ณ สนามบินสุวรรณภูมิ
ชายหนุ่มร่างเพรียวสูงแข็งแกร่ง ผิวขาวจัด ทว่าช่างขัดกันกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยเครารกครึ้มข้างแก้มจนถึงปลายคางบุ๋ม ดวงตาถูกปกปิดไว้ด้วยแว่นกันแดดสีชาเสริมบุคลิกให้ดูดี เพิ่มความโดดเด่นยิ่งขึ้นกับผมยาวหยักศกสีดำสนิทที่รวบไว้ด้านหลังอย่างเรียบร้อย สวมกางเกงยีนตัวกระชับสีเข้ม เสื้อยืดแขนยาวสีดำตัวบางไม่ติดกระดุม จึงทำให้ให้มองเห็นไรขนอ่อนที่อกอยู่รำไร ชายหนุ่มสะพายกระเป๋ากล้องยี่ห้อดังสีดำ กำลังเข็นรถออกมาจากช่องผู้โดยสารขาเข้า โดยมีกระเป๋าใบโตวางอยู่ด้านบน
ด้วยรูปร่างอันแสนเตะตา จึงไม่เพียงดึงดูดสายตาสาวๆ หลายคนบริเวณนั้นให้พากันมองจนเหลียวหลัง แม้กระทั่งชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งหน้าตาหล่อเหลาสองคนในชุดสจ๊วตของสายการบินแห่งหนึ่ง ที่เดินลากกระเป๋าอยู่ด้านหน้ายังอดหันหน้ามามองเจ้าของร่างเท่ๆ ด้านหลังไม่ได้
“แกนี่เห็นผู้ชายหล่อๆ ไม่ได้เลยนะนังไทนี่” ชายหนุ่มฝั่งซ้ายมือเอ่ยปากต่อว่า แต่ตัวเองก็ไม่ได้มีอาการแตกต่างกันเท่าใดนัก เพราะเหลียวไปมองจนคอแทบเคล็ดเช่นกัน และจากคำพูด ทำให้รับรู้ถึงเพศที่แท้จริงด้วยในบัดดล
“อาหารตาย่ะ หล่อกระชากหัวใจ ตับ ไต ไส้ พุง แถมด้วยม้ามจริงๆ แล้วแกไม่ต้องมาทำเป็นว่าฉันหรอก แกก็มองเขาจนตาค้างเหมือนกันแหละ ทั้งๆ ที่แกมีพี่แจ็คอยู่ทั้งคน ยังจะเที่ยวส่งสายตามองหาเหยื่ออีกนะนังเจนนี่” ชายหนุ่มคนแรกหันมาพูดพลางตวัดค้อนเพื่อนจนตาแทบกลับ
คนถูกค้อนยิ้มอย่างไม่ยี่หระ “ฉันชอบผู้ชายหล่อๆ เหมือนแกนั่นแหละย่ะ พูดแล้วก็คิดถึงพี่แจ็คจังเลย ฉันอุตส่าห์ไปแย่งชิงมาจากนังชะนีหน้าสวยนั่น” ท้ายๆ ประโยคคนพูดจีบปากจีบคอด้วยน้ำเสียงสะอกสะใจ
“จริงๆ แล้วก็น่าสงสารผู้หญิงคนนั้นนะนังเจนนี่ ถ้าเป็นฉันคงเจ็บพิลึก”
“อ้าวนังนี่ ตกลงแกเป็นเพื่อนฉันหรือนังชะนีคนนั้นกันแน่”
ลอราช อังคะกุล เจ้าของหุ่นสุดเท่ในหัวข้อสนทนาที่เดินอยู่ด้านหลัง ทันได้ยินคำพูดที่พาดพิงถึงตัวเขาอยู่เต็มสองหู ทำให้อดปรายมองไปยังชายหนุ่มทั้งคู่แวบหนึ่งไม่ได้ เรียวปากหยักได้รูปกระตุกยิ้มนิดหนึ่ง จากที่ได้ยินมา ไม่ว่าจะเป็นกัปตันเครื่องบินหรือสจ๊วตในปัจจุบัน ล้วนเต็มไปด้วยพวกแอ๊บแมนกันแทบทั้งสิ้น เขาเพิ่งจะเจอด้วยตัวเองก็วันนี้แหละ
ทว่าจู่ๆ ชายหนุ่มก็รู้สึกสงสารผู้หญิงที่ถูกทั้งคู่เอ่ยถึงขึ้นมา ซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร ก่อนจะรีบปัดความคิดนี้ออกไปจากสมองโดยเร็ว เพราะไม่เห็นจะเกี่ยวกับตัวเองตรงไหน ดวงตาคมกริบกวาดตามองหาเพื่อนสนิทที่รับปากอย่างดิบดีว่าจะมารอรับ
ขณะกำลังหันรีหันขวางอยู่ก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อท่อนแขนของตัวเองถูกน้ำอะไรร้อนๆ ราดใส่ จนต้องอุทานเสียงดังด้วยความตกใจ
“เฮ้ย!”
ครั้นก้มลงดูแขนขาวๆ ของตัวเองที่เวลานี้กลายเป็นสีแดงเรื่อ ตามมาด้วยอาการปวดแสบปวดร้อน คนปากไวอย่างลอราชก็หลุดคำพูดต่อว่าออกไปในฉับพลัน โดยไม่ทันได้มองหน้าคนชนด้วยซ้ำ
“อะไรกันวะเนี่ย ทำไมเดินไม่รู้จักระมัดระวังบ้าง” แล้วก็ต้องเงยหน้าขึ้นทันควัน เมื่อได้ยินเสียงตวาดแว้ดดังออกมามาจากร่างของสาวสวยที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“คุณเองนั่นแหละที่เดินไม่รู้จักระมัดระวัง หันหน้าหันหลังอยู่นั่นแหละ ชนฉันเองแท้ๆ แล้วยังจะมาเที่ยวโวยวายอีก นอกจากจะปากเสียแล้วยังมารยาทแย่มากๆ”
อิงลดา คือเจ้าของแก้วกาแฟที่ถูกกล่าวหาว่าเดินไม่ระวังนั่นเอง เวลานี้ดวงหน้าสวยแดงก่ำด้วยความฉุนโกรธ จากความตั้งใจตอนแรกเธอคิดจะเอ่ยปากขอโทษ ที่เห็นอีกฝ่ายถูกกาแฟร้อนๆ ลวกใส่ คงจะเจ็บไม่น้อย ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่ได้เป็นคนผิดซะทีเดียว ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดบาดหูที่หลุดออกมาจากปากนั่น ทำให้คำขอโทษดังกล่าวกลืนหายเข้าไปในลำคอทันใด พลางจ้องผู้ชายปากเสียตรงหน้าด้วยสายตาวาวโรจน์ฉายแววรังเกียจ ก่อนจะสะบัดหน้าผละไปทันที
“อะไรวะ ด่าแล้วก็ไป ผู้หญิงอะไรปากจัดฉิบ”
คนถูกด่ากลับบ่นพึมออกมาอย่างงงๆ ดวงตาคมดุหลังแว่นกันแดดเบิกกว้าง จ้องตามหลังสาวสวยในชุดกระโปรงลายดอกสีหวานสั้นเหนือเข่าที่ก้าวเดินลิ่วๆ หายไป หลังจากด่าเขาเรียบร้อย ก็นึกถึงดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์ของเธอที่มองมายังเขาเมื่อครู่
ตกลงเขาไปเป็นศัตรูกับเธอมาตั้งแต่ชาติปางไหนกัน! ทำไมต้องมองเขาด้วยสายตารังเกียจด้วย
แม้ในใจจะยอมรับกับตัวเองว่าเธอสวย แต่ทว่าในสายตาช่างภาพดังอย่างเขาที่พบเจอผู้หญิงสวยมามากต่อมาก นั้นไม่ได้มองว่าเจ้าหล่อนสวยไปกว่าผู้หญิงอื่นที่เคยพบมาแต่อย่างใด แล้วเหตุไฉนเธอจึงทำท่าหยิ่งๆ เชิดใส่เขาแบบนี้ แม้จะรู้สึกเสียศูนย์ไปบ้าง เพราะส่วนใหญ่ผู้หญิงรายไหนรายนั้น เวลาเห็นเขามักจะวิ่งเข้าใส่มากกว่า ทว่ารายนี้นอกจากไม่แยแส หรือแม้แต่ชายตามองด้วยความชื่นชมเหมือนคนอื่น หนำซ้ำยังกล้าส่งสายตาที่เต็มไปด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์มาให้อีก
ช่างเป็นผู้หญิงตาถั่วเสียเหลือเกิน ลอราชคิดในใจอย่างขุ่นเคือง ขณะตะกอนอารมณ์กำลังขุ่นได้ที่ จู่ๆ ก็ต้องสะดุ้งเฮือกอีกครั้ง เมื่อไหล่กว้างถูกตบดังพลั่ก ตามมาด้วยเสียงทักทายที่ไม่ค่อยเท่าไรนัก
“ไอ้เรน มึงมาถึงนานแล้วเหรอวะ”