SENIORS 12
******************************
พี่อาร์พาฉันเข้าไปทักทายนักเขียนหลายคนก่อนที่เขาจะให้ฉันมานั่งที่โต๊ะร่วมกับเขาและสั่งห้ามไม่ให้ฉันลุกเดินไปไหนเด็ดขาดถ้าไม่มีเขาอยู่ด้วย
เขาคิดว่าคนที่นี่จะทำอะไรฉันเหรอ พวกเขาคงไม่เอาอนาคตตัวเองมาแลกกับคนอย่างฉันหรอก
อีกอย่างนะฉันนี่โคตรไม่มีอะไรดึงดูดเลยไง เพราะใส่แค่ชุดนักศึกษากับมัดผมหางม้าธรรมดาและเมื่อกี้ตอนที่อยู่ในรถพี่อาร์ยังทำผมฉันยุ่งอีก
ใครจะมาสนใจคนธรรมดาอย่างฉันกัน ฉันนั่งกินข้าวที่พี่อาร์ตักมาให้แล้วสายตาก็มองไปเห็นนักเขียนคนหนึ่งที่ฉันชื่นชอบมากเพราะฉันติดตามนิยายของเขาทุกเรื่องเลย
ฉันอยากขอลายเซ็นต์เขาและอยากถ่ายรูปคู่กับเขาด้วย ฉันกำลังจะลุกไปแต่ก็ถูกพี่อาร์จับมือเอาไว้ก่อนแถมยังทำหน้าดุใส่ฉันอีก
ฉันไม่ใช่เด็กที่ต้องขออนุญาตเขาก่อนนะ การที่เขาพาฉันมางานไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องมากักขังฉันแบบนี้
ฉันเองก็อยากไปทักทายนักเขียนคนอื่นๆ บ้างก็เท่านั้นเอง
“จะไปไหน?”
น้ำเสียงที่ดูไม่คอยพอใจเท่าไหร่ที่ฉันไม่ยอมทำตามที่เขาบอกนั่นทำให้ฉันทำหน้าเซ็งขึ้นมา
ฉันแค่จะลุกไปทักทายนักเขียนที่ตัวเองชอบมันผิดตรงไหนอีกอย่างเขาก็เป็นคนพาฉันมาที่นี่เองนะจะมาสั่งห้ามไม่ให้ฉันไปพูดคุยกับใครเลยเนี่ยนะ
งั้นก็ไม่ต้องพาฉันมาก็ได้มั้งถ้าจะให้ฉันนั่งติดกับเขาซะขนาดนี้อ่ะ
“พี่บอกว่าไง อย่าลุกไปไหนให้นั่งที่นี่”
“ก็เหมยอยากไปทักทายนักเขียนคนอื่นๆ บ้างนี่ค่ะ”
“เดี๋ยวพาไป”
“ไม่เอาอ่ะเหมยอยากไปเอง นี่พี่อาร์เหมยโตแล้วนะคะไม่ใช่เด็กๆ อ่ะ”
“ก็พี่เป็นห่วงเรา”
“เป็นห่วงอะไรคะ นี่มันงานเลี้ยงนักเขียนไม่ใช่เหรอหรือพี่อาร์คิดว่ามีคนไม่ดีอยู่ด้วย?”
“เรานี่มันดื้อจริงๆ นะ”
“ก็แค่จะไปขอลายเซ็นต์นามปากกาตินตินเองค่ะ เหมยชอบเขาอ่ะไม่ได้เหรอ?”
ฉันดึงมือตัวเองออกจากมือของพี่อาร์ ให้ฉันมานั่งเฉยๆ ทั้งที่มีนักเขียนเยอะแยะขนาดนี้ให้ตายเหอะ
พี่อาร์บอกให้ฉันนั่งรอเขาอยู่ที่นี่ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปหานักเขียนที่ฉันตั้งใจจะไปขอลายเซ็นต์จากเขาให้
ไม่นานทั้งสองคนก็เดินมาหาฉัน พอได้มาอยู่ใกล้ๆ พี่ตินที่ฉันติดตามนิยายของเขาทุกเรื่องมันก็รู้สึกเขินอายยังไงไม่รู้
บอกเลยนะว่าเขาเป็นผู้ชายคนแรกที่ทำให้ฉันตื่นเต้นได้มากขนาดนี้ อาจจะเป็นเพราะว่าเป็นคนที่ฉันชื่นชอบอยู่ก็ได้มั้ง และนี่ก็เป็นครั้งแรกด้วยที่ฉันได้เจอเขาตัวเป็นๆ อ่ะ
“พอดีคนที่กูพามาด้วยปลื้มมึงอ่ะอยากขอลายเซ็นต์”
พี่อาร์หันไปพูดกับพี่ตินเหมือนพวกเขาสนิทกันมาก พี่อาร์หันมายิ้มให้ฉันที่ทำหน้างง
เขาพูดเหมือนเป็นเพื่อนสนิทกับพี่ตินงั้นแหละ เขาที่เห็นว่าฉันทำหน้างงและมองหน้าเขาสลับกับมองหน้าพี่ตินก็เลยพูดขึ้นมาว่าเขากับพี่ตินเป็นเพื่อนสนิทกันมานานแล้ว
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเป็นเรื่องจริง นี่มันเรื่องบังเอิญมากๆ เลยนะ
“ตินมันเป็นเพื่อนพี่ตั้งแต่สมัยเด็กแล้วล่ะ บ้านเราอยู่ติดกันน่ะเลยโตมาด้วยกันนี่ก็บังเอิญมากเหมือนกันที่เราทั้งสองได้มาเป็นนักเขียนเหมือนกันอีก”
“สวัสดีครับพี่ชื่อตินครับ”
พี่ตินยิ้มให้ฉันแล้วเอ่ยทักทาย ตายแล้ว หัวใจฉันมันแทบจะระเบิดออกมาแล้วอยู่แล้ว
พี่เขางานดีมากเลยนะ ลักยิ้มที่ข้างแก้มทั้งสองข้างทำให้เขาดูดีดูหล่อขึ้นมาจนฉันเคลิ้มไปเลยล่ะ
ไอ้ที่บอกว่าไม่สนใจผู้ชายน่ะยกเว้นพี่ตินไว้คนหนึ่งนะ อาจจะเป็นเพราะว่าฉันชอบนิยายของเขาและติดตามเขามานานก็ได้มั้งเลยทำให้ฉันรู้สึกเขินเขามากขนาดนี้อ่ะ
“น่ารักจังเลยนะครับ”
“อ่า ค่ะ”
“ชื่ออะไรครับ?”
“มะ...เหมยค่ะ”
พี่ตินยิ้มให้ฉันแล้วยื่นมือมาตรงหน้าฉันเพื่อทำความรู้จักกัน ฉันยื่นมือไปจับมือพี่ติน
มือของเขานุ่มมากไม่อยากปล่อยมือจากเขาเลยล่ะ และไม่รู้ว่าเราสองคนจับมือกันนานแค่ไหนจนกระทั่งเสียงของพี่อาร์ดังขึ้นมา
“ปล่อยได้แล้วมั้งมืออ่ะ”
พี่อาร์ดึงมือพี่ตินออกจากมือของฉันก่อนจะให้พี่ตินเซ็นลายเซ็นต์ให้แล้วแยกย้ายกันกลับ
แต่ฉันยังไม่อยากจะกลับเลยแต่ก็ต้องกลับเพราะฉันจะต้องไปทำงานต่อและต้องเอาบทสัมภาษณ์จากพี่อาร์มาทำต่อด้วย
พอมาถึงรถพี่อาร์ก็ทำหน้าบึ้งตึงใส่ฉันเหมือนไม่พอใจที่ฉันทำหน้าเคลิ้มให้พี่ตินตอนที่จับมือกัน
มันไม่เห็นจะแปลกเลยที่เราได้เจอคนที่เราชื่นชอบและที่พีคกว่านั้นคือการได้จับมือกับเขาด้วยนะ ถ้าใครเป็นเหมือนฉันก็คงจะเข้าใจความรู้สึกฟินเป็นอย่างดี
“ชอบมันเหรอครับ?” ไม่พอใจแต่ก็ยังพูดเพราะกับฉันนะ
“ค่ะ เหมยติดตามนิยายทุกเรื่องของพี่ตินเลยนะคะอยากเจอตัวจริงมานานแล้ว”
ฉันพูดทั้งรอยยิ้มที่มันหุบไม่ลง นี่ถ้าเป็นไปได้ฉันจะไม่ยอมล้างมือไปเป็นอาทิตย์เลยแต่มันก็คงจะเป็นอย่างนั้นไม่ได้ไง
อารมณ์ของการเป็นแฟนคลับมันเป็นแบบนี้นี่เอง ฉันยอมอดข้าวเพื่อซื้อนิยายทุกเล่มของพี่ตินเลยนะ
คิดดูแล้วกันว่าฉันคลั่งเขามากขนาดไหนอ่ะ พอฉันพูดจบพี่อาร์ก็ยื่นหน้าเข้ามาหาฉันและดันหลังฉันให้ติดกับรถพร้อมกับใช้มือค้ำไว้ที่รถไม่ยอมให้ฉันหนีไปไหนได้
เลยกลายเป็นว่าตอนนี้ฉันดูเหมือนอยู่ในอ้อมกอดของเขายังไงยังงั้นเลย
“พี่อาร์ทำอะไรคะ?”
“แล้วพี่ล่ะครับ?”
“ทำไมคะ?”
“เหมยไม่ชอบพี่บ้างไง?”
“ก็…เหมยชอบพี่ตินมากกว่า”
“เหมยพูดแบบนี้พี่น้อยใจนะครับ”
จะมาน้อยใจอะไรเราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อยอีกอย่างฉันชอบพี่ตินมันผิดตรงไหนก็เหมือนคนเราเป็นแฟนคลับดาราเงี้ย
ฉันเองก็เป็นแฟนคลับของพี่ตินเหมือนกันและชื่นชอบเขาตั้งแต่นิยายเรื่องแรกของเขาถูกตีพิมพ์ออกมา
“ถ้าเป็นแค่แฟนคลับพี่เองก็โอเคแต่ถ้าอยากเป็นแฟนจริงๆ พี่ไม่โอเคนะครับ”
“อะไรของพี่อาร์เนี่ย ถอยออกไปเลยค่ะเหมยหายใจไม่ออก”
“หรือเราอยากเป็นแฟนมันจริงๆ?”
“พี่พูดอะไรคะ เหมยเนี่ยนะจะเป็นแฟนพี่ติน?”
นี่เขากำลังคิดอะไรของเขาอยู่กันเนี่ย ฉันเพิ่งจะได้เจอตัวของพี่ตินวันนี้เองนะและฉันก็ไม่ได้คิดไปในทางนั้นเลยด้วยก็แค่แฟนคลับที่ชื่นชอบผลงานเท่านั้นเอง
เขาเองก็น่าจะมีแฟนคลับเยอะเหมือนกันนะเพราะวันงานแจกลายเซ็นต์เขาก็โดนแฟนคลับรุมกันใหญ่เลย
แล้วไอ้สายตาที่ดูดุฉันเหมือนฉันทำผิดไม่ชอบเลยนะ ฉันผลักพี่อาร์ให้ออกห่างจากตัวและเขาก็ยอมถอยออกไปแต่ก็ยังคงจ้องหน้าฉันไม่เลิก
“ไหนล่ะคะบทสัมภาษณ์อ่ะเหมยจะเอาไปทำต่อ”
“พี่ทำให้เสร็จหมดแล้วล่ะเหมยก็แค่เอาไปส่งให้อาจารย์เลย เพราะพี่ดัดแปลงเป็นคำพูดของเหมยแล้ว”
ฉันถึงกับอึ้งไปเลยที่พี่อาร์ทำให้ฉัน และที่อึ้งกว่านั้นคือเขารู้ได้ยังไงว่าฉันใช้ภาษาเขียนตัวเองยังไง
นี่เขาจะรู้เรื่องของฉันมากไปแล้วนะ จริงอยู่ที่เราชอบไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ แต่ฉันก็ไม่เคยพูดถึงงานส่วนตัวของฉันให้เขารู้เลยจะมีก็แต่ไปปรึกษาเรื่องงานกลุ่มเท่านั้น
พี่อาร์เดินไปเปิดประตูหลังแล้วหยิบแผ่นกระดาษที่เขาบอกว่าทำมาให้ฉันแล้วยื่นมาให้
ฉันตรวจสอบทุกบรรทัดก่อนจะเงยหน้ามองเขามันเป็นภาษาเขียนของฉันหมดเลย นี่เขาทำได้ยังไงเนี่ย
“พี่รู้หมดทุกเรื่องของคนที่พี่จะจีบนะครับ”
“...”
“เห็นความน่ารักของพี่หรือยังครับน้องเหมย”
“…”
“พี่มีสิทธิ์จะจีบน้องเหมยติดมั้ยครับ”
“…”
“น้องเหมยของพี่อาร์”