ตอนที่ 1 แรกพบกัน
เกรท ไฟเตอร์ กรุ๊ป เป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทโลจิสติกส์ที่ใหญ่ที่สุดในแถบเอเชียแปซิฟิก พวกเขามีเส้นทางการขนส่งทั้งทางบก ทางอากาศ และทางน้ำ โดยครอบคลุมทุกประเทศในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งมีคชา เดชไพบูลย์ เป็นประธานบริหารวัยหกสิบแปดปีซึ่งนั่งในตำแหน่งบริหาร ทว่าในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า ทายาทเพียงคนเดียวของเขาก็จะกลับมาสืบทอดธุรกิจแทนแล้ว ทำให้พนักงานที่ใกล้ชิดรู้สึกใจหายและเป็นกังวลใจในคราเดียว พวกเขากลัวว่าบุตรชายของท่านประธานจะไม่ใจดีและเข้าใจพนักงานเหมือนอย่างรุ่นพ่อ ซึ่งนายคชาเองก็รู้ข่าวเรื่องความกังวลใจนี้ดีจากเลขาฯ ของตนเช่นเดียวกัน
“ข้างล่างคงวุ่นวายกันน่าดูสินะ” คชาเอ่ยขึ้นขณะที่ตัวกำลังเอนพิงกับพนักเก้าอี้หลังจากที่เซ็นเอกสารเสร็จ ด้านญานินที่เป็นเลขาฯ ประจำตัวที่ทั้งเก่ง ฉลาด มีไหวพริบพยักหน้ารับหงึกๆ ทันที
“ค่ะท่าน แต่นินเชื่อว่าประธานคนใหม่คงจะใจดีเหมือนท่านแน่นอนค่ะ” ญานินตอบอย่างสุภาพเพื่อรักษาน้ำใจเจ้านาย ทว่าภายในใจลึกๆ ของหญิงสาวนั้นก็แอบหวาดระแวงอยู่ไม่น้อย
“ทุกอย่างก็ย่อมต้องมีการเปลี่ยนแปลงเสมอ ยังไงเสียลูกชายของฉันก็ต้องเข้ามาดูแลทุกอย่างที่นี่อยู่แล้ว” คชาเอ่ยพลางลุกขึ้นเพื่อที่จะกลับบ้าน
“พวกเราเข้าใจค่ะ ยังไงพวกเราก็สัญญาว่าจะทำงานเต็มที่ เพราะที่นี่คือบ้านของพวกเราค่ะ” ญานินไม่ได้บอกเพื่อเอาใจเจ้านาย แต่เธอและพนักงานทุกคนก็คิดเหมือนกัน คือรู้สึกผูกพันกับบริษัท เพราะเจ้านายอย่างคุณคชาท่านไม่เคยทอดทิ้งพนักงานอย่างพวกเธอเลย ไม่ว่าบริษัทจะเคยประสบกับวิกฤตมากมายแค่ไหนที่ผ่านมาในอดีต จวบจนถึงปัจจุบันนี้ที่บริษัทใหญ่โตรุ่งเรื่องอยู่ได้ก็เพราะความมีเมตตาและความเอาใจใส่ ผนวกกับการมองการไกลของคุณคชาในการบริหารธุรกิจจนรุ่งเรืองในปัจจุบัน
“ฝากด้วยนะญานิน ประธานคนใหม่อาจจะเอาแต่ใจสักหน่อย แต่ถ้ารู้ใจเขาก็ไม่ยากอะไรหรอก” คชาเอ่ยฝากฝังบุตรชายกับเลขาฯ สาวคนสวย
“ค่ะท่าน” ญานินพยักหน้ารับปาก ทว่าหญิงสาวจะหารู้ไม่ว่าในวันข้างหน้าพ่อกับลูกจะแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว คชายิ้มให้เลขาฯ สาวอย่างเอ็นดูขณะมองอีกฝ่าย เพราะเขาเป็นคนรับเธอเข้ามาทำงานเองกับมือ
“พรุ่งนี้มีอะไรด่วนก็โทรมาหาฉันได้เลยนะ”
“ค่ะท่าน แล้วนี่ท่านจะกลับเลยมั้ยคะ? นินจะให้น้าสิงขรสแตนด์บายไว้รอ” ญานินเอ่ยพลางลุกขึ้นยืนกุมมือไปที่หน้าโต๊ะทำงาน
“ขอบใจนะ…” คชายิ้มให้เลขาฯ สาวก่อนจะลุกขึ้นเตรียมตัวที่จะกลับบ้านก่อนเวลาเพราะมีธุระ เมื่อญานินออกจากห้องทำงานหญิงสาวก็รีบโทรไปบอกคนขับรถของเจ้านายทันที เพียงไม่นานนายคชาก็เดินผ่านไปที่ลิฟต์ หญิงสาวยืนส่งเจ้านายเสร็จก็นั่งลงทำงานต่อ
ในขณะที่ญานินกำลังก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่นั้นก็มีคนเดินผ่านหน้าเธอไปแบบฉับพลัน ในจังหวะนั้นสาวเจ้าก็เงยหน้าขึ้นไปมองเจ้าของร่างสูงใหญ่ที่กำลังจะเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานของเจ้านายของเธอ
“เดี๋ยวก่อนค่ะ เดี๋ยวนะคะ” ญานินรีบลุกขึ้นทันทีก่อนจะไปยืนจังก้ากางมือขวางประตูห้องเอาไว้ทันที แต่พอเห็นใบหน้าคนมาใหม่เล่นเอาญานินถึงกับอ้าปากค้าง
โอ้ว! มายก๊อด เขาไม่ใช่คนแต่เป็นนักรบกรีกหลงยุคมาใช่ไหมเนี่ย ใบหน้าเรียวรูปไข่ไร้รอยยิ้ม ดวงตายาวรีใต้คิ้วเข้มดกหนาโค้งโก่งรับกับดวงตาสีน้ำตาลเย็นชาพอๆ กับสีหน้าของเขา
“มองพอแล้วก็หลีกทางด้วย ฉันจะเข้าไปข้างใน” น้ำเสียงห้วนๆ เข้มๆ เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งได้ดึงญานินให้ออกจากภวังค์ เธอกะพริบตาปริบๆ แต่มือของหญิงสาวยังคงกางแขนขวางทางเขาเอาไว้
“ไม่ได้นะคะ ท่านประธานไม่อยู่ คุณต้องมาพบกับท่านวันอื่น ยังไงฉันจะลงตารางนัดให้นะคะ” ญานินยังคงยืนยันไม่ยอมให้ชายหนุ่มตรงหน้าเข้าห้อง
“ไม่จำเป็น หลีกทางเดี๋ยวนี้ เสียเวลา!” เขาบ่นอุบพลางจะเดินชนเจ้าของร่างบางเข้าไปในห้อง ด้านญานินสาวเจ้ารีบยกมือผลักแผงอกกว้างให้ออกห่างประตูอัตโนมัติ เล่นเอาร่างสูงต้องถอยออกมาสองก้าว
“ฉันบอกแล้วไงว่าเข้าไม่ได้ พูดภาษาดอกไม้แล้วฟังไม่รู้เรื่องรึไงคะ? หรือว่าต้องใช้ภาษานางร้ายคุณถึงจะเข้าใจ” ใบหน้าสวยๆ ที่เจือไปด้วยรอยยิ้มพลันบึ้งตึงขึ้นมาทันที ทำให้คนมาใหม่ทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคออย่างรำคาญ
“หลีกทาง!” น้ำเสียงเข้มเค้นออกมาขณะมองหญิงสาวด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรมากขึ้น
“ไม่หลีก จนกว่าคุณจะบอกว่าคุณชื่ออะไร? มาพบท่านประธานเรื่องอะไรคะ?” หญิงสาวตั้งคำถามที่อยากรู้ พลางมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า “ถ้ามาขายประกัน ท่านคงไม่ซื้อเพราะท่านทำไว้เยอะแล้วค่ะ”
“หึ! ตกลงไม่หลีกทางให้ใช่มั้ย?” ชายหนุ่มถามย้ำ หญิงสาวไม่ตอบแต่ยืนปักหลักทำหน้ายักษ์ขวางประตูเอาไว้อย่างแน่วแน่ ทำให้คนมาใหม่ต้องถอนหายใจแรงๆ อย่างรำคาญ ก่อนจะเดินลุยเข้าไปชนกับร่างระหงของญานินอย่างไม่สนใจไยดี
“ว้าย! นี่…คุณ…” ญานินถึงกับเสียหลักหลังไปชนประตูจนเผลอดันบานประตูบานใหญ่เปิด ส่วนคนตัวใหญ่เองก็ตกใจเหมือนกันเพราะคิดว่าหญิงสาวจะหลบ วงแขนแข็งแกร่งรีบรวบเอวคอดกิ่วเธอไว้ แต่ทว่าน้ำหนักตัวของเธอผนวกกับการไม่ทันระวังของชายหนุ่มทำให้ทั้งคู่เกิดเสียหลักพากันล้มลงพื้นพรม ทว่าโชคดีที่ชายหนุ่มมีสติใช้ร่างใหญ่ของตนรับร่างบางเอาไว้ได้ทัน ในจังหวะนั้นเองเจ้าของร่างนุ่มจึงทาบทับอยู่บนร่างแข็งแกร่งแทน โดยที่ใบหน้าทั้งสองห่างกันไม่ถึงคืบ ดวงตาประสานกันนิ่งนานจนหญิงสาวได้สติ