บทที่ 12 อาหารจากจวนสกุลหาน

1406 Words
เมิ่งสืออีถูกไฉไฉประคองมานั่งที่โต๊ะ เมื่อสักครู่มีอาหารส่งมาจากจวนสกุลหานที่ทั้งร้อนและหอม หน้าตาน่ารับประทาน เมิ่งสืออีไม่ได้กินอาหารดี ๆ เช่นนี้มานานแล้วและไม่เชื่อว่าคนจากสกุลหานจะเอาใจใส่นางเพียงนี้ นางจึงไม่แน่ใจนักว่าอาหารพวกนี้ปลอดภัยหรือไม่ ไฉไฉเห็นท่าทางลังเลก็เดาออกว่าเมิ่งสืออีรู้สึกอย่างไร "ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ ไม่มียาพิษบ่าวลองชิมดูทุกอย่างแล้วไม่มีปัญหา" เมิ่งสืออีตกใจยิ่งนัก "เจ้าบ้าหรืออย่างไร หากมีพิษเล่า" ไฉไฉเอ่ยสีหน้าราบเรียบ "ก็นับว่าบ่าวได้ช่วยฮูหยินกับคุณหนูใหญ่เอาไว้แล้ว บ่าวยอมตายเจ้าค่ะ" เมิ่งสืออีคาดไม่ถึงว่าไฉไฉจะปกป้องนางด้วยชีวิตเพียงนี้ เวลานี้จึงได้แต่นับความดีความชอบของไฉไฉเอาไว้แล้วต้องหาทางตอบแทนให้ดีในวันหนึ่ง "หากข้าไม่มีเจ้า ข้าก็ไม่รู้ว่าตนเองจะอยู่ในจวนนี้ได้อย่างไร" ไฉไฉเอ่ยว่า "ฮูหยินอย่าคิดมากเลยเจ้าค่ะ เป็นหน้าที่ของบ่าวอยู่แล้วตั้งแต่วันนั้นที่ฮูหยินเอาตัวมาบังให้บ่าวไม่ต้องถูกโบยแม้จะท้องแก่เพียงนั้นบ่าวก็ตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่ปกป้องฮูหยินตลอดไป" เมิ่งสืออีจับมือของไฉไฉเอาไว้แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม "ไฉไฉเจ้าห้ามทำเช่นนี้อีกเป็นอันขาด ชีวิตเจ้ามีค่าต่อข้ามากข้าไม่ต้องการเห็นเจ้าเป็นอะไรไป เจ้าก็เหมือนน้องสาวของข้าคนหนึ่ง ญาติเพียงคนเดียวในเมืองหลวงแห่งนี้ของข้า" ไฉไฉซาบซึ้งจนน้ำตาไหล เมิ่งสืออีก็เช่นกันสตรีทั้งสองล้วนมองหน้ากันแล้วยิ้มให้กันจากนั้นก็โผเข้ากอดกันทั้งน้ำตา ที่ผ่านมาช่างหนักหนายิ่งนัก การอยู่ในจวนสกุลหานเหมือนอยู่ในถ้ำเสือ นอกจากเมิ่งสืออีจะถูกทรมานแล้วไฉไฉยังถูกพวกบ่าวด้วยกันดูถูกและกลั่นแกล้ง หลายครั้งที่นางยังถูกพ่นน้ำลายใส่หน้าอย่างสนุกสนาน คนพวกนั้นล้วนเป็นลิ่วล้อของลู่ลี่ทั้งหมดแต่ไฉไฉก็ไม่เคยคิดทิ้งฮูหยินไปที่ไหน เพราะสงสารฮูหยินที่แสนดีผู้นี้ด้วยใจจริง ผ่านมาครู่ใหญ่เมิ่งสืออีก็รับประทานอาหารเสร็จแล้ว เวลานี้มีบ่าวรับใช้ที่ถูกส่งมาดูแลพวกเขาจะกลับหลังจากฮูหยินรับประทานอาหารเสร็จเพราะว่าเรือนหลังเล็กนี้ไม่มีที่ให้ผู้ใดนอนพักค้างแรมได้อีก ไฉไฉปรนนิบัติเมิ่งสืออีล้างหน้าบ้วนปากจากนั้นก็ประคองมานั่งข้างเตาไฟอุ่น เวลานี้ไฉไฉก็ห่อตัวให้เมิ่งสืออีจนนางกลายเป็นซาลาเปาลูกใหญ่ลูกหนึ่ง "ฮูหยินเจ้าคะ คุณชายฮวาฝากตั๋วเงินไว้ให้ท่านพันตำลึง ยังบอกว่าได้หาบ้านให้ใหม่แล้วพรุ่งนี้จะมารับเจ้าค่ะ พวกเราจะได้ย้ายบ้านกันแล้วนะเจ้าคะ คุณชายฮวาผู้นี้ช่างดียิ่งนัก" เมิ่งสืออีมองใบหน้าแดงก่ำในยามที่เอ่ยถึงบุรุษของไฉไฉ นางขมวดคิ้วมุ่น "ผู้ใดคือคุณชายฮวา แล้วไยต้องฝากเงินให้ข้า ข้าไม่รู้จักเขา" ไฉไฉอมยิ้ม "เขาเป็นสหายของนายท่านเจ้าค่ะ เป็นคุณชายรูปงาม หล่อเหลาปานเทพเซียนบนสวรรค์ ฐานะไม่ธรรมดาเป็นคุณชายผู้เพียบพร้อมจากสกุลบัณฑิตนับเป็นคุณชายอันดับหนึ่งในเมืองหลวง" เมิ่งสืออีกะพริบตาปริบ ๆ "ข้าไม่ได้ต้องการหาคู่ครองคนใหม่ เจ้าไม่จำเป็นต้องยกยอคนปานนั้น ข้าเพียงอยากรู้ว่าไยคนผู้นั้นต้องมาช่วยข้า" "คุณชายฮวาเป็นสหายของนายท่านเจ้าค่ะ นายท่านคงขอให้เขาดูแลฮูหยินเจ้าค่ะ" นางรับตั๋วเงินจำนวนหนึ่งพันตำลึงมาถือเอาไว้ในมือ ตั้งแต่นางมาอยู่ที่นี่ได้รับเงินเบี้ยหวัดเพียงน้อยนิดไม่พอจะซื้อแป้งชาดสักกระปุกเลยด้วยซ้ำ นางจึงไม่เคยเห็นเงินมากมายเช่นนี้มานานแล้ว "เงินของคุณชายฮวาหรือ" "เงินนายท่านเจ้าค่ะ บอกว่าให้คุณชายฮวาจัดการ" เมิ่งสืออีหัวเราะแต่ดวงตากลับไม่ยิ้ม นางรู้สึกสมเพชเวทนาคนผู้นั้นขึ้นมาโดยพลัน "เขาคงกลัวว่าหากตนเองจัดการด้วยตัวเองจะทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าตำหนิ หรือไม่ก็ทำให้ลู่ลี่เข้าใจเขาผิดว่ามีใจให้ข้าแม่ลูก จึงได้วานเรื่องนี้ให้ผู้อื่นทำ หานชางเหยียนหนอหานชางเหยียน เสียแรงเจ้าเป็นแม่ทัพเสียเปล่าแต่กลับไร้ความสามารถเช่นนี้ ช่างน่าสมเพชยิ่งนัก" จวนสกุลหาน หานชางเหยียนจามไม่หยุดหลังจากเขากลับมาถึงจวนฮวาซานเหรินก็มาพบเขา คนทั้งสองจึงมาสนทนากันที่เรือนหลักของหานชางเหยียน ฮวาซานเหรินมองหน้าสหาย "ทำไมไม่สบายหรือ หรือว่ามีผู้ใดนินทา" หานชางเหยียนเลิกคิ้ว "ผู้ใดจะกล้านินทาข้า" "คนที่อยากนินทาเจ้ามีเยอะมาก ยิ่งตั้งแต่รู้ว่าจวนสกุลหานขับไล่สตรีท้องแก่ที่มีตำแหน่งเป็นถึงฮูหยินเอกท่านแม่ทัพออกจากจวน ทั้งยังปล่อยให้นางคลอดบุตรเพียงลำพัง เรื่องในจวนนี้รวมทั้งเรื่องของตัวเจ้าชั่วพริบตาในเมืองหลวงนี้ไม่มีผู้ใดไม่พูดถึง" หานชางเหยียนถอนหายใจ "เจ้าจะพูดมากไปไย คิดตอกย้ำให้ข้าปวดใจหรืออย่างไร ถ้าเจ้าคิดทำเช่นนั้นยินดีด้วยเจ้าทำสำเร็จแล้ว ข้าปวดใจจริง ๆ" ฮวาซานเหรินเอ่ยว่า "ข้ารู้ว่าเจ้าปวดใจ แต่ข้าก็ยังจะตอกย้ำเช่นเดิม สหายควรจะซื่อตรงต่อกัน เรื่องที่สกุลหานทำกับฮูหยินเอกนั้น หากเรียกว่าอำมหิตก็คงไม่เกินไป" หานชางเหยียนไม่โต้ตอบเพราะเขารู้ว่าหากในเวลานั้นหาหมอตำแยไม่ได้เมิ่งสืออีและบุตรสาวของเขาอาจจะไม่รอดชีวิตจริง ๆ เขาไม่ชอบนางแต่เขาก็ไม่เคยคิดจะทำให้นางตาย เมื่อคิดถึงใบหน้าบุตรสาวและเมิ่งสืออีแล้วก็ถอนใจออกมา "ซานเหรินข้ายังมีเรื่องอยากจะบอกเจ้า" ฮวาซานเหรินท่าทางตื่นเต้น "เรื่องอันใด" หานชางเหยียนยกยิ้มมุมปาก "เจี่ยเอ๋อร์ของข้า นางน่าเอ็นดูจริง ๆ เป็นเด็กทารกที่ไม่เหมือนผู้ใด นางพิเศษมากจริง ๆ" ฮวาซานเหรินส่ายหน้า ก่อนจะรั้งสายตากลับมามองจอกสุราของตนเอง "เจ้าพูดคำนี้มานับไม่ถ้วนแล้ว บอกตามตรงข้าเบื่อที่จะฟังแล้ว" หลังจากดื่มสุราไปหลายจอก ใบหน้าขาว ๆ ของฮวาซานเหรินก็เริ่มกลายเป็นสีแดง เขาขยับเข้ามาใกล้หานชางเหยียนพร้อมกับเอ่ยว่า "ซินแสผู้นั้นที่เจ้าให้ข้าสืบข้าสืบได้ความแล้ว" หานชางเหยียนมองหน้าสหายรัก "เขาเป็นผู้ใด" "เป็นซินแสจริง แต่ข้าว่ามีเรื่องสำคัญที่เจ้าจำเป็นต้องรู" "เรื่องอันใด" ฮวาซานเหรินเดาะลิ้นเอ่ยยิ้ม ๆ "ข้าพูดได้แต่อยากให้เจ้าทำใจก่อน" หานชางเหยียนเอ่ยน้ำเสียงขรึม "ยังจะพูดมากอีก สืบได้ความว่าอย่างไร" ฮวาซานเหรินสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาโดยพลัน "คนที่ชักนำให้ซินแสรู้จักกับท่านย่าของเจ้าเป็นคนของอนุหมิ่นมารดาของลู่ลี่ ดูเหมือนว่าจะเป็นความตั้งใจที่จะทำให้ท่านย่าของเจ้าได้พบกับซินแสผู้นั้น เจ้าจะว่าอย่างไร" หานชางเหยียนยังคงเข้าข้างลู่ลี่ "เจ้าหมายความว่าอย่างไร หากจะเกี่ยวข้องจริงก็แค่ชักนำให้รู้จักกันมิใช่หรือ ผู้ใดก็รู้ว่าท่านย่าของข้าชอบเรื่องดูดวงชะตายิ่งนัก" ฮวาซานเหรินเอ่ยต่อ "ถ้าหากซินแสผู้นั้นรับเงินเพื่อใส่ความคนเล่า เจ้าคิดเห็นว่าอย่างไร"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD