Double : 02

2071 Words
ก๊อกๆ ๆ และจู่ๆ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างของผู้หญิงหน้าตาสวย หุ่นนางแบบที่เปิดประตูเดินเข้ามาข้างใน สายตาของเธอมองมายังเอริคก่อนเธอจะฉีกยิ้มกว้างเดินดุ่มๆ ตรงมาหาเขาทันที “เอริคคะ เจนนี่คิดถึงจังเลยค่ะ” ฉันยืนมองเอริคสลับกับเจนนี่ที่กำลังคล้องแขนเขาอยู่อย่างสนิทสนมตาปริบๆ อย่างงุนงงหน่อยๆ แต่เอริคกลับถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มโดยไม่สนใจเธอมากนัก “มาที่นี่ทำไม” “แหม อย่าทำเสียงแบบนั้นสิคะ พอดีถามออสตินเขาบอกว่าคุณอยู่ด้วย เจนนี่อุตส่าห์รีบมาเลยนะ” เจนนี่ทำท่าทางออดอ้อนทั้งๆ ที่สีหน้าของเอริคคล้ายกับรำคาญหน่อยๆ แถมน้ำเสียงที่เขาเอ่ยถามเธอเมื่อกี้ยังฟังดูเหมือนเอริคเริ่มหงุดหงิดมากกว่าเดิมอีกต่างหาก “กูต้องไปดูงานพอดี ไปล่ะไอ้เอริค โชคดีนะมึง” “ไอ้เวร” เสียงเข้มต่ำที่เอ่ยบอกทำให้ออสตินหัวเราะชอบใจอย่างไม่สะทกสะท้านแล้วหันหลังเดินหนีไปด้วยความรวดเร็ว ท่าทางออสตินคงสนุกที่ได้แหย่เอริคให้หงุดหงิดเล่น แบนี้สินะพวกเขาสองคนถึงอยู่ด้วยกันได้น่ะ ฉันไม่แปลกใจนักหรอก นิสัยชอบกวนประสาทคนอื่นคล้ายกันขนาดนี้… “แล้วนี่ใครคะ?” เจนนี่ชี้นิ้วเรียวมาทางฉันพร้อมกับเบะปากด้วยความไม่พอใจอย่างไม่ปิดบังจนฉันขมวดคิ้วงุนงง ปากเธอเป็นอะไรยะ แล้วทำไมต้องมาชี้หน้าฉันแบบนี้ด้วย รู้สึกอย่างปัดนิ้วเธอออกชะมัดเลย ให้ตายสิ ฉันถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะพูดด้วยเสียงเหนื่อยหน่ายแล้วเดินไปนั่งเก้าอี้อีกตัวไม่ไกลจากที่เอริคนั่งอยู่ “ฉันเป็นเลขาของคุณเอริคค่ะ” “หน้าจืดๆ ก็เป็นเลขาได้ด้วยเหรอ” ฉันหันขวับไปมองหน้าเจนนี่อย่างขุ่นเคืองทันที เหอะ! แล้วฉันเอาหน้าทำงานหรือไงกันล่ะ แถมวันนี้ฉันยังทาลิปสติกสีแดงแจ๋ขนาดนี้เธอยังมาพูดว่าฉันหน้าจืดอีกเหรอแม่คุ๊ณ! ฉันถอนหายใจเฮือก ถึงแม้ว่าในใจจะคิดแบบนั้นก็ตาม แต่ก็พยายามทำใจเย็น เพราะเห็นเป็นคนของเจ้านายหรอกนะยะ… “ค่ะ” “เดี๋ยวเจนนี่ไปเข้าห้องน้ำแป๊ปนึงนะคะเอริค“ ยัยเจนนี่หันหน้าไปออดอ้อนใส่เอริคโดยทำเป็นเมินไม่สนใจฉันที่อุตส่าห์ฝืนฉีกยิ้มสวย แม้จะด่าเธอมากแค่ไหนก็ตาม…เอริคพยักหน้าให้แทนคำตอบ เจนนี่ยิ้มหวานให้เขาแล้วเธอก็เดินสะบัดตูดไปทางห้องน้ำด้วยท่าทางดี๊ด๊า ฉันเลยแอบเบ้ปากอย่างหมั่นไส้ใส่ไปทีหนึ่ง เหอะ! พรึ่บ! “โมนา” “คะ?” หลังจากเจนนี้ออกไปจากห้องแล้ว เอริคที่นั่งอยู่บนโซฟาข้างฉันก็โน้มมาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเข้มต่ำที่หงุดหงิดหน่อยๆ ฉันเงยหน้ามองเขาพลางสูดหายใจเอาอากาศเข้าปอดลึกๆ เพื่อให้อาการเดือดปุดๆ จากยัยคุณหนูเจนนี้เมื่อครู่เย็นลงกว่าเดิม “ทำยังไงก็ได้ให้เจนนี่กลับไป” “แล้วคุณจะเข้าบริษัทวันนี้ใช่มั้ยคะ?” ฉันรีบถามพร้อมกับยิ้มกว้างและจ้องมองเอริคตาปริบๆ อย่างคาดคั้นรอฟังคำตอบจากเขาทันที วนเอริคก็ขมวดคิ้วเข้มมุ่นด้วยความไม่เข้าใจ “อะไร?” “งงอะไรกันคะ ก็ถ้าฉันทำให้เจนนี่ของคุณกลับไปได้ คุณต้องเข้าบริษัทวันนี้ไง… ตามที่เราตกลงกันไว้” ฉันบอกเสียงสดใสพลางยิ้มให้เขาอีกครั้ง เอริคถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วเอนตัวพิงพนักโซฟาท่าทางผ่อนคลายลงเล็กน้อย “เจนนี่ไม่ได้เป็นอะไรกับฉัน” “ถึงงั้นก็เถอะค่ะ ถ้าฉันทำได้… คุณต้องเข้าบริษัทวันนี้” ตอนนี้เอริคจะเป็นอะไรยังไงกับใครฉันไม่สนใจเท่าไหร่หรอก ฉันต้องการทำยังไงก็ได้ให้เขายอมเข้าไปทำงานที่บริษัทก็เท่า เพราะเงินเดือนที่เพิ่มขึ้นอีกสองหมื่น… เอ๊ยไม่ใช่สิ! หน้าที่น่ะ..หน้าที่ของเลขาที่ดี “อือ”  “เอริคคะ เราไปทานข้าวกันเถอะค่ะ เจนนี่หิวแล้ว” เสียงเข้มต่ำตอบรับเบาๆ ในลำคอแกร่ง พร้อมกับเสียงเปิดประตูและตามมาด้วยผู้หญิงสวยนิสัยขี้วีนอย่างเจนนี่โผล่เข้ามาในห้องทำงานและเธอก็กำลังจ้องมาทางฉันอย่างไม่พอใจนักที่เห็นเอริคนั่งใกล้ฉันเกินไปหน่อย หมับ! “คงไม่ได้หรอกค่ะคุณเจนนี่ เพราะวันนี้คุณเอริคมีธุระ ใช่มั้ยคะ?” ก่อนที่เอริคจะเอ่ยอะไรออกไป ฉันก็รีบพูดแทรกแล้วหันไปส่งยิ้มหวานให้เขาที่หันมามองฉันด้วยความสงสัย แต่ยังดีที่เอริคยอมพยักหน้าเออออห่อหมกตามเมื่อเห็นฉันส่งซิกขยิบตาให้ และนั่นยิ่งทำให้เจนนี่ต้องหันขวับกลับมาจ้องหน้าฉันอย่างไม่พอใจทันที “ธุระอะไร?” “ธุระส่วนตัวน่ะค่ะ ส่วนตัวมากๆ” ฉันยิ้มมุมปากพร้อมกับใช้มือลูบไล้บ่าแกร่งของเอริคแผ่วเบาอย่างกวนประสาทจนทำให้เธอถึงกับกำมือเอาไว้แน่นแล้วถามด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้นด้วยความโมโหอย่างไม่ปิดบัง “เธอเป็นอะไรกับเอริคกันแน่!” “เลขาไงคะ” “งั้นเอามือออกไปจากตัวเขาเดี๋ยวนี้นะ!” เจนนี่ตรงดิ่งมาทางฉันท่าทางโมโห เธอจะปัดมือฉันที่กำลังลูบไล้ไหล่ของเอริคออก แต่ฉันก็เร็วกว่าเลยรีบขึ้นไปนั่งบนตักของเขาแล้วคล้องแขนรอบคอแกร่งอย่างรวดเร็ว เอาวะ! เรื่องอื่นเอาไว้ทีหลังตอนนี้ฉันต้องสลัดยัยคุณหนูเจนนี่ออกไปให้ได้ซะก่อน พรึ่บ “อุ๊ย ตายจริง… ฉันตกใจไปหน่อย” ฉันฉีกยิ้มเยาะให้เจนนี่ที่ยืนทำหน้าตึงใส่ ส่วนเอริคยังคงนั่งนิ่งไม่พูดอะไรถึงแม้ว่าตอนนี้ฉันกำลังนั่งอยู่บนตักของเขาก็ตาม “เอริคคะ ตกลงยัยนี่มันเป็นใครกันแน่” “เลขา” สายตาคมมองใบหน้าฉันพลางเอ่ยบอกออกไปสั้นๆ โดยที่เขายังคงจ้องใบหน้าฉันนิ่งๆ เหมือนเดิม เอริคจะมานั่งจ้องหน้าฉันทำไมกันล่ะเนี่ย… เขาเป็นคนให้ฉันช่วยเองนะ บ้าชะมัดเลย “เจนนี่ไม่เชื่อหรอก! แกปล่อยแขนออกจากเอริคเดี๋ยวนี้นะนังหน้าด้าน!” เสียงแหลมๆ ของเจนนี่ตวาดใส่ฉันด้วยความโกรธ แต่ฉันกลับส่งยิ้มกว้างกลับไปให้เธอ พอนึกถึงตอนที่โดนด่าว่าหน้าจืดมันก็เริ่มจะหงุดหงิดยัยนี่เหมือนกันนะ ไม่รู้จักกันด้วยซ้ำยังมาว่าฉันอีก ฉันเบ้ปากก่อนจะกอดรอบลำคอแกร่งแน่นกว่าเดิม แถมเอนหัวพิงกับแผงอกกำยำแล้วยิ้มเยาะเย้นใส่ยัยเจนนี่ที่งยืนหัวฟัดหัวเหวี่ยงไม่เลิกอย่างกวนประสาทซะเลย เหอะ! “ฉันชื่อโมนาค่ะ แล้วฉันก็จะไม่ปล่อยคุณเอริคตามที่คุณบอกด้วย” “นี่แก! ฉันจะไปบอกป๊าเรื่องนี้ แล้วคอยดูว่าแกจะเป็นยังไง!” เจนนี่ตะโกนเสียงแหลมแปดหลอดใส่หน้าฉันจบเธอก็เดินตึงตังออกไปจากห้องด้วยท่าทางโกรธเคืองควันออกหูทันที ฉันขมวดคิ้วมองไปทางบานประตูที่เปิดออกอย่างุนงงปนสงสัยหน่อยๆ เอ่อ… ถ้ายัยคุณหนูเจนนี่บอกป๊าของเธอแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันกันน่ะ? “เธอเป็นใครคะ… คุณเอริค?” “คู่หมั้น” “อ้อ อย่างนี้นี่เอง… ห๊ะ?!” ฉันหันขวับไปมองเอริคตาโตเท่าไข่ห่านด้วยความตกใจ เดี๋ยวนะ… เมื่อกี้เขาบอกว่าคู่หมั้นงั้นเหรอ?! ยัยคุณหนูเจนนี่ที่เพิ่งเหวี่ยงใส่ฉันไปเมื่อกี้น่ะนะ! ตายแล้วโว้ยยย! “โมนา ตกใจอะไร” เอริคสบสายตากับฉันนิ่ง สักพักเขาก็ถอนหายจนฉันยังแอบได้ยินเพราะตอนนี้ใบหน้าของเราสองคนอยู่ใกล้กันเกินไปจนน่าใจหาย… แต่พอฉันเริ่มตั้งสติได้อีกครั้งก็รีบปล่อยแขนที่คล้องรอบคอแกร่งออกแล้วขยับลงไปนั่งที่เดิมของตัวเองทันที “เธอเป็น… เป็นคู่หมั้นคุณไม่ใช่เหรอคะ? แล้วทำไมต้องให้ฉันมาทำอะไรแบบนี้ด้วยล่ะเนี่ย…” แล้วแบบนี้ฉันจะโดนชาวบ้านด่าว่าแย่งคู่หมั้นคนอื่นไหมยังไม่รู้เลย โอ๊ย ปวดหัวชะมัด! “ฉันไม่ได้อยากหมั้น” เอริคบอกสีหน้าเรียบนิ่งแล้วเขาก็หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ ฉันเลิกคิ้วมองร่างสูงเล็กน้อย แล้วพยักหน้าหงึกหงักกลับไปให้เขาอย่างเข้าใจ สมัยนี้ยังมีคลุมถุงชนอยู่อีกเหรอ แต่คนรวยก็คงเป็นแบบนี้ล่ะมั้ง… “งั้นเหรอคะ อืม… ฉันพอจะเข้าใจนิดๆ แล้ว” “ปวดขาชะมัด” แต่จู่ๆ เสียงเข้มต่ำบ่นออกมาแล้วพ่นควันบุหรี่ไปอีกทาง ฉันทำหน้ามุ่ยอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นักแล้วขยับลงไปนั่งบนโซฟาข้างเขาตามเดิมด้วยความขุ่นเคืองไม่หาย “ฉันขอโทษที่อยู่ดีๆ ก็กระโดดไปนั่งบนตักคุณ แต่ฉันไม่ได้ตัวหนักขนาดนั้นนะคะ…” หมับ! “ก็หนักอยู่ดี” “คุณทำอะไรน่ะ!” ฝ่ามือหนาจับข้อมมือบางแล้วดึงตัวฉันเข้าไปใกล้จนฉันเซนขึ้นไปนั่งบนตักของเขาอีกครั้งโดยที่ฉันไม่ทันได้ตั้งตัว ท่อนแขนแข็งแรงโอบกอดเอวบางไว้แน่น ฉันอ้าปากพะงาบๆ อย่างทำตัวไม่ถูก ก่อนจะรวบรวมสติแล้วรีบดันแผงอกกำยำให้ออกห่างด้วยความรวดเร็ว เราอยู่ใกล้กันมากจนฉันได้กลิ่นบุหรี่จางๆ ผสมกับกลิ่นโคโรญจากเขา ให้ตายสิ! “หึ ทดสอบดูว่าหนักจริงหรือเปล่า” “คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ!” “เมื่อกี้เธอยังทำเลย” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเอริคทำให้ฉันประหม่าหน่อยๆ จนต้องเม้มริมฝีปากปากแน่น ดวงตากลมโตจ้องมองร่างสูงที่ยกยิ้มส่งมาให้อย่างกวนประสาทด้วยความขุ่นเคือง ”มันไม่เหมือนกันค่ะ“ “ไม่เหมือนตรงไหน” “ก็ตอนนั้น..” “ตอนนั้นทำไม” เอริคเลิกคิ้วถามพลางยกยิ้มมุมปากและโน้มใบหน้าหล่อเหลาเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้นเรื่อยๆ สายตาคมดุดันคู่สวยของเขาทำให้ฉันรู้สึกประหม่าและทำตัวไม่ถูกกว่าเดิมจนเอ่ยบอกเขาเสียงตะกุกตะกักอย่างควบคุมไม่ได้ บ้าจริง เอริคต้องแกล้งป่วนประสาทให้ฉันปวดหัวเล่นแน่เลยเนี่ย! “ไป… ไปบริษัทได้แล้ว… อื้อ!” ฉันพูดยังไม่ทันจบประโยคมือหนาอีกข้างก็ดึงรั้งท้ายทอยฉันเข้าไปใกล้เขามากขึ้นเพื่อประกบจูบโดยที่ฉันไม่ทันได้ตั้งตัว ความร้อนจากริมฝีปากอุ่นที่กำลังบดจูบอย่างเร่าร้อนและกลิ่นบุหรี่ประจำตัวของเอริคยิ่งทำให้สมองฉันมึนเบลอยิ่งกว่าเดิมซะอีก ลิ้นหนาสอดแทรกเข้ามาตวัดลิ้นเล็กไปมาอย่างช่ำชอง ถึงนี่จะไม่ใช่จูบแรกของฉันก็ตาม แต่มันกลับต่างกันโดยสิ้นเชิง… ก็จูบแรกของฉันมันไม่มีการสอดลิ้นจูบอย่างดูดดื่มลึกซึ้งแบบนี้หนิยะ! ให้ตายเถอะ ฉันหายใจจะไม่ทันอยู่แล้วเนี่ย! “หึ ไม่เห็นจืดเลย” ฉันรีบหอบหายใจเอาอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่ทันทีที่เอริคยอมผละจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง! “คุณ… คุณเอริค!” “นั่งอยู่ทำไม ไหนจะพาฉันไปบริษัท โมนา” ฉันยังคงนั่งอ้าปากพะงาบๆ กะพริบตาปริบๆ สองสามทีเพื่อตั้งสติแล้วเงยหน้ามองร่างสูงที่ลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางปกติเหมือนเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างหมั่นไส้ปนขุ่นเคืองหน่อยๆ เหอะ! ถ้าฉันเป็นยัยคุณหนูเจนนี่นะ แม่จะจะรีบถอนหมั้นคนกวนประสาทแบบเอริคเดี๋ยวนี้เลย บ้าชะมัด!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD