากเน่า”
แม่หนูน้อยด่าคืนด้วยคำหยาบที่แกไม่ค่อยถนัด ส่งผลให้เด็กชายโมโหขึ้นมา
“ปากดีแบบนี้ต้องสั่งสอน”
โจเอลตรงเข้ามาดึงหางเปียของโรซี ส่วนมาคัสก็ทำแบบเดียวกันกับเปียอีกข้าง แม่หนูน้อยถูกเด็กสองคนรุมรังแกก็เริ่มต่อสู้ โดยการเตะหน้าแข้งเด็กชายทั้งสองจนร้องโอดโอยล้มลงกับพื้น
“พวกนายมันนิสัยไม่ดีเลย” แม่หนูน้อยกอดอกพลางตำหนิ
“ยายเด็กไม่มีพ่อ กล้าทำแบบนี้กับพวกฉันเหรอ”
มาคัสกับโจเอลรีบลุกขึ้นมา ทำท่าจะเข้าไปจัดการแม่หนูโรซี่ตัวแสบอีก แต่ยังไม่ทันได้เข้าใกล้ คอเสื้อของพวกเขาสองคนก็ถูกใครคนหนึ่งจับหิ้วจนเท้าลอยจากพื้น เมื่อหันไปมองก็ต้องย่นคอด้วยความกลัว สายตาของผู้ชายร่างใหญ่ช่างดุกร้าวน่ากลัวหลือเกิน
“เป็นผู้ชายรังแกเด็กผู้หญิงแบบนี้ ไม่ไหวนะไอ้หนู”
ริคคาโด้ทนเห็นแม่หนูน้อยถูกรังแกไม่ได้จึงเข้ามาช่วย เอริกตามมาสมทบ ทนายความหนุ่มเอานิ้วจิ้มหน้าผากเด็กสองคน
“รู้ไหมว่ารังแกคนอื่นแบบนี้ มีความผิดนะ”
“เราสองคนไม่ได้รังแก ก็ยายโรซี่มาด่าเรานี่” มาคัสเถียง
“ใช่ ยายเด็กไม่มีพ่อนี่ ด่าเราก่อน” โจเอลโยนโทษให้โรซี่น้อย
“อย่ามาโกหก ฉันเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้น พวกนายสองคนตัวแค่นี้ริเป็นอันธพาลแล้วหรือ”
ริคคาโด้ยื่นหน้าไปจ้องเด็กชายทั้งสองทีละคน ทำเอาเด็กทั้งคู่ย่นคอด้วยความกลัว
“ปล่อยพวกเรานะ ไม่อย่างนั้นถ้าพ่อฉันมา พ่อฉันจะฆ่านายแน่ พ่อฉันเป็นลูกน้องท่านนิโคลัสผู้ยิ่งใหญ่นะ”
มาคัสยกพ่อขึ้นมาอ้าง พ่อของเขาทำงานให้ท่านนิโคลัส เบตาโทรี่ หัวหน้าแก๊งไทก้าซานโตนี่ เขาคิดว่าพ่อของเขาเก่งมาก ใครๆ ระแวกหมู่บ้านต่างพากันเกรงใจพ่อ เด็กชายจึงทำตัวเกเรโดยไม่กลัวใคร
“แน่จริงก็ไปฟ้องพ่อแกเลยเจ้าหนู บอกให้มาหาฉันได้ทุกเวลา”
ริคคาโด้แค่นยิ้มหยัน ก่อนจะโยนเด็กสองคนลงพื้น ปล่อยให้วิ่งหนีไป แล้วหันไปมองแม่หนูตัวน้อยด้วยแววตาอ่อนแสงลง
“เจ็บหรือเปล่า”
เขาเอามือลูบผมที่ฟูยุ่งให้แม่หนู รู้สึกเอ็นดูหนูน้อยคนนี้ขึ้นมา เมื่อครู่เขาเห็นท่าทางเก่งกล้าของแม่หนูคนนี้แล้วชอบใจ ตัวเล็กเท่ามดแต่กล้าหาญไม่ยอมให้คนรังแก เท้าน้อยๆ เตะหน้าแข้งเด็กชายตัวโตกว่าสองคนจนล้ม แถมยังไม่วิ่งหนี ยืนด่าเจ้าอันธพาลเด็กฉอดๆ แบบไม่กลัวเกรง สร้างความประทับใจให้เขามาก
“ไม่เจ็บค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยหนู”
โรซี่น้อยพนมมือไหว้ขอบคุณแบบไทยๆ ทำเอาคนเห็นยกคิ้วสูงด้วยความแปลกใจ
“หนูมีเชื้อสายไทยใช่ไหม”
“ค่ะ คุณตาพัชรเป็นคนไทยค่ะ” แม่หนูน้อยตอบอย่างภาคภูมิใจ
ริคคาโด้คลี่ยิ้ม ความเอ็นดูเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว เขามีมารดาเป็นคนไทย ท่านเป็นต้นแบบผู้หญิงที่เขาชื่นชม นั่นเป็นเหตุผลให้มาเฟียหนุ่มไม่เคยติดใจสาวๆ คนไหน เพราะหาผู้หญิงที่มีลักษณะคล้ายมารดาเขาไม่พบสักคน
“แล้วบ้านอยู่แถวไหน ทำไมมาเล่นที่นี่ คนเยอะแบบนี้ไม่กลัวเหรอ”
เอริกถามอย่างสนใจ เขามองใบหน้ากลมนั้นแล้วรู้สึกคุ้นเคย เหมือนเคยเห็นใบหน้าคล้ายกันแบบนี้ที่ไหนมาก่อน แต่ก็นึกไม่ออก
“หนูมากับคุณตาค่ะ นั่นไงคะคุณตาเดินมานั่นแล้ว”
โรซี่น้อยหันไปเห็นคุณตาของแก กำลังเดินมาก็โบกมือให้ นายพัชรรีบเดินเข้ามาอุ้มหลานสาวไว้ เขามองชายสองคนที่กำลังคุยกับโรซี่อย่างสำรวจ
“มีอะไรกันหรือเปล่าครับ”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ เจ้านายผมท่านเอ็นดูแม่หนูเลยชวนคุย”
เอริกรีบบอก เกรงอีกฝ่ายเข้าใจเขากับเจ้านายผิด
“คุณลุงสองคนนี้ ช่วยโรซี่ไว้ค่ะ เมื่อกี้มาคัสกับโจเอลรังแกโรซี่ค่ะ” แม่หนูแจกแจงให้ผู้เป็นตาฟัง
“ขอบคุณคุณสองคนมากครับ เด็กสองคนนั่นชอบรังแกโรซี่บ่อยๆ เห็นทีผมต้องไปคุยกับพ่อแม่พวกเขาสักวัน” นายพัชรเอ่ยขอบคุณ
“เรื่องเล็กน้อยครับ ว่าแต่บ้านพวกคุณอยู่แถวนี้หรือครับ” ริคคาโด้เอ่ยขึ้น
“เราเปิดโฮมสเตย์กับร้านอาหารครับ ตอนนี้มีห้องว่างอยู่ ถ้าพวกคุณยังไม่มีที่พักก็มาใช้บริการได้นะครับ” นายพัชรเอ่ยชวน
“แม่ลิชทำข้าวผัดสับปะรดอร่อยมากเลยค่ะ” แม่หนูช่วยโปรโมตอีกคน
ริคคาโด้ยิ้มเอ็นดู เขาหันไปบอกเอริกว่า
“เอริก ฉันอยากกินข้าวผัดสับปะรด ยกเลิกห้องพักที่สั่งจองเปลี่ยนมาพักที่บ้านพักของพวกเขาแทน”
มาเฟียหนุ่มทนความน่ารักน่าเอ็นดูของแม่หนูไม่ไหว โรซี่น้อยมีแรงดึงดูดบางอย่าง ทำให้เขาอยากเข้าใกล้ มันคงจะดี หากเขาใช้เวลาสองวันนี้พักที่โฮมสเตย์ของครอบครัวแม่หนูน้อย