บทที่ 3 เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง EP.4

1215 Words
อภิรดีเล่าให้ฟังว่าเพิ่งจะปล่อยให้มีเจ้าตัวน้อยตอนอายุใกล้สามสิบ เพราะมัวแต่บ้างานทั้งที่แต่งงานมาแล้วหลายปี และด้วยความช่างพูด ช่างจดช่างจำตามประสาเด็กฉลาด เด็กชายภีมากรจึงกลายเป็นแก้วตาดวงใจของพ่อและแม่ รวมทั้งวงศาคณาญาติต่างๆ แม้กระทั่งตัวเธอเองก็ยังอดหลงรักเด็กชายที่กำลังอุ้มอยู่ด้วยไม่ได้ “น้องภีมครับ มาหม่ำๆ ข้าวกันดีกว่า พี่น้ำอิงเมื่อยแล้วนะลูก” ผู้เป็นพ่อพูดกับลูกชายที่ไม่ยอมลงมาจากตักของหญิงสาว “พี่น้ำอิงยังไม่ได้บอกว่าเมื่อยเลย คุณพ่ออย่ามั่ว” น้องภีมต่อว่าผู้เป็นบิดาท่ามกลางเสียงหัวเราะของทุกคน แต่ก็ยอมลงมาแต่โดยดีทว่ายังหันไปส่งเสียงออดอ้อนหญิงสาว “เดี๋ยวพี่น้ำอิงป้อนข้าวน้องภีมด้วยนะคร๊าบ คุณพ่อป้อนข้าวไม่เห็นอาหร่อยเลย” “อ้าว น้องภีมไหงพูดแบบนี้ล่ะลูก” เสียงคุณพ่อโวยวาย แต่ลูกชายหันไปทางคุณแม่ที่ยืนยิ้มอยู่และพูดในเชิงฟ้องว่า “คุณพ่อป้อนข้าวน้องภีมแล้วชอบคุยโทรศัพท์ไปด้วย เซ็งเป็นบ้า” “น้องภีมพูดไม่เพราะเลยนะครับ เดี๋ยวจะถูกแม่ตี” อภิรดีดุลูกชายตัวน้อยก่อนจะหันไปทางสามี “คุณทำอย่างที่ลูกบอกจริงๆ หรือคะ” “แหม แค่ครั้งเดียวเอง พอดีลูกน้องโทร. เข้ามาเรื่องงาน เจ้าตัวแสบช่างฟ้องนักนะ” ว่าแล้วก็อุ้มลูกชายขึ้นโยนด้วยความมันเขี้ยว ซึ่งเป็นที่ถูกอกถูกใจของเด็กชายนักหนา ร่ำร้องให้ทำต่ออีกหลายๆ ครั้ง จนผู้เป็นแม่ต้องเอ่ยทักท้วงเพราะกลัวลูกชายพลัดตก “ไม่เอานะลูกไม่เล่นแบบนี้” ก่อนจะหันไปเอ่ยกับอิงลดา “เดี๋ยวอยู่กินข้าวเย็นกับพี่นะน้ำอิง” “ห้ามปฏิเสธนะครับ เพราะพี่ทำกับข้าวไว้หลายอย่างเผื่อน้ำอิงด้วย” ยังไม่ทันที่อิงลดาจะพูดอะไร น้องภีมก็เอ่ยการันตีฝีมือผู้เป็นพ่อออกมาเสียงดัง “คุณพ่อของน้องภีมทำกับข้าวอาหร่อยที่สุดในโลกเลยนะคร๊าบ” “อ้าว! เมื่อกี้ยังบอกว่าพ่อป้อนข้าวไม่อร่อยไม่ใช่หรือลูก” ผู้เป็นพ่อถามลูกชายที่ยังอุ้มอยู่บนบ่าแล้วหอมพวงแก้มยุ้ยๆ อย่างมันเขี้ยวระคนหมั่นไส้ “เมื่อกี้น้องภีมล้อเล่น” น้องภีมตอบก่อนจะหลบซ่อนหน้าน้อยๆ กับบ่ากว้างเป็นพัลวัน เมื่อถูกบิดาไล่หอมอยู่ไม่ยั้ง “อยากให้พี่น้ำอิงป้อนข้าวให้ล่ะสิน้องภีม เจ้าเล่ห์นักนะลูก” อภิรดีหันไปหยิกแก้มยุ้ยๆ ของลูกชายอย่างเอ็นดู “เจ้าเล่ห์เหมือนน้าเคนไงคร๊าบ” ลูกชายตัวน้อยตอบก่อนจะดิ้นลงจากร่างของพ่อมายืนข้างล่าง และตรงเข้ากุมมือของอิงลดาไว้ไม่ปล่อยเสมือนกลัวว่าอีกฝ่ายจะหนีกลับ และจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งเวลาอิงลดาแวะมาที่นี่ ซึ่งหญิงสาวก็มักจะอยู่ด้วยนานๆ ทุกครั้ง เพราะเธอชอบครอบครัวเล็กๆ แต่อบอวลไปด้วยความรัก จนเธอสัมผัสได้ด้วยความรู้สึกอย่างครอบครัวนี้ ทั้งหมดพากันตรงไปยังโต๊ะอาหารที่มีเมนูหน้าตาน่ากินหลายอย่างที่พิริยะทำไว้ ซึ่งกำลังส่งกลิ่นหอมยั่วยวนจมูก อิงลดาจึงเอ่ยออกมาอย่างชื่นชม “พี่พีททำกับข้าวเก่งจังเลยค่ะ” พ่อครัวยังไม่ทันได้ตอบอะไรออกมา อภิรดีก็เอ่ยออกมายิ้มๆ “ก่อนแต่งงานพี่พูดไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าพี่ทำกับข้าวไม่เป็น ดังนั้นห้ามมาตั้งความหวังเรื่องนี้กับพี่” “นั่นสิน้ำอิง พี่เหมือนโดนบังคับแล้ว จะให้พี่ทำยังไงล่ะ” สีหน้าขณะพูดของพิริยะไม่ได้เหมือนถูกบังคับอย่างที่ปากบอกเลยสักนิด ทำให้อิงลดายิ่งนิยมชมชอบครอบครัวนี้มากขึ้นอีกหลายเท่า เพราะแม้ว่าเธอจะมาที่นี่อยู่หลายครั้งก็ตาม แต่ก็ไม่ค่อยได้พบพิริยะนัก “อิจฉาพี่แจงจังเลย ถ้าน้ำอิงมีครอบครัวก็อยากได้แบบของพี่แจง” สีหน้าขณะพูดของอิงลดาสลดลงเมื่อนึกถึงตัวเอง ทำให้อภิรดีต้องหันไปสบตาสามีและรีบเปลี่ยนเรื่องพูดทันใด “เรามากินข้าวกันดีกว่า น้องภีมหิวหรือยังครับ” “วันนี้พ่อทำซุปไก่ของโปรดน้องภีมให้ด้วยนะลูก” ผู้เป็นพ่อหันมาบอกลูกชายพลางตักข้าวแจกทุกคน “คร๊าบ วันนี้น้องภีมจะหม่ำข้าวให้พุงแตกไปเลย” น้องภีมหันไปฉะอ้อนบอกกับอิงลดา ทำให้อีกฝ่ายอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “วันนี้แจงเจอเคนด้วยที่สนามบิน” อภิรดีหันไปบอกสามีขณะตักข้าวเข้าปาก ขณะที่ลูกชายตัวน้อยของเธอเวลานี้มีอิงลดาทำหน้าที่คอยป้อนข้าว และก็ดูจะเจริญอาหารเป็นพิเศษเพราะเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ อย่างเอร็ดอร่อย จนคนป้อนแทบป้อนไม่ทัน “เดี๋ยวพี่ป้อนแทนแล้วกันจ้ะน้ำอิง ไม่งั้นไม่ได้กินข้าวแน่” อภิรดีเอ่ยกับหญิงสาว เพราะลูกชายตัวดีของเธอไม่ยอมปล่อยให้อิงลดาได้จัดการกับอาหารของตัวเองเลยสักนิด “ไม่เป็นไรค่ะพี่แจง จริงๆ น้ำอิงยังอิ่มอยู่เลย เพิ่งกินสเต๊กไปด้วย” เมื่อพูดถึงอาหารดังกล่าว หน้าหนวดๆ ของใครบางคนก็โผล่แวบเข้ามาในมโนภาพทันที จนต้องรีบปัดความคิดนี้ออกไปโดยเร็ว “น้าเคนบอกว่าจะหากิ๊กให้น้องภีมด้วยคร๊าบคุณแม่” น้องภีมหันไปพูดกับผู้เป็นแม่หลังจากเคี้ยวข้าวหมดคำและหมดจาน “ตายแล้ว! มันน่าตีนักตาเคน สอนหลานดีจริงๆ” อภิรดีบ่นงึมงำขณะที่สามีถึงกับหัวเราะก๊ากด้วยออกมาด้วยความขบขัน ก่อนจะหันไปถามลูกชาย “จะมีกิ๊ก แล้วน้องภีมมีแฟนแล้วหรือลูก” “มีแล้วสิคร๊าบ พี่น้ำอิงไงล่ะแฟนน้องภีม” เสียงเด็กชายภีมากรพูดออกมาด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ เรียกเสียงหัวเราะชอบอกชอบใจให้เกิดแก่ทุกคน อิงลดาก้มลงหอมแก้มยุ้ยๆ ของคนพูดด้วยความเอ็นดู “ถ้าเป็นแฟนพี่น้ำอิงแล้วน้องภีมต้องไม่ดื้อ ไม่ซนกับคุณพ่อ คุณแม่นะครับ” “น้องภีมจะเป็นเด็กดี ไม่ดื้อ ไม่ซน และไม่เจ้าชู้เหมือนคุณพ่อกับน้าเคนด้วยคร๊าบ” “อ้าว! น้องภีมพูดแบบนี้ไม่สวยนะลูก” ผู้เป็นพ่อพูดเสียงหลง “น้องภีมไม่อยากสวยเดี๋ยวเป็นกาเทยคร๊าบ” น้องภีมหันมาเถียงผู้เป็นพ่อด้วยสีหน้าจริงจัง พิริยะกับอภิรดีถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับ ส่วนอิงลดาหัวเราะคิกออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ คิดว่าเด็กชายคงจำมาจากโทรทัศน์อย่างแน่นอน ไม่นานอิงลดาก็ขอตัวกลับบ้านย่านห้วยขวาง ทว่าเมื่อขับรถผ่านบ้านเก่าของอาชวินก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ตึกหลังใหญ่ที่อยู่ติดกับบ้านของเพื่อนซึ่งปกติไม่เห็นมีใครอยู่ แต่ทำไมวันนี้ถึงเปิดไฟสว่างไสว แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก เพราะรีบกลับบ้าน ไม่รู้ว่าป่านนี้ผู้เป็นอาจะรอกินข้าวอยู่หรือเปล่า เพราะไม่ได้โทร. มาบอกด้วย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD