3

3663 Words
09 : 02 น. โรงแรมมะลิฉัตร แกรนด์ ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ สายเรียกเข้าดังติดๆ กันหลายครั้ง ปลุกคนที่หลับลึกอยู่บนเตียงให้ลืมตาตื่นด้วยความรู้สึกกึ่งรำคาญกึ่งหงุดหงิด “ฮัลโหล!” อีเดนควานหามือถือมากดรับสาย จากนั้นก็หลับตาลงอย่างรู้สึกง่วงและอ่อนล้า “เสี่ยครับ เสี่ยอยู่ไหนแล้ว” ธนินถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน เพราะตอนนี้มีคณะกรรมการเข้าไปนั่งรอในห้องประชุมกันจนครบแล้ว ขาดแต่เพียงผู้เป็นนายเพียงคนเดียวเท่านั้น “ฉัน...ฉันอยู่ที่โรงแรมที่ไหนสักแห่ง” อีเดนบอกพลางลืมตาขึ้นมองไปรอบๆ ห้องอย่างรู้สึกมึนๆ งงๆ ‘ให้ตายสิ! ที่นี่มันที่ไหนวะ?’ คนที่ดื่มหนักพยายามตั้งสติ ทบทวนเหตุการณ์ต่างๆ ของค่ำคืนที่ผ่านมา “เสี่ยเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ธนินถามอย่างเป็นห่วง เพราะตั้งแต่ทำงานรับใช้มาเกือบสิบปี ตนไม่เคยเห็นเจ้านายเป็นแบบนี้มาก่อน “ไม่! ฉันปวดหัวนิดหน่อย” อีเดนยันตัวลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง พลางหันมองไปรอบๆ ห้อง ก่อนจะสะดุดตาเข้ากับแพนตี้สีฟ้าอ่อนลายลูกไม้ที่ตกอยู่ข้างๆ เตียง “เอ่อ...แล้วเสี่ยจะเข้าประชุมในช่วงเช้านี้ไหมครับ” ธนินถามต่อ “ตอนนี้กี่โมง?” อีเดนถามก่อนจะขยับลงจากเตียงไปเก็บแพนตี้ตัวจิ๋วขึ้นมาดูด้วยหัวใจสั่นๆ “เก้าโมงนิดๆ ครับ คณะกรรมการรออยู่ในห้องประชุมกันครบแล้ว” ธนินบอกพลางหันไปมองข้างในห้องประชุมด้วยสีหน้าตึงๆ “บ้าฉิบ! นายเข้าประชุมแทนแล้วกัน” อีเดนบอกก่อนจะรีบกดวางสายของคนสนิท ขณะที่ใบหน้าหล่อเหลาเริ่มชาขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เมื่ออยู่ๆ ภาพบทรักที่เร่าร้อนกับหญิงสาวที่ตนหิ้วมาด้วยเมื่อคืนฉายชัดขึ้นมาในม่านตา อีเดนรีบเดินแกมวิ่งไปที่ห้องน้ำด้วยหัวใจสั่นๆ แอบหวังว่าจะเจอ  อีกฝ่ายอยู่ในห้องน้ำ แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า เขาจึงวิ่งกลับมาที่เตียงเพื่อหาร่องรอยของถุงยางที่ใช้แล้ว แต่กลับเจอกล่องถุงยางที่ยังไม่ได้แกะออกมาใช้แม้แต่ชิ้นเดียว “โอ้พระเจ้า! นี่เราไม่ได้ป้องกันเหรอเนี่ย” อีเดนนั่งกุมขมับที่ข้างเตียงอย่างรู้สึกหงุดหงิด ถึงแม้ว่าสาวที่ตนเจอเมื่อคืนจะถูกใจกว่าผู้หญิง    ทุกๆ คนที่เคยได้ แต่เขาก็ไม่น่าจะลืมเซฟตัวเองเหมือนเช่นทุกๆ ครั้ง ‘บ้าจริง! เกิดเธอท้องขึ้นมาจะทำยังไงวะ’ อีเดนสบถด่าตัวเอง ก่อนจะลุกเดินกลับเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้งเพื่อชำระร่างกาย แล้วเตรียมเช็กเอาท์ออกจากโรงแรม สายน้ำจากฝักบัว ไหลผ่านเส้นผมลงสู่ลำตัว ร่างสูงยืนนิ่งพยายามนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ขณะที่ความทรงจำต่างๆ ทยอยผุดขึ้นมาทีละนิดๆ พร้อมกับชื่อที่เขาเอ่ยเรียกซ้ำแล้วซ้ำเล่าตอนที่ถาโถมเข้าใส่เรือนร่างอันบอบบางของเธอ ‘รียา’   สิบนาทีต่อมา... หลังจากอาบน้ำเสร็จอีเดนก็หยิบมือถือขึ้นมาต่อสายหาบอดี้การ์ดให้นำเสื้อผ้ามาให้ที่โรงแรม จากนั้นก็เดินสำรวจรอบๆ ห้องอีกครั้ง เพื่อจะตรวจเช็กหาของตกหล่นดู ว่านอกจากแพนตี้ตัวจิ๋วแล้ว หญิงสาวได้เหลืออะไรให้เขาตามสืบหาได้บ้าง อีเดนเดินหาจนทั่วก็ไม่พบเจออะไร จนกระทั่งเขานั่งลงที่เตียงกว้าง อยู่ๆ ภาพที่สาวเจ้ากรีดร้องด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด ก่อนจะฝังฟันซี่เล็กๆ ลงที่หัวไหล่ของเขาก็ฉายวาบขึ้นมา กึก! ‘อ๊ะ! กรี๊ดดดดด’ คนที่กำลังเคลิบเคลิ้มกรีดร้องเสียงดังอย่างเจ็บปวด เมื่ออยู่ๆ เขาก็ดันบางอย่างลุกล้ำเข้ามาในตัวของเธอ ‘โอ้พระเจ้า!’ เขาตกใจเมื่อทะลวงเยื่อบางๆ ผ่านเข้าไปยังทางรักจนสุดทางในครั้งเดียว ‘ฮึก... จะ...เจ็บ’ เธอบอกเสียงสั่นพร้อมกับพยายามจะผลักเขาออกจากตัว ‘ผมขอโทษที่รัก... ผมจะค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป’ เขาบอกก่อนจะก้มลงจูบซับน้ำอุ่นๆ ที่ไหลอาบแก้มนวลให้อย่างปลอบประโลม จากนั้นก็เริ่มปลุกเร้าอารมณ์เธอขึ้นมาอีกครั้ง แล้วเดินหน้าต่อด้วยความรู้สึกภูมิใจและฮึกเหิมอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “บ้าจริง!” อีเดนสบถอย่างหัวเสีย ก่อนจะรีบลุกขึ้นจากเตียงแล้วดึงผ้าห่มผืนใหญ่ออก “โอ้พระเจ้า! นี่เราเป็นผู้ชายคนแรกของเธอเหรอเนี่ย” คนที่เพิ่งจะระลึกชาติได้ตั้งแต่แรกเริ่ม ถึงกับสตั๊นไปสามวิราวกับถูกไม้หน้าสามฟาดเข้าที่ศีรษะเต็มๆ แรง อีเดนเดินวนไปวนมาอย่างรู้สึกร้อนรนที่หัวใจ ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาต่อสายหาแพททริกสัน โรคาซานเดอร์ เจ้าของโรงแรมมะลิฉัตร ที่คบหากันมานานตั้งแต่สมัยเรียนที่อังกฤษ “ว่าไงอีเดน” ปลายสายทักทายเสียงงัวเงียคล้ายกับคนที่ยังไม่ตื่น “แพท! ฉันมีเรื่องจะรบกวนนายหน่อย” อีเดนบอกเสียงตึงเครียด “ว่ามาได้เลยเพื่อน” แพททริกสันรีบลุกจากเตียง แล้วออกไปคุย   ที่ด้านนอก เพราะกลัวว่าจะทำให้ภรรยาที่หลับอยู่ตื่น! “ฉันจะขอดูกล้องวงจรปิดที่โรงแรมมะลิฉัตรแกรนด์” อีเดนกัดฟันบอกความต้องการ “เกิดอะไรขึ้น?” แพททริกสันถามอย่างสงสัย “ไม่ถามได้ไหมวะ” อีเดนตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด เพราะอายเกินกว่าที่จะเล่าให้อีกฝ่ายฟังถึงสาเหตุ “ฮ่าๆๆ ยิ่งแกไม่อยากบอก ฉันก็ยิ่งอยากรู้ว่ะ” แพททริกสันหัวเราะเบาๆ เมื่ออีกฝ่ายมีท่าทางอึกอัก “แพท...” อีเดนรู้สึกรำคาญนิดๆ ที่เพื่อนรักอยากจะรู้ให้ได้ “บอกมา! ไม่งั้นนายก็ไปเดินเรื่องขอดูเอง ซึ่งก็อาจจะใช้เวลาหลายวันนะ” แพททริกสันบอกเสียงจริงจัง “โธ่โว้ย! นี่ฉันจะต้องเล่าให้นายฟังจริงๆ เหรอ” อีเดนสบถอย่างหัวเสีย “เล่ามา!” แพททริกสันเอ่ยเร่ง อีเดนถอนหายใจก่อนจะเล่าเรื่องที่น่าอายให้อีกฝ่ายฟัง “เมื่อคืนฉันพาสาวคนหนึ่งมานอนที่โรงแรมนาย แล้วพอตื่นเช้ามาเธอก็หายไป” “เธอขโมยอะไรของนายไปงั้นเหรอ?” แพททริกสันถามอย่างเป็นห่วง กลัวว่าเพื่อนจะโดนสาวเจ้าล้วงตอนที่หลับ “ไม่ได้โขมยอะไร!” “อ้าว! งั้นนายจะตามหาเธอทำไม” แพททริกสันถามต่ออย่างมึนงง เพราะปกติอีกฝ่ายจะสลัดผู้หญิงทิ้งทุกครั้งหลังจากที่เสร็จกิจกรรม อีเดนกลอกตาอย่างเซ็งๆ ‘นี่เราคิดถูกหรือเปล่าวะที่โทรไปขอความช่วยเหลือจากมัน!’ “อีเดน!” แพททริกสันเอ่ยเรียกคนที่อยู่ๆ ก็เงียบหายไป “ฉันเป็นผู้ชายคนแรกของเธอ” อีเดนกลั้นใจบอก “ฉิบหายแล้วไหมล่ะ” แพททริกสันสบถเสียงดังเมื่อถึงบางอ้อ “ใช่! ทีนี้จะช่วยฉันได้หรือยัง?” อีเดนถามด้วยน้ำเสียงนอยด์ๆ “ใจเย็นๆ เพื่อน เดี๋ยวฉันจะให้คนไปหานายที่ห้อง” แพททริกสันบอกเสร็จก็กดวางสายไป ทิ้งให้อีเดนกัดฟันข่มหลายๆ อารมณ์และความรู้สึกที่กำลังแล่นเข้ามา ‘พระเจ้า! หวังว่ามันคงไม่เอาเรื่องนี้ไปคุยในกลุ่มหรอกนะ’ คนที่โทรไปขอความช่วยเหลือเริ่มคิดหนัก ขณะนั่งรอบอดี้การ์ดเอาเสื้อผ้ามาให้           Orianna Condo... อลิชาดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้าและเรือนร่าง  ที่เปลือยเปล่าของตัวเอง เมื่อได้ยินเสียงปิดประตูห้องที่ด้านนอกดังขึ้น หลังจากที่ตกใจตื่นเพราะได้ยินเสียงของมารียากับปริณคุยกัน จากนั้นภาพความทรงจำอันเร่าร้อนก็ผุดขึ้นมาตอกย้ำว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอและพี่ชายจอมโมโหร้ายของเพื่อนซี้ “อลิซ! ตื่นอยู่ใช่ไหม” ปริณนั่งลงข้างๆ แล้วสะกิดคนที่นอนคลุมโปงเบาๆ อลิชานอนนิ่งไม่ไหวติง ‘พระเจ้า! เราจะพูดหรือมองพี่ป้องยังไง’ “พี่รู้ว่าเราตื่นแล้ว ฉะนั้นก็ลุกขึ้นมาเคลียร์กันว่าจะเอายังไง” ปริณบอกด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด อลิชาหน้าตึงขึ้นมาทันใดเมื่อได้ยินน้ำเสียงที่คล้ายกับออกคำสั่งของ  อีกฝ่าย “ไม่เอาอะไรทั้งนั้น พี่ป้องกลับไปได้แล้ว หนูจะนอนต่อ” “อะไรนะ! เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ?” ปริณถามอย่างไม่เชื่อหู “หนูบอกให้พี่ป้องกลับไปค่ะ” อลิชาเอ่ยย้ำ “จะเอาแบบนี้ใช่ไหม?” ปริณถามเสียงเย็นอย่างพยายามข่มอารมณ์ “ค่ะ” เธอบอกพลางกระชับผ้าห่มเข้าหาตัวอย่างรู้สึกอาย “เราจะคุยกันดีๆ ไม่ได้เลยเหรอ” ปริณถามเสียงอ่อนลง “พี่ป้องก็ไม่เคยคุยกับหนูดีๆ มาก่อนไม่ใช่เหรอคะ?” อลิชาถามกลับด้วยน้ำเสียงประชดประชัน “อย่ายั่วอารมณ์พี่! ลุกขึ้นมาคุยกันเดี๋ยวนี้เลยนะ” “ไม่! พี่ป้องนั่นแหละกลับไปได้แล้ว” อลิชาบอกเสียงเข้ม พร้อมกับขยับตัวหนีอีกฝ่าย “นี่กล้าไล่พี่งั้นเหรอ” ปริณหน้าตึงขึ้นมาอีกครั้งเมื่อสาวเจ้าทำท่าจะต่อต้าน ทั้งๆ ที่เมื่อคืนก็ให้ความร่วมมือดิบดี “อ๊ะ! กรี๊ด” อลิชากรีดร้องเมื่ออีกฝ่ายกระชากผ้าห่มออกจากตัวที่เปลือยเปล่าของเธอ แล้วโยนทิ้งลงข้างๆ เตียงอย่างไม่ไยดี “ทีนี้จะคุยกันได้หรือยัง” เขาบอกพลางจ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้มที่  แดงก่ำอย่างชอบใจ “กรี๊ดดดด ปล่อยนะไอ้คนบ้า” อลิชารีบคว้าหมอนหนุนมาปิดบังหน้าอกและเรือนร่างอย่างรู้สึกอับอาย “ด่าพี่เหรอ? มานี่เลย” ปริณยิ้มก่อนจะกระโจนเข้าไปแย่งหมอน “กรี๊ด ไม่นะ! อย่า...อย่านะพี่ป้อง” อลิชาตกใจพยายามยื้อหมอนเอาไว้ แต่ก็สู้แรงของอีกฝ่ายไม่ได้ “ดื้อนักใช่ไหม! มาให้พี่ลงโทษซะดีๆ” ปริณกดร่างบางลง แล้วขึ้นไปนั่งคร่อมทับไม่ให้อีกฝ่ายขยับตัวหรือดิ้นหนีไปไหนได้ “กรี๊ดดด” อลิชากรีดร้องเมื่อรับรู้ถึงบางอย่างที่แข็งขืนเป็นท่อน  เป็นลำอุ่นๆ วางพาดอยู่บนหน้าท้องของเธอ “จะร้องทำไมฮะแม่คุณ!” ปริณต่อว่าก่อนจะตาโตเมื่อสาวเจ้ายกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดตา ทำให้ดอกบัวงามเป็นอิสระ ท้าทายสายตาและ ปลุกอารมณ์บางอย่างให้ลุกโชนราวกับกดสวิตช์ไฟ คนที่เพิ่งนึกขึ้นได้ อายหน้าแดงก่ำรีบควานหาหมอนเพื่อจะเอามาปิดบังหน้าอก แต่ทว่า... กลับถูกอีกฝ่ายจูบเข้าซะก่อน “อ๊ะ! อื้อ...” “อืม...” ปริณครางเบาๆ ก่อนจะถดตัวลง แล้วเปลี่ยนมาซุกไซ้ต้นคอระหง และเลยลงมายังดอกบัวงามที่เย้ายวน “อะ...ไม่นะ พะ...พี่ป้องอย่า...” อลิชาร้องห้ามและพยายามผลักใบหน้าของเขาออกจากตัว “อื้อ...” ปริณครางอย่างขัดใจก่อนจะรวบข้อมือบางทั้งสองข้างขึ้นให้พ้นทาง “พี่ป้องไม่นะ... ระ...เรามาคุยกันก่อน” อลิชารีบต่อรองเมื่อถูกอีกฝ่ายรุกหนักขึ้นเรื่อยๆ “พี่ไม่อยากคุย” ปริณเงยหน้าขึ้นตอบก่อนจะก้มลงไปดูดส่วนปลายของดอกบัวงาม “ไม่! เราต้องคุยกัน” อลิชากัดฟันบอกเสียงแข็ง ต่อสู้กับอารมณ์วาบหวิวที่กำลังปั่นป่วนอยู่ภายในกาย “หึ! เอาไว้หลังจากที่พี่เสร็จภารกิจแล้วกันนะ” ปริณเงยหน้าขึ้นมองสาวเจ้าอีกครั้ง จากนั้นก็เดินเครื่องต่ออย่างไม่สนใจ   ย้อนกลับไปเมื่อคืน...  อลิชาวิ่งตรงไปยังประตูทางออกเพื่อจะรับสายของปริณ ทันทีที่เธอก้าวพ้นประตูออกมาที่ด้านนอก ก็ต้องตกใจที่อยู่ๆ มีคนเข้ามากระชากแขนเธอด้วยท่าทีเกรี้ยวโกรธ! “มากับใคร?” ปริณถามพร้อมกับจ้องมองคนที่แต่งตัวล่อเสือล่อตะเข้ อย่างรู้สึกหงุดหงิด “พี่ป้อง!” อลิชาตกใจหน้าซีด เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาของนายทหารยศใหญ่ จ้องมองเธอราวกับว่าเป็นคนร้ายที่กำลังตามจับยังไงยังงั้น “พี่ถามว่ามากับใคร!” ปริณถามย้ำอีกครั้งด้วยสีหน้าไม่พอใจ “มะ...มาคนเดียวค่ะ” อลิชาตอบเสียงสั่น พลางหันไปมองสาวอีกคนที่ยืนทำหน้าไม่พอใจอยู่ข้างหลังปริณ ก็รู้สึกเสียวสันหลังอย่างบอกไม่ถูก เพราะมาริกาเพิ่งจะไปดักขู่ไม่ให้เธอยุ่งกับปริณมาเมื่อวันก่อน “...” ปริณหันไปมองรอบๆ อย่างสังเกตการณ์ว่าจะมีหนุ่มคนไหนเดินเข้ามา เมื่อเห็นว่าตนแนบชิดกับสาวเจ้า “ป้องคะ มิ้งว่าเราเข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ อย่าไปสนใจเรื่องของเด็กๆ เลย” มาริกาบอกอย่างพยายามข่มใจให้เย็น เมื่อเห็นปริณทำท่าทางหึงหวงเพื่อนของน้องสาวจนออกนอกหน้า ด้วยไม่สนใจว่าเธอจะรู้สึกยังไง “คุณเข้าไปข้างในก่อน” ปริณหันไปบอกคู่ขา ก่อนจะหันกลับมาจ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้มของอลิชาอย่างคาดโทษ เพราะตนเคยสั่งห้ามไม่ให้แต่งตัวแบบนี้มาหลายครั้ง แต่อีกฝ่ายก็ยังทำ! “ป้อง!” มาริกาเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงไม่พอใจที่กำลังจะถูกทิ้ง “มิ้งถ้าคุณจะเซ้าซี้แล้วพูดไม่รู้เรื่องอยู่แบบนี้ ก็ต่างคนต่างเที่ยวแล้วกัน!” ปริณบอกอย่างรู้สึกรำคาญที่ถูกขัดจังหวะ “ทะ...ทำไมคุณถึง...” มาริกาอึ้งจนพูดไม่ออกเมื่อได้ยินคำพูดที่ดูไม่แคร์ความรู้สึกของเธอ “ไปคุยกันที่ข้างนอก” ปริณไม่สนใจ หันไปลากแขนของสาวเจ้าให้ออกเดินตามไปที่ด้านหน้าล็อบบีของโรงแรม “อ๊ะ! พี่ป้องปล่อยนะ บอกให้ปล่อยไง” อลิชาร้องห้ามพร้อมกับพยายามแกะมือหนาออก มาริกายืนมองชายหนุ่มที่ตนหลงรักด้วยความรู้สึกเจ็บอย่างบอกไม่ถูก ทุกๆ ครั้งที่เจอกับอลิชา ปริณจะมีอาการแบบนี้ทุกครั้ง เธอรู้ว่าเขาหวงน้องสาวมาก แต่ถ้าเทียบกับอลิชามันเกินคำว่าหวงไปไกลกว่านั้น และเธอก็มองออกว่าเขาแอบหลงรักเพื่อนของน้องสาวตัวเอง ในขณะที่คบกับเธอ ภายใต้ข้อตกลงที่ไม่ผูกมัด นอกจากความสัมพันธ์ทางกายที่เขาเซ็นเช็คจ่ายเป็นค่าตอบแทนสูงถึงหนึ่งแสนบาทต่อเดือนเท่านั้น     ห้านาทีต่อมา... “พี่ป้อง! จะพาหนูไปไหน” อลิชาถามหน้าตื่นเมื่ออีกฝ่ายพาเดินไปยังมุมลับที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่าน “ไปหาที่คุย” ปริณตอบโดยไม่หันมามอง “คุยที่นี่ก็ได้ค่ะ” อลิชาสะบัดแขนออกจากอีกฝ่ายทันใด “หึ! ก่อนออกจากบ้านไม่ส่องกระจกดูตัวเองเหรอ?” ปริณถามด้วยสีหน้าตึงๆ “ทะ...ทำไม” อลิชาถามเสียงสั่น รีบยกมือขึ้นปกปิดหน้าอกหน้าใจของตัวเองเมื่อเห็นสายตาที่จ้องมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า “แต่งตัวอย่างกับผู้หญิงสำส่อน” เขาต่อว่าอย่างโมโห “พี่ป้อง!” อลิชาน้ำตาคลอขึ้นมาทันใดเมื่อได้ยินคำว่าผู้หญิงสำส่อน “อะไร! พี่พูดผิดงั้นเหรอ” ปริณถามด้วยสีหน้ากวนๆ “ฮึก...แล้วทีแฟนตัวเองล่ะ ทำไมไม่ว่า มายุ่งกับหนูทำไม!” เธอยกมือขึ้นปาดน้ำใสๆ ที่หางตาทิ้ง ก่อนจะถามกลับอย่างไม่พอใจเมื่อพี่ชายของเพื่อนชอบดุ และชอบล้ำเส้นความเป็นส่วนตัวราวกับว่าเธอเป็นลูกสาวของเขายังไงยังงั้น “ฟังนะ! คนอื่นจะแต่งตัวยังไงหรือจะแก้ผ้าเดินพี่ไม่สน! แต่ต้องไม่ใช่เธอ” ปริณบอกด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด “ทะ...ทำไมต้องว่ากันขนาดนี้ด้วย ฮึก...ฮือๆๆ” อลิชายกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดหน้าก่อนจะปล่อยโฮออกมาอย่างเก็บไม่อยู่ คนที่กำลังเดือดหัวใจกระตุกวูบ เมื่อเห็นสาวเจ้าร้องไห้จนสั่น‘บ้าฉิบ! นี่เราทำเธอร้องไห้อีกแล้วเหรอวะ’ ปริณต่อว่าตัวเองก่อนจะรีบดึงสาวเจ้าเข้ามากอดปลอบ ทั้งที่ยังไม่หายโกรธเรื่องที่เธอแต่งตัวโป๊เปิดหน้าเปิดหลังล่อเสือล่อตะเข้ “ปล่อย! ฮึก...” อลิชาบอกพร้อมกับพยายามผลักอีกฝ่ายออก “ก็หยุดร้องไห้ก่อนสิ แล้วพี่จะปล่อย” ปริณบอกเสียงอ่อนลง “ฮึก...” อลิชาสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะดันอีกฝ่ายให้ออกห่างจากตัวอีกครั้ง ‘บ้าจริง! นี่มันครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่ถูกพี่ป้องตบหัวแล้วลูบหลัง เจอหน้ากันทีไรก็ด่าและใช้คำแรงๆ พอเราร้องไห้ เขาก็จะยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้ซับน้ำตา หึ! นี่เขาเห็นเราเป็นอะไรกัน?’  “ไปล้างหน้าล้างตาก่อน แล้วเดี๋ยวไปหาอะไรทานกับพี่” ปริณบอกก่อนจะถอดสูทออก แล้วเอาไปคลุมไหล่เพื่อจะปิดบังแผ่นหลังที่บอบบางของสาวเจ้าไม่ให้ใครเห็น น้ำเสียงและการกระทำที่ดูอบอุ่นนั้น ทำให้อลิชาเดินเข้าห้องน้ำไปจัดการตัวเองตามที่ปริณบอกราวกับคนต้องมนตร์สะกด!   สิบห้านาทีต่อมา... หลังจากที่อลิชาเข้าห้องน้ำแล้วแอบโทรไปบอกมารียา เรื่องที่เจอพี่ชายจอมขี้หวงของเพื่อนที่หน้าคลับเสร็จแล้วก็เดินออกมาที่ด้านนอก “เดี๋ยวเราไปหาอะไรทานกัน” ปริณเอ่ยขึ้นหลังจากที่ละสายตาจากร่างบางที่ตนแอบเฝ้ามองมาหลายปี “อ้าว! แล้วทำไมพี่ป้องไม่ชวนแฟนไปทานล่ะคะ” อลิชาขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย “มิ้งไม่ใช่แฟนพี่!” ปริณบอกด้วยสีหน้าตึงๆ ราวกับกำลังไม่พอใจ “ก็แล้วเขาเรียกชายหญิงที่มีความสัมพันธ์กันว่าอะไรเหรอคะ?ถ้าไม่ใช่แฟน” อลิชาย้อนศรอย่างอดไม่ได้ “เยอะแยะไปที่จะเรียก” ปริณบอกด้วยท่าทีไม่แคร์ “งั้นเปลี่ยนใหม่ก็ได้... ทำไมไม่ชวนเมียพี่ป้องไปทานล่ะคะ” อลิชาเอ่ยถามอีกครั้งเมื่อเห็นท่าทีขึงขังของชายหนุ่ม “อลิซ!” ปริณส่งสายตาดุๆ ไปให้สาวเจ้าอย่างรู้สึกหงุดหงิด “ช่างเถอะ! พี่จะไปกับใครก็ช่างหนูจะกลับแล้ว” เธอบอกพร้อมกับทำท่าจะเดินหนี “ไปทานข้าวเป็นเพื่อนพี่ก่อน แล้วเดี๋ยวพี่ไปส่งที่คอนโด” ปริณรีบคว้าข้อมือเอาไว้มั่น “แล้วคุณมิ้งล่ะคะ พี่จะทิ้งเธอได้ยังไง” อลิชาหันกลับมาถามอย่างไม่เข้าใจการกระทำของอีกฝ่าย “พี่ทิ้งผู้หญิงทุกคนได้ ยกเว้นเรา” ปริณบอกด้วยสีหน้าจริงจัง “โห...นี่ถ้าพี่มิ้งมาได้ยินเข้า เธอคงจะดีใจจนน้ำตาไหลแน่ๆ” อลิชาเอ่ยเยาะกับคำตอบที่เหมือนกับว่าเขามีใจให้เธอ “มิ้งเขารู้จุดยืนของตัวเองดี! เราจะจบกันวันไหนก็ได้” ปริณบอกพลางจ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้มนิ่ง ราวกับว่าจะสื่อความหมายบางอย่าง “ตกลงพี่ป้องจะไปส่งหนูให้ได้?” อลิชารีบเปลี่ยนเรื่อง “ใช่!” ปริณพยักหน้ารับเบาๆ “โอเค งั้นซื้ออะไรไปทานที่ห้องหนูแล้วกัน ทานเสร็จแล้วพี่ก็กลับไปเลย” อลิชาบอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ‘เดี๋ยวเถอะ ถึงหน้าคอนโดเมื่อไหร่ละก็ จะวิ่ง 4 x 100 ให้ดู’ “แบบนั้นก็ได้” ปริณยิ้มเมื่อทุกอย่างกำลังลงล็อกที่วางไว้ “เยี่ยมค่ะ เดี๋ยวหนูโทรชวนรียามาทานด้วยนะคะ ทานหลายๆ คนสนุกดี” อลิชาบอกพร้อมกับทำท่าจะล้วงมือถือในกระเป๋า “รียานอนแล้ว เรากลัวพี่จะทำอะไรงั้นเหรอ?” ปริณบอกอย่างรู้ทัน “บ้า! ทะ...ทำไมหนูต้องกลัวพี่ป้องด้วยล่ะ” สาวเจ้าเอ่ยถามเสียงสั่น เมื่ออีกฝ่ายขยับหน้าเข้ามาใกล้ “ว่าแล้ว...ว่าเราต้องไม่กลัวพี่ ไม่อย่างนั้นคงไม่กล้าใส่ชุดโป๊ๆ ออกมาเที่ยวหรอกจริงไหม?” ปริณเอ่ยประชดอีกครั้งอย่างอดไม่ได้ ‘หึ! จิกกัดซะอย่างเราเป็นน้องสาวงั้นแหละ’ อลิชาค่อนในใจก่อนจะเดินตามอีกฝ่ายไปที่รถอย่างขัดไม่ได้ ทันทีที่ออกมาถึงรถหรูสีดำเงา Audi R8 ของปริณ อลิชาก็ยืนนิ่งไม่ยอมขยับเข้าไปนั่งในรถของอีกฝ่าย “อลิซ! เป็นอะไร?” ปริณถามพร้อมกับจ้องมองใบหน้างาม “หนูนั่งแท็กซี่ไปดีกว่าค่ะ เจอกันที่คอนโดนะคะ” หญิงสาวบอกพร้อมกับทำท่าจะชิ่งหนี “ทำไม?” ปริณรีบเดินไปดักหน้า “ก็ไม่อยากไปนั่งทับที่คนอื่นน่ะสิ” เธอบอกพลางเดินเบี่ยงตัวหลบอีกฝ่าย “พี่สาบานได้ว่าคันนี้ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนนั่งมาก่อน” ปริณกางแขนออกกั้นไม่ให้สาวเจ้าเดินหนี “แล้วเมื่อกี้คุณมิ้งมายังไงคะ?” เธอถามด้วยน้ำเสียงตึงๆ “มาแท็กซี่ เจอกันที่หน้าโรงแรม” ปริณกลอกตาอย่างรู้สึกเพลียๆ ที่ต้องมานั่งแก้ตัว “หนูจะ...” “อย่าพี่ให้โมโหนะอลิซ! บอกว่าไม่มีใครเคยนั่ง... ก็ไม่มีสิ!” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “ก็ได้ๆ” อลิชายกมือขึ้นยอมแพ้ จากนั้นก็รีบเข้าไปนั่งในรถเพราะรู้สึกอายกับสายตาของพนักงานรับรถที่หันมามองยังเธอและเขา ปริณยกยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเดินเข้าไปประจำที่ แล้วขับตรงไปยังคอนโดของหญิงสาวอย่างอารมณ์ดี    
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD