“อาเห็นด้วยกับนิกนะ คนเรามักจะมองดูตัวเองไม่ออกหรอกจ้ะ ต้องมองจากมุมของคนรอบข้างถึงจะรู้ อาดีใจมากเลยนะที่ได้น้ำอิงคนเดิมกลับมา น้ำอิงคนที่ไม่ต้องคอยเปลี่ยนตัวเองเพื่อคนบางคน มิหนำซ้ำคนคนนั้นยังไม่เห็นคุณค่าเสียอีก เดี๋ยวเย็นนี้พอกินข้าวเสร็จเรียบร้อยเรามาฉลองกันดีกว่า เดี๋ยวอาจะแอบไปเอาไวน์ของพี่หมูมาเปิด ดีมั้ย”
พี่หมูที่อินทิราเอ่ยถึงก็คืออธิก บิดาของอิงลดาที่มีชื่อเล่นว่าหมูยอนั่นเอง
“ดีค่ะอาแหนม พ่อเก็บไว้ตั้งเยอะแยะ แอบเอามาเปิดบ้างสักขวดสองขวดก็คงจำไม่ได้หรอก” อิงลดาเห็นดีเห็นงามไปด้วย
เช้าวันรุ่งขึ้น อิงลดาตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่ด้วยสีหน้าสดชื่นรื่นรมย์ ดวงหน้าสดใสแทบไม่มีร่องรอยของความเศร้าโศกหลงเหลือให้เห็น
“จะไปไหนแต่เช้าจ๊ะ” อินทิราเดินอ้าปากหาวหวอดออกมาจากห้องนอน เพราะรู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าวันนี้หลานสาวลาพักร้อนอีกหนึ่งวัน
“จะไปไหว้พระเก้าวัดกับนิกที่อยุธยาค่ะ อาแหนมจะไปด้วยกันมั้ย” เธอเอ่ยปากชวนทั้งที่รู้คำตอบเป็นอย่างดี เพราะอาสาวของเธอนั้นไม่ค่อยจะย่างกรายออกจากบ้านถ้าไม่จำเป็น
“ไม่หรอกจ้ะอากำลังเร่งปิดต้นฉบับอยู่” อินทิราพูดปฏิเสธตามที่อิงลดาคิดไว้
อินทิรามีอาชีพเป็นนักเขียนนิยายแนวโรมานซ์กับนักแปลอิสระ จึงสามารถทำงานอยู่ที่บ้านโดยขลุกอยู่กับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กเพียงแค่เครื่องเดียวก็อยู่ได้ทั้งวัน จนบางครั้งข้าวปลายังแทบจะลืมกิน
“ถ้างั้นเดี๋ยวน้ำอิงซื้อโรตีสายไหมมาฝาก แล้วไม่ใช่เขียนนิยายจนลืมกินข้าวอีกนะคะ” หลานสาวเอ่ยเตือน
“จ้า ขนาดลืมกินข้าวตัวอายังกลมเป็นลูกขนุนถึงเพียงนี้ แล้วน้ำอิงยังคิดจะซื้อของกินพวกนี้มาหลอกล่ออีกนะ” อินทิราบ่นกระปอดกระแปด แต่บ่นไปยังงั้นเอง เพราะพออีกฝ่ายซื้อมาเธอก็กินเรียบจนไม่เหลือทุกครั้ง
“รูปร่างอาแหนมไม่ได้เรียกว่าอ้วนหรอกค่ะ แค่อวบอิ่มเท่านั้นเอง ผอมๆ ไม่เห็นจะสวยตรงไหน น้ำอิงเองก็ไม่ได้อยากผอมแบบนี้หรอกค่ะ” เธอพูดพร้อมก้มลงมองดูร่างผอมเพรียวของตัวเองอย่างไม่ชอบใจนัก
“เออ! คนเราหนอช่างไม่มีความพอดีเอาเสียเลย ไอ้เรารึก็อยากผอม คนผอมสวยอยู่แล้วกลับไม่ชอบรูปร่างของตัวเองอีกซะงั้น” อินทิราพูดพลางมองพิศร่างสูงระหงของหลานสาว ที่เธอนึกอยากเปลี่ยนให้มาเป็นร่างของเธอแทนเสียนัก แม้จะมีหุ่นผอมเพรียวแต่อิงลดาก็มีรูปร่างที่ได้สัดส่วนสวยงาม สิ่งไหนควรมีก็มี แถมยังเกินตัวอีกต่างหาก
เสียงรถที่แล่นเข้ามาพร้อมกับเสียงเบรกดังเอี๊ยดจนได้ยินเข้ามาถึงในบ้าน บอกให้รู้ว่าอาชวินมาถึงแล้ว อินทิราส่ายหัวอย่างไม่ชอบใจนัก
“นิกคงมาแล้ว ขับรถกันดีๆ นะจ๊ะ” อินทิราเอ่ยเตือนอย่างห่วงใย เพราะรู้ว่าเพื่อนสนิทของหลานสาวนั้นชอบขับรถเร็วจนเป็นกิจวัตร
“ค่ะอาแหนม” อิงลดารับปากแล้วรีบเดินออกไปหาเพื่อนพร้อมกับคำต่อว่า “แกจอดรถให้มันปกติเหมือนชาวบ้านเขาไม่ได้รึไงนะนิก”
“แกยังไม่ชินอีกหรือไง” อาชวินพูดยิ้มๆ ก่อนมองหน้าเพื่อน “วันนี้หน้าตาแกดูสดใสแล้วนี่หว่า ตกลงแกกับยายผู้หญิงขี้เมาเมื่อวันก่อน เป็นคนเดียวกันรึเปล่าวะเนี่ย”
อิงลดาไม่ตอบ แต่ใช้กระเป๋าใบใหญ่ฟาดผลัวะเข้าที่ไหล่คนพูดเต็มแรง
“เฮ้ย ฉันเจ็บนะน้ำอิง แกนี่มันซาดิสม์จริงๆ” อาชวินต่อว่าพลางกวาดสายตามองเพื่อนสนิทในชุดกระโปรงสีขาวเหนือเข่า ส่งให้รูปร่างดูระหงยิ่งขึ้นอย่างน่าชม แต่ปากกลับพูดตรงกันข้าม
“แต่งแบบนี้เข้าวัดเดี๋ยวคนก็นึกว่าแกเป็นแม่ชีหรอกน้ำอิง”
“แกนี่มันปากเสียจริงๆ นะนิก” อิงลดาต่อว่าอย่างไม่จริงจังนัก ก่อนจะขมวดคิ้วเรียวมองเพื่อนสนิทอย่างสงสัย “ฉันถามจริงๆ เถอะนิก แกเป็นถึงนายแบบชื่อดัง แถมกำลังจะมีงานละคร แต่เวลาไปไหนมาไหนฉันไม่เห็นแกกลัวพวกปาปารัซซีมาแอบถ่ายรูปหรือเอาไปเขียนข่าวเลยนะ เห็นดารานักร้องแต่ละคนเวลาไปไหนแต่ละครั้ง ต้องสวมหมวกใส่แว่นตาทั้งที่มองดูก็รู้ว่าเป็นใคร”
“ฉันไม่กลัวหรอกเพราะต่อให้สวมหมวกหรือแว่น แกคิดเหรอว่าจะปิดบังคนพวกนี้ได้ เกิดเป็นคนของประชาชนต้องหัดปากแข็งเข้าไว้ ปฏิเสธเอาไว้ก่อน คอยกลบร่องรอยหรือหลักฐานของตัวเองให้มิดชิดเท่านั้นเป็นพอ” อาชวินบอกเพื่อนด้วยสีหน้าไม่ยี่หระ
“เออ! แกระวังตัวไว้บ้างก็แล้วกัน” อิงลดาเตือนเพื่อนสนิทด้วยความหวังดี แม้จะรู้ว่าเพื่อนนั้นก็ระวังตัวเองไม่ให้ใครรู้จักตัวตนที่แท้จริงแล้วเพียงใดก็ตาม แต่สักวันก็อาจจะพลาดถูกจับได้ถ้าประมาท
เบนซ์สปอร์ตคันหรูแล่นทะยานออกจากบ้านของอิงลดา มุ่งหน้าตรงไปยังจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดที่เต็มไปด้วยวัดและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มากที่สุดในประเทศ โดยใช้เวลาในการเดินทางเพียงไม่ถึงชั่วโมง ทั้งสองแวะกินก๋วยเตี๋ยวไก่ฉีกที่วัดใหญ่ชัยมงคลซึ่งอาชวินเคยมาแล้วติดใจในรสชาติ มาครั้งใดก็มักจะแวะอยู่เสมอ
ด้วยความชำนาญเส้นทางของสารถีที่เคยมาจังหวัดนี้อยู่บ่อยครั้ง ทำให้การเดินทางไปไหว้พระแต่ละวัดสามารถกะเวลาได้อย่างพอดิบพอดี ดังนั้นเมื่อถึงเวลาบ่ายสามโมง จึงเหลืออีกเพียงวัดเดียว ซึ่งนับเป็นวัดที่เก้าตามที่ทั้งคู่กำหนดไหว้ ทั้งสองก้าวเข้าไปไหว้พระในอุโบสถดังกล่าว หลังจากกราบไหว้จนเสร็จเรียบร้อย อาชวินก็เหลียวมองไปรอบๆ เห็นคนที่เข้ามากราบไหว้หลายคนกำลังเสี่ยงเซียมซีอยู่ จึงหันไปกระซิบบอกเพื่อน
“ฉันได้ข่าวมาว่าวัดนี้คนส่วนใหญ่นอกจากจะมากราบไหว้แล้ว ยังชอบมาขอพรโดยการเสี่ยงเซียมซีอีกนะน้ำอิง”
อิงลดามองตามสายตาของเพื่อนอย่างไม่ค่อยสนใจนัก “เป็นความเชื่อของแต่ละคน”
“แต่ที่ฉันได้ยินมาวัดนี้ค่อนข้างแม่นนะ”
“ฉันไม่ค่อยเชื่อเรื่องแบบนี้หรอกนิก” อิงลดาพูดด้วยสีหน้าและท่าทางที่ไม่ค่อยจะเชื่อถือกับเรื่องทำนองนี้
“ลองไปก็ไม่เห็นเสียหายอะไรเลยนี่หว่า ไหนๆ ก็มาแล้ว”
ชายหนุ่มพูดยุ จนผู้เป็นเพื่อนทนแรงยุไม่ไหวจึงยอมทำตามใจ ด้วยการยกกระบอกเซียมซีขึ้นอธิษฐานตามที่อีกฝ่ายบอก โดยเขย่าไปมาอยู่ไม่กี่ครั้ง ไม้เซียมซีก็ตกลงมาจากกระบอก อาชวินรีบหยิบขึ้นมาดู
“ตรงกับเลขเจ็ด เดี๋ยวฉันไปหยิบความหมายมาให้”