Double : 09

3537 Words
หลังจากที่ฉันหากล่องปฐมพยาบาลไม่นานก็เจอแล้วหันมองร่างสูงที่นั่งอยู่บนโซฟาแล้วเม้มปากหน่อยๆ จากนั้นฉันก็เดินไปหาเขาโดยไม่สบกับสายตาคมดุดันที่กำลังจ้องใบหน้าฉันนิ่งสักนิดเดียว ให้ตายสิ แล้วทำไมแอริคต้องจ้องฉันขนาดนั้นด้วยล่ะเล่า! “ว่าแต่… คุณเจ็บมากมั้ยคะ?” ฉันทำเป็นไม่สนใจสายตาของเขาแล้วถามเสียงเบาอุบอิบ แต่พอเงยหน้ามองเอริคและเห็นรอยฟกช้ำที่ยังคงเด่นชัดเจนตรงซิกแพกแน่นๆ ความรู้สึกผิดก็กัดกินจิตสำนึกของฉันขึ้นมากกว่าเดิม บ้าชะมัด ฉันคงถีบเขาแรงเกินไปจริงๆ มันเป็นแผลถลอกด้วยล่ะ… “ไม่เท่าไหร่หรอก” เอริคยักไหล่พลางเอ่ยบอกเสียงทุ้มต่ำราบเรียบ สายตาคมคู่สวยที่จ้องมองมาไม่เลิกทำให้ฉันเริ่มทำตัวไม่ถูก ขยับตัวไปมาอย่างประหม่าโดยไม่รู้ตัว ทำไมช่วงนี้เวลาที่ฉันอยู่กับเอริคแค่สองคนถึงได้รู้สึกแปลกๆ แบบนี้นะ… มันแปลกและยุบยิบในอกยังไงไม่รู้สิ หรือว่าฉันจะใกล้บ้าเข้าไปทุกทีแล้วเหรอยะ?! “เอ่อ... ฉันขอโทษนะคะ” ฉันบอกแต่เหมือนพึมพำกับตัวเองซะมากกว่า เอริคขมวดคิ้วเข้มมุ่นด้วยความไม่เข้าใจทันที “เธอพูดว่าไงน่ะ โมนา” “เมื่อกี้ฉันบอกว่า... ขอโทษที่ทำให้คุณบาดเจ็บ” ฉันสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วพูดออกมาให้ดังขึ้น เอริคยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์จนฉันต้องรีบขยับถอยห่างจากเขาเล็กน้อย หมับ! “คุณเอริค!” ฉันเบิกตาโพรงเงยหน้ามองเอริคด้วยความตกใจทันทีที่มือหนาคว้าต้นแขนฉันแล้วดึงเข้าไปใกล้แผงอกกำยำโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ลมหายใจอุ่นร้อนผะแผ่วที่ผิวแก้มฉันจนต้องเม้มริมฝีปากอย่างเลิ่กลั่กไปหมด “เคยบอกว่าไง” ฉันพยายามแกะมือหนาที่จับเอวบางออก แต่เอริคกลับโน้มลงเอ่ยเสียงเข้มต่ำข้างใบหูจนจมูกโด่งเป็นสันของเขาจะโดนแก้มฉันอยู่แล้ว! ฉันดันแผงอกกำยำและจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาคิ้วขมวดมุ่น “ปล่อยฉันนะ” พรึ่บ! “ดิ้นทำไม ไหนจะทำแผลให้” ฝ่ามือใหญ่โอบกอดเอวบางฉันขึ้นแล้วยกตัวฉันลอยไปนั่งลงบนตักแกร่งของเขาแทน ว้อทท?! เอริคคิดจะทำอะไรของเขาเนี่ย! ฉันดิ้นหนักกว่าเดิมและพยายามแกะมือปลาหมึกของเอริคออกอย่างไม่ลดละ ให้ตายเถอะ เขาน่าโมโหจริง! “คุณทำอะไรเนี่ย เดี๋ยวใครก็มาเห็นหรอก ปล่อย!” “หึ เห็นก็ดีดิ” เสียงทุ้มต่ำและลมหายใจอุ่นร้อนที่ผะแผ่วตรงท้ายทอยทำให้ฉันรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที “ดีบ้าอะไรล่ะ!“ หมับ! พรึ่บ! “โมนา ไปโดนอะไรมา” “อ๊ะ...” จู่ๆ นิ้วเรียวยาวก็แตะลงมาบนหัวไหล่ของฉันตรงแผลถลอกเลือดซิปเล็กน้อยจนฉันสะดุ้งตกใจหน่อยๆ ก่อนเอริคจะจับเอวบางให้ฉันขยับหันไปสบกับสายตาคมดุดันอย่างช่วยไม่ได้ แขนซ้ายแนบชิดกับแผงอกกำยำเปลือยเปล่า แถมท่อนแขนแข็งแรงยังโอบรอบเอวฉันไว้ไม่ปล่อยอีกต่างหาก บ้าจริง นี่มันสถานการณ์อะไรกันน่ะ! “ถามว่าไปโดนอะไรมา” “ก็… น่าจะโดนกระเป๋าคู่หมั้นคุณขูดมั้ง” ฉันเอ่ยบอกอุบอิบแล้วหันหน้าหนีหลบสายตาคมที่จ้องมองมาอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ที่ได้ยินแบบนั้น ฉันเลยรีบตั้งสติแล้วดันแผงอกกำยำไว้ทันทีที่เอริคเริ่มกอดฉันแน่นขึ้น “หึ เดี๋ยวทำแผลให้” “อ๊ะ... นี่คุณ!” ฉันกะพริบตาปริบๆ อย่างงุนงงแล้วกำบ่าแกร่งไว้แน่นเมื่ออยู่ดีๆ เอริคที่หัวเสียได้ไม่นานก็เปลี่ยนเป็นยกยิ้มมุมปากพร้อมกับริมฝีปากอุ่นประกบจูบลงมาบนแผลตรงหัวไหล่ของฉันแผ่วเบาคล้ายจะปลอบโยน แถมหัวใจของฉันยังดันเต้นตึกตักตีกันอย่างสับสนปนประหม่าไปหมดจนกลัวว่าเขา ให้ตายเถอะ เอริคแค่แกล้งแหย่ฉันเล่นอีกแล้วหรือไงกัน! “อยู่เฉยๆ” “หยุดนะคะ...” ครืดๆ เสียงชะงักทันทีที่สบกับสายตาคมดุดันวาววับเจ้าเล่ห์ ก่อนทุกอย่างรอบตัวจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือของเอริคที่วางอยู่บนโต๊ะสั่นครืดๆ ไม่หยุด ฉันนั่งอึกอักอย่างทำตัวไม่ถูกอยู่บนตักแกร่งแล้วหลบสายตาคมไปมองทางอื่นอย่างทำตัวไม่ถูก เอริคพ่นลมหายใจแรงด้วยความหงุดหงิดที่ถูกขัดจังหวะ จากนั้นเขาก็เสยผมเพื่อปรับอารมณ์ของตัวเองแล้วคว้าโทรศัพท์มากดรับสายท่าทางหัวเสียไม่เลิก “อะไรของมึงไอ้ออส” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามปลายสายอย่างไม่สบอารมณ์ ฉันกำลังจะลุกออกจากตักของเขาแต่เอริคกลับใช้ท่อนแขนแข็งแรงโอบเอวบางไว้แน่นอีกครั้งจนฉันขยับหนีไปไหนไม่ได้ ทำได้เพียงนั่งเม้มปากด้วยความขุ่นเคืองอยู่ในใจแทน แล้วเขาจะให้ฉันนั่งอยู่บนตักเขาทำไมไม่ทราบยะ! “มึงจะทำไม? เออ”   เอริคเหลือบมองหน้าฉันเหมือนกำลังคุยกับปลายสายเกี่ยวกับฉันอยู่ ฉันหยุดดิ้นแล้วเลิกคิ้วกลับไปเป็นเชิงถามด้วยความสงสัย “มีอะไรเหรอคะ?” และหลังจากที่เอริคกดตัดสายออสตินโดยที่เพื่อนเขายังพูดไม่ทันจบดีด้วยซ้ำ ฉันก็ถามเขาอย่างงุนงง เอริคมองใบหน้าฉันนิ่ง สักพักเขาก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ท่าทางคิดหนัก จากนั้นก็เอนตัวพิงกับโซฟาพลางเอ่ยบอกอย่างเหนื่อยหน่าย “ไอ้ออสให้ไปช่วยงานมันตอนนี้” “อะไรนะคะ? ไหนเขาบอกว่า...” ฉันถามเอริคกลับไปด้วยความมึนงงหน่อยๆ ก็ไหนตอนนั้นออสตินบอกให้เราสองคนไปหาเขาหลังเลิกงานไง แล้วทำไมเขาถึงจะให้เราไปกระทันหันแบบนี้ล่ะ “มันบอกว่างานมีปัญหานิดหน่อย เลยให้เราไปก่อนเวลา” เสียงเข้มต่ำตอบสีหน้าเรียบนิ่ง ก่อนมือหนาจะหยิบสำลีชุบแอลกอฮอล์มาแตะลงบริเวณแผลถลอกบนหัวไหล่ให้ฉันอย่างเบามือ ฉันถึงกับสะดุ้งตกใจเล็กน้อยเพราะความแสบ “อ๊ะ คุณทำอะไร ไม่ต้อง…” “โมนา บอกให้อยู่เฉยๆ” สายตาคมจดจ้องมองใบหน้าฉันอย่างดุๆ พร้อมกับท่อนแขนแข็งแรงล็อกเอวบางไว้แน่นเพื่อไม่ให้ฉันดิ้นหนีจนหน้าอกเต่งตึงแนบชิดกับแผงอกกำยำแทบหายใจไม่ออก จากนั้นเขาก็ทำแผลให้โดยที่ฉันยอมแพ้และหยุดดันตัวเขาออกเพราะดิ้นยังไงเอริคก็ดูไม่สะทกสะท้าน ให้ตายเถอะ เขาจะแรงเยอะเกินไปแล้วนะ!  @SOS Pub และแล้วหลังจากที่เอริคกวนประสาทฉันจนพอใจ ตอนนี้เราสองคนก็ได้เข้ามานั่งอยู่ที่ผับเปิดใหม่ของออสตินเป็นที่เรียบร้อย ออสตินที่นั่งอยู่บนโซฟาฝั่งตรงข้ามและดื่มไวน์ด้วยความสะบายใจมองมาทางฉันกับเพื่อนของเขาพร้อมส่งยิ้มกรุ้มกริ่มมาให้เมื่อเห็นฉันเบ้ปากใส่เอริคอย่างหมั่นไส้แล้วหันกลับไปมองเขาอย่างสงสัยอีกครั้ง “มึงจะให้ช่วยอะไร รีบๆ พูดมาสักที” “อย่าใจร้อนน่าไอ้เอริค ส่วนอันนี้... สำหรับเธอนะ โมนา” ออสตินยักไหล่ใส่เอริคที่ถามด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง แล้วเขาก็ยื่นถุงกระดาษสีชมพูมาทางฉันพลางยิ้มแย้มแจ่มใสแต่สายตากลับดูเจ้าเล่ห์จนฉันต้องกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เอริคที่เห็นแบบนั้นก็พ่นลมหายใจท่าทางไม่สบอารมณ์เล็กน้อยแล้วเดินไปทางระเบียงเพื่อสูบบุหรี่ ฉันเลยได้แต่กะพริบตาปริบๆ และเงยหน้าจากถุงกระดาษหันไปออสตินที่ส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้พร้อมยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มด้วยความสงสัยแทน “อะไรอ่ะ…” “ชุดทำงานของเธอไง” “ชุดทำงาน? นี่ฉันต้องเปลี่ยนด้วยเหรอ” ฉันเลิกคิ้วงุนงงทันทีที่ได้ยินคำตอบจากออสติน พอก้มมองชุดที่ตัวเองใส่อยู่ก็ยิ่งไม่เข้าใจหนักกว่าเดิม ชุดที่ฉันใส่ไปทำงานที่บริษัทมันก็ไม่ได้แย่สักหน่อยนี่นา… แต่สักพักเพราะอะไรไม่รู้ฉันถึงชะงักความคิดและกลืนน้ำลายลงคออึกหนึ่งเมื่อรู้สึกไม่ค่อยไว้ใจออสตินที่ยกยิ้มส่งมาให้เท่าไหร่นัก ให้ตายเถอะ เขาเหมือนกำลังรอเรื่องสนุกๆ อยู่อย่างนั้นแหละ… “ชุดนี้ไม่ได้หรอกโมนา เธอไปเปลี่ยนก่อนน่า” “เอ่อ... เอางั้นเหรอ คือฉันว่า…” “เปลี่ยนในห้องน้ำที่ห้องนี้ก็ได้ เดี๋ยวฉันพาไอ้เอริคมันไปคุยงานหลังเวทีก่อน แล้วเธอค่อยตามมานะโมนา” ฉันยังพูดไม่ทันจบประโยค ออสตินก็เดินไปหาเอริคที่ระเบียงซะแล้ว ฉันยืนงุนงง อ้าปากพะงาบๆ แล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่พร้อมกับยกถุงกระดาษสีชมพูขึ้นมา เอาวะ! เปลี่ยนก็เปลี่ยน ไหนๆ เงินที่ออสตินจะให้ก็ไม่ใช่น้อยๆ สักหน่อย แค่เปลี่ยนชุดเอง มันไม่เห็นจะยากเย็นอะไรเลยหนิ   “ไหนดูหน่อยซิ ชุดทำงานของออสตินเนี่ย…” และพอเข้ามาในห้องน้ำฉันก็เปิดถุงกระดาษในมือแล้วหยิบชุดในนั้นมาดูให้หายสงสัย แต่พอเห็นชุดที่ออสตินเอามาเพื่อให้ฉันก็ถึงกับอ้าปากค้างเหมือนปลาทองขาดน้ำทันที ดวงตากลมโตจ้องมองชุดในมืออย่างตกตะลึง… ชุดสีดำคล้ายชุดว่ายน้ำวันพีชนี่มันคืออะไรกันยะ?! ไหนจะมีไอ้ก้อนกลมๆ สีขาวฟูฟ่องนุ่มนิ่มตรงก้นนี่อีก แล้วนั่นอะไรน่ะ! ไอ้ถุงน่องตาข่ายสีดำสุดสยิวนี่มันอะไรกันนน? ตุบ! “หื้ม?” ฉันที่ยังไม่หายตกตะลึงก้มลงเก็บของที่ตกจากถุงกระดาษบนพื้นขึ้นมาดูอย่างสงสัย และเมื่อเห็นว่ามันคืออะไรก็แทบจะขว้างทิ้ง ฉันสูดหายใจเอาอากาศเข้าปอดลึกๆ เพื่อบรวบรวมสติ กะพริบตาปริบๆ จ้องชุดกระต่ายสุดแสนจะเซ็กซี่กับที่คาดผมหูกระต่ายสีขาวแสนน่ารักในมืออย่างทำตัวไม่ถูก มือไม้สั่นไปหมดแล้ว ออสตินกำลังเล่นอะไรของเขายะ! ไอ้ที่คาดผมหูกระต่ายปุกปุยนี่มันคืออะไรโว้ย?! “ตายๆๆ ตายแล้วยัยโมนาเอ๊ย!” ฉันบ่นพึมพำกับตัวเองเป็นรอบที่ล้าน เดินกลับไปกลับมาจนแทบเวียนหัวแล้วสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ให้ตายสิ ฉันจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย… หรือจะยกเลิกงานนี้? ถ้าไปพูดกับออสตินมันคงไม่เป็นไรหรอกน่า... ไม่ได้! บ้าจริง ฉันจะมาปอดแหกแค่เพราะต้องใส่ชุดกระต่ายสุดเอ็กส์ไม่ได้! เงินงานนี้ที่ออสตินให้ก็ไม่ใช่น้อยๆ จะหาที่ไหนได้ล่ะ งานแค่ไม่กี่ชั่วโมงแต่ได้เงินตั้งหลายหมื่นน่ะ เฮ้อออ… ฉันใส่ชุดนี้มันกได้อยู่หรอก แต่ฉันแค่หวังอย่างเดียวว่าเขาคงไม่ให้ฉันไปทำอะไรแปลกๆ อย่างให้ไปเป็นของเล่นกับตาแก่หลายเมียหรือเสี่ยพุงพลุ้ยบ้ากามที่ไหนหรอกนะ “ก็ได้ออสติน นายจะให้ฉันใส่ชุดนี้มากนักใช่มั้ย… ได้เลย ใส่ก็ใส่ย่ะ!” เมื่อสมองใช้ความคิดที่ตีกันไปมาอยู่นาน ฉันพูดกับตัวเองเพื่อสร้างแรงฮึด แล้วตัดสินใจถอดชุดทำงานที่ใส่ออกแล้วเปลี่ยนเป็นสวมชุดกระต่ายสุดสวาทในมือแทน ให้ตายเถอะ ทำไมมันรัดสัดส่วนร่างกายฉันไปหมดแบบนี้ได้ล่ะเนี่ย แถมถุงน่องตาข่ายนี่ก็ทำให้ฉันแทบจะบ้าตายอยู่แล้ว หูกระต่ายที่เพิ่งคาดเข้าไปบนหัวนี่ก็ด้วย บ้าชะมัด! ก๊อกๆ! “โมนา แต่งตัวเสร็จยัง?” “คะ?!” จู่ๆ เสียงทุ้มเข้มคุ้นหูก็ดังอยู่หลังบานประตูห้องน้ำทำให้ฉันสะดุ้งสุดตัวจนต้องจับขอบอ่างล้างหน้าไว้ด้วยความตกใจ ก่อนฉันจะตะโกนตอบเสียงดังตะกุกตะกักอย่างประหม่าหน่อยๆ   “ทำไมนาน เป็นอะไรรึเปล่า” “เปล่า... เปล่าค่ะ ฉันไม่ได้เป็นอะไร” ฉันรีบปฏิเสธด้วยความรวดเร็ว ให้ตายสิ! ยังไม่ทันจะชินกับชุดกระต่ายสุดเอ็ส์นี่เลย เอริคจะมาทำไมตอนนี้กันล่ะเนี่ย! “ออกมาสิ” “ไหนคุณออกไปกับออสตินไงคะ” ฉันสูดหายใจเข้าไปลึกๆ เพื่อเรียกสติอีกครั้ง ตะโกนถามเอริคทั้งๆ ที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม ฉันยืนกลืนน้ำลายอย่างฝืดเคืองแล้วมองไปยังบานประตูห้องน้ำด้วยความลังเล และถ้ายังมันจ้องนานกว่านี้ประตูห้องน้ำคงได้ทะลุแน่ๆ “คุยเสร็จแล้ว เห็นเธอไม่ออกมาสักทีเลยมาตาม” จะมาตามอะไรตอนนี้! ฉันหันไปมองเงาสะท้อนของตัวเองที่กระจกในห้องน้ำแล้วก็อยากจะปาที่คาดผมหูกระต่ายออกจากหัวชะมัดเลย ให้ตายเถอะ “คุณกลับไปหาออสตินก่อนก็ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันตามไป“ “ออกมาสิ จะได้ไปพร้อมกัน” โว้ย! ทำไมเอริคถึงดื้อด้านขนาดนี้กันเนี่ย “คุณไปก่อนสิคะ” “โมนา” เสียงเข้มต่ำรายเรียบทำให้ฉันรับรู้ได้ว่าเอริคกำลังหงุดหงิดที่ฉันลีลาและไม่ยอมออกจากห้องน้ำสักทีอยู่ บ้าจริง แล้วใครใช้ให้เขามารอกันล่ะยะ! ฉันสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ รวบรวมความกล้าแล้วเอื้อมมือไปกระชากประตูห้องน้ำเปิดออกด้วยความแรง พรึ่บ! “โอเค! ไปกันเลยค่ะ ฉันพร้อมแล้ว”   ทันทีที่ฉันเปิดประตูห้องน้ำออก ร่างสูงที่ยืนพิงกรอบบานประตูก็ยืนนิ่ง สายตาคมดุดันจดจ้องมองสำรวจร่างกายฉันตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าจนความมั่นใจและความอายที่หายไปเริ่มกลับมาอีกครั้ง แถมฉันยังยืนเกร็งทำอะไรไม่ถูกอย่างเลิ่กลั่กไปหมด เอริคอย่ามองแบบนั้นสิ ความกล้าหน้าด้านที่ฉันรวบรวมมาตั้งนานหมดวับหมดแล้วนะ! “ใส่ชุดอะไร” ไม่นานคิวเข้มก็ขมวดมุ่น สายตาคมตวัดขึ้นมาจ้องใบหน้าฉันพร้อมกับเสียงเข้มต่ำเอ่ยถามอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นัก ฉันกระแอมพลางยักไหล่และทำเป็นไม่ใส่ใจแทน ”ชุดกระต่ายยั่วสวาทไงคะ มีหูด้วยนะคุณไม่เห็นเหรอ” ฉันถอนหายใจเฮือก ยกมือขึ้นจับหูกระต่ายสะบัดพึ่บพรั่บไปมาอย่างเซ็งๆ ฉันอยู่กับชุดนี้นานจนเริ่มจะชินกับมันซะแล้วสิ บ้าชะมัด ใครมันจะไปชินได้เล่า ฉันยังไม่ชินเลยสักนิดแต่ต้องทำเป็นชินไงล่ะ! “หึ กระต่ายงั้นเหรอ” ฉันหันไปมองเอริคที่ยกยิ้มมุมปากขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ด้วยความประหม่า ยิ่งสายตาคมดุดันจ้องหน้าฉันไม่ห่าง หัวใจของฉันมันก็ยิ่งเต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้ซะงั้น บ้าจริง “ชะ... ใช่ค่ะ ฉันว่าชุดมันก็สวยดี” สวยดี? สวยกับผีน่ะสิยัยโมนา ฉันกำลังพูดบ้าอะไรอยู่เนี่ย สมองตีกันไปหมดแล้วและตอนนี้ก็เริ่มหนาวขึ้นมาแล้วด้วย เพราะชุดกระต่ายสุดสวาทที่สั้นแทบจะเป็นชุดว่ายน้ำวันพีชนี่นั่นแหละ เหอะ! หมับ! “อือ สวย” ฉันเบิกตาโพลงเมื่อจู่ๆ ท่อนแขนแข็งแรงก็โอบรอบเอวบางไว้แน่นแล้วดึงตัวฉันเข้าไปกอดแนบแผงอกกำยำโดยที่ฉันไม่ทันได้ตั้งตัว ฉันอ้าปากพะงาบๆ เงยมองใบหน้าหล่อเหลาแล้วดันตัวเขาให้ออกห่างทันที “คุณ… คุณจะทำอะไรน่ะ!?” “หึ ก็เล่นกับกระต่ายไง” ฉันเม้มริมฝีปากอิ่มเมื่อสบกับสายตาคมเจ่าเล่ห์ และถึงแม้ฉันจะพยายามดันเอริคให้ออกห่างขนาดไหน เขาก็ไม่ขยับสักนิดเดียว ให้ตายเถอะ คนอะไรแรงเยอะจริง! “ฉันว่าออสตินรอเรานานแล้ว รีบไปได้แล้วค่ะ” “ทำไมไอ้ออสถึงเรียกแค่ชื่อ ทีกับฉันทำเป็นเรียกไม่ได้” เอริคขมวดคิ้วเข้มมุ่นเมื่อได้ยินคำพูดของฉัน เสียงทุ้มเข้มที่ดังอยู่ข้างใบหูทำให้ฉันชะงักแล้วเปลี่ยนเป็นจับบ่าแกร่งเอาไว้หลวมๆ ก่อนจะเงยหน้ามองใบหน้าหล่อเหลาและบอกเขาด้วยท่าทางจริงจังขึ้นกว่าเดิม “เพราะคุณเป็นเจ้านายฉันไงคะ คุณเอริค” “ฉันไม่ใช่เจ้านายเธอ พ่อฉันต่างหาก โมนา” เอริคจ้องมองใบหน้าของฉันนิ่ง ท่อนแขนแข็งแรงที่โอบเอวบางอยู่กอดแน่นคล้ายกับเขากำลังหงุดหงิดอะไรบางอย่าง ฉันประหม่าและรีบหันไปมองทางอื่นแทน “ถึงยังไงตอนนี้ฉันก็กำลังทำงานให้คุณอยู่ดีนั่นแหละ…” “ทั้งๆ ที่เรามีอะไรกันแล้วบนโซฟาในห้องทำงานฉันน่ะเหรอ” ฉันกัดริมฝีปากล่างด้วยความขุ่นเคืองทันที มันใช่เรื่องที่เอริคต้องเอามาพูดอีกหรือไง ฉันอุตส่าห์พยายามไม่คิดถึงเรื่องนั้นแล้วนะ แถมเขายังมีหน้ามายกยิ้มใส่อีกงั้นเหรอ?! เหอะ กวนประสาทชะมัด แต่ทำไมลึกๆ แล้วฉันถึงรู้สึกหน่วงในอกข้างซ้ายแบบนี้ด้วยล่ะ นี่ฉันเป็นบ้าไปแล้วหรือไงกันน่ะ… “แต่… มันเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบของเราสองคน” “หึ ชั่ววูบ?” เอริคหัวเราะหึพลางยกยิ้มและจ้องมองฉันด้วยสายตาคมเจ้าเล่ห์จนฉันทำตัวไม่ถูกและรีบดันบ่าแกร่งอีกครั้ง “ออสตินรออยู่ ปล่อยฉันด้วยค่ะคุณเอริค” “มันกำลังคุยงาน ไม่จำเป็นต้องรีบ โมนา” หมับ! “อ๊ะ... คุณทำอะไรเนี่ย!” ฉันหันขวับไปมองเอริคด้วยความตกใจทันทีที่ฝ่ามือหนาจับลงมาที่สะโพกกลมกลึงแล้วเลื่อนไปลูบๆ คลำๆ ก้อนปุกปุยสีขาวที่ติดกับชุดกระต่ายไปมาอย่างหยอกเย้า นี่เอริคกำลังจับหางกระต่ายอยู่งั้นเรอะ?! ฉันอยากจะบ้าตาย มันไม่ได้เอาไว้ให้เขาจับเล่นนะยะ! “หึ นุ่มดีหนิ “เอามือออกเดี๋ยวนี้นะ!” ฉันอ้าปากพะงาบๆ ขยุกขยิกดิ้นไปมาในอ้อมแขนแข็งแรง มือก็เอื้อมไปปัดมือหนาออกจากไอ้หางกระต่ายปุกปุยแถวก้นฉันวุ่นวายไปหมด ให้ตายสิ! พรึ่บ! “โอ้ กูมาขัดจังหวะอะไรมึงหรือเปล่าวะ” ฉันเบิกตาโพรงอย่างตกใจแล้วหันขวับไปมองออสตินที่จู่ๆ ก็เปิดประตูห้องออก และตอนนี้เขาก็กำลังยืนมองเอริคกอดรัดเอวบางไว้แน่นแถมมือหนาอีกข้างยังลูบๆ คลำๆ ก้อนปุกปุยแถวก้นฉันไปมาไม่เลิกอีกต่างหาก ให้ตายสิ เอริคควรหยุดจับมันได้แล้ว เพื่อนเขาเข้าใจผิดหมดแล้วเนี่ย! “จะให้กูช่วยตอนไหน” พอเห็นฉันดิ้นหนีหนักกว่าเดิม เอริคก็ยอมคลายอ้อมกอดออกแล้วหันไปถามออสตินเสียงทุ้มเข้มเรียบนิ่งอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นักที่ถูกขัดจังหวะ ฉันเลยรีบขยับมายืนให้ห่างจากเขาอีกสองสามก้าว บ้าจริง รู้สึกอยากหายตัวไปจากตรงนี้ชะมัดเลยโว้ยยย “ตอนนี้แหละ กูเห็นหายไปนานทั้งคู่เลยมาตาม แต่ไม่คิดว่าจะมาขัดจังหวะมึงไง” ออสตินหันมามองฉันแล้วยิ้มกรุ่มกริ่มอย่างรู้ทัน ฉันกรอกตามองบนไปหนึ่งทีแล้วพูดบอกเขาอย่างเหนื่อยหน่ายแทน “เหอะ มาถูกจังหวะเลยต่างหาก” “งั้นเหรอ หึ แต่ชุดสวยดีนะโมนา มันเหมาะกับเธอดี” สายตาวิววับของออสตินทำให้ฉันเพิ่งจะมีสติรู้ตัวว่ากำลังยืนอยู่ในชุดกระต่ายยั่วสวาทกับถุงน่องตาข่ายและที่คาดผมหูกระต่ายแสนน่ารัก พรึ่บ! “จะให้กูช่วยอะไรก็รีบ อย่าลีลา” แต่ก่อนที่ฉันจะทันได้หาอะไรมาคลุมไว้ ดวงตากลมโตก็กะพริบตาปริบแล้วก้มลงมองเสื้อยืดสีขาวตัวโคร่งที่คลุมตัวฉันไว้จนถึงต้นขาเรียวอย่างมึนงง พอเงยมองเอริคที่ยืนเปลือยท่อนบนโชว์ซิกแพคด้วยความสงสัยเขากลับไม่พูดอะไรกับฉันแล้วหยิบมวนบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบแทน อะไรกันน่ะ… เอริคเอาเสื้อยืดของเขามาสวมให้ฉันทำไมกัน แถมมันยังหลวมจนคอล่นมาถึงหัวไหล่แล้ว ให้ตายสิ ฉันไม่เข้าใจเอริคเลย บางทีก็ชอบกวนประสาท บางทีก็ชอบทำให้ฉันสับสน ผีเข้าผีออกชะมัด เหอะ!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD