ตอนที่ 15
ใบหน้าเศร้าสร้อยส่ายเบาๆ เมื่อได้ฟังในสิ่งที่คุณหญิงบอก พร้อมหยาดน้ำตาไหลพราก เธอไม่ต้องการไปอยู่ที่บ้านหลังนั้น เธอไม่อยากเห็นหน้าคนใจร้ายแม้จะโกรธแค้นเขามากเพียงใด แต่ผู้หญิงอย่างเธอจะมีปัญญาเอาอะไรไปสู้เขา
“ไม่นะหนูวริน ยังไงหนูก็ต้องไปกับป้า ป้าสัญญากับพ่อหนูไว้แล้วว่าจะดูแลหนูแทน” คุณหญิงกัญญาเริ่มหว่านล้อมให้หญิงสาวยอมตกลง แต่หญิงสาวก็ยังปฏิเสธเช่นเดิม
เมื่อหญิงสาวยังคงปฏิเสธ คุณหญิงกัญญาจึงเปิดกระเป๋าถือสุดหรูออกแล้วหยิบจดหมายซึ่งมีรอยยับยู่เพราะน้ำมือของบุตรชายยื่นให้หญิงสาวได้อ่าน
วรินญาลังเลอยู่นาน ก่อนค่อยๆ เอื้อมมือรับจดหมายนั้น เธอกวาดไล่สายตามองลายมือของบิดาด้วยมือสั่นเทา ทำไมเธอไม่รู้ว่าพ่อส่งจดหมายให้คุณหญิง เพราะถ้าหากรู้ก่อนหน้าเธอจะห้ามบิดาทันที เพราะไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเขาอีกแล้ว คนที่เธอเคยแอบปลื้มแม้เห็นเพียงภาพถ่ายใบเดียว แต่แล้วความปลาบปลื้มและทุกความรู้สึกที่มีให้กับเขา กลับพังทลายหายไปจนหมดสิ้นในวันที่เธอถูกเขาทำร้ายร่างกายและจิตใจ
“นี่เป็นจดหมายของพ่อหนูนะวริน เห็นไหมว่าพ่อหนูต้องการให้ป้าดูแลหนูแทนเขา หนูอย่าทำให้พ่อต้องเป็นห่วงอีกเลยนะ ไปอยู่กับป้าเถอะ” เมื่อเห็นหญิงสาววางจดหมายแนบอกพร้อมเสียงสะอื้น คุณหญิงก็ขอร้องอีกครั้ง
“หนูวริน ไปอยู่กับคุณหญิงเถอะค่ะ ลูกผู้หญิงตัวคนเดียวออกมาไกลขนาดนี้มันอันตรายนะคะ” เสียงป้านวลพูดขึ้นเมื่อคิดว่าหญิงสาวยังคงลังเล
‘อันตรายงั้นเหรอคะ แล้วที่ที่วรินจะไปอยู่ ไม่อันตรายมากกว่าหรือ’ เสียงเศร้าเฝ้าถามคุณหญิงกัญญาอยู่ในใจเมื่อไม่กล้าพูดออกมา ที่แห่งนั้นมีผู้ชายใจร้ายคนนั้นอยู่ แล้วเธอจะต้องพบกับอะไรบ้างล่ะ ภาพแววตาไร้ความเมตตาปรานีของผู้ชายคนนั้นวนเวียนเข้ามาในหัวสมองของเธออีกครั้ง แม้เธอจะยกมือไหว้อ้อนวอนเขาทั้งน้ำตา แต่เขาก็ไม่สนใจ
“หนูวริน ตกลงไหมจ๊ะ” คุณหญิงกัญญาถามย้ำอย่างมีความหวัง
วรินญาหันมองสบตาของคุณหญิงกัญญาอย่างค้นคว้า แต่เธอก็เห็นความห่วงใยในแววตาคู่นั้น ใบหน้าเรียวสวยพยักหน้ารับแทนคำตอบอย่างช้าๆ ทำให้คุณหญิงกัญญาและป้านวลยิ้มรับด้วยความดีใจ มือเหี่ยวนุ่มลูบศีรษะของเธออย่างรักใคร่ ‘นี่แหละ ผู้หญิงคนนี้คือลูกสะใภ้ของตระกูลอัครไพบูลย์’ คุณหญิงคิดอย่างปลาบปลื้ม เพราะนางเอ็นดูหญิงสาวมาแต่ไหนแต่ไร และหากไม่เกิดเรื่องนี้ขึ้น ถึงอย่างไรนางก็ต้องให้ ภูวเดชแต่งงานกับวรินญาให้ได้
รอยยิ้มเศร้าๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเรียวสวยน้อยๆ หากมันเป็นคำขอของพ่อเธอ แล้วทำไมเธอจะทำไม่ได้ คงจริงอย่างที่คุณหญิงบอก เธอไม่ควรทำให้คนตายเป็นห่วง และพ่อของเธอจะได้ขึ้นไปอยู่บนสวรรค์เสียที ‘พ่อคะ วรินยอมทำตามคำขอของพ่อแล้วนะคะ ต่อไปพ่อไม่ต้องเป็นห่วงวริน...วรินสัญญาว่าจะทำให้ตัวเองเข้มแข็งมากกว่านี้ ’
หลังจากพักฟื้นร่างกายได้สองวันครบตามคำสั่งของหมอ คุณหญิงกัญญาก็พาวรินญาไปยังคฤหาสน์อัครไพบูลย์ทันที
หากแต่วรินญาขอไปลาคุณยาย พร้อมกับฝากให้เก็บบ้านเช่าหลังนี้ไว้ให้เธอ เพราะสักวันเธอจะหาเงินมาซื้อบ้านหลังนี้ไว้
แม้จะเป็นเพียงแค่บ้านไม้หลังเล็กๆ ธรรมดา แต่ก็เป็นบ้านหลังที่เธอและพ่ออยู่ด้วยกันมาที่มีทั้งทุกข์และสุข และยังเป็นบ้านหลังสุดท้ายที่พ่อของเธออยู่มา และคุณยายซึ่งเป็นเจ้าของบ้านก็รับปากจะดูแลและรักษาบ้านหลังนี้ไว้ให้เธอ
และเมื่อเดินทางมาถึงคฤหาสน์อัครไพบูลย์ เหล่าคนรับใช้พร้อมคนสวนต่างมายืนรอรับคุณหญิงกัญญาและหญิงสาวข้างกายกันอย่างพร้อมเพรียง ต่างพากันเพ่งพิศหญิงสาวที่ยืนก้มหน้านิ่งด้วยความสงสัย แม้จะรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาแต่ไม่มีใครปริปากถาม
“เอาล่ะ คงอยู่กันครบแล้วใช่ไหม นี่หนูวริน ว่าที่ลูกสะใภ้ของฉัน จะมาอยู่ที่นี่และขอให้ทุกคนเคารพหนูวริน เหมือนที่ทุกคนปฏิบัติต่อฉันกับตาภูมิ” คุณหญิงกัญญาบอกเสียงราบเรียบ แต่แฝงไว้ด้วยความมีอำนาจเมื่อไล่สายตามองคนในบ้าน ถ้าจะขาดก็คงมีเพียงพ่อลูกชายตัวดีเท่านั้น
“ค่ะคุณหญิง/ครับคุณหญิง” ทุกคนต่างกล่าวรับออกมาพร้อมกัน ก่อนแยกย้ายไปทำงานตามหน้าของแต่ละคน จะมีก็เพียงวรินญาที่ยังยืนนิ่งอยู่กับที่กับคำว่า ลูกสะใภ้ เพราะก่อนหน้าที่เธอจะยอมตกลง เธอไม่เคยทราบเรื่องนี้เลย
“ไม่ต้องถามตอนนี้หรอกนะหนูวริน ขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าพักผ่อนเถอะ แล้วเดี๋ยวช่วงอาหารเย็นป้าจะให้สร้อยขึ้นไปตาม” คุณหญิงกัญญาบอกเสียงอ่อนโยน
ก่อนเรียกให้สร้อยนำพาหญิงสาวขึ้นไปยังห้องพักส่วนตัว ซึ่งอยู่ติดกับห้องของภูวเดช ที่บนตึกแบ่งแยกเป็นสองโซนมีบันไดแบ่งกั้นอย่างชัดเจน
“คุณวริน ทางนี้ค่ะ”
วรินญาหันมาตามเสียงเรียกของสร้อยทันที เมื่อเธอกำลังก้าวขึ้นบันไดซึ่งปูด้วยพรมหนานุ่มราคาแพง คิ้วเรียวขมวดเป็นปมเล็กน้อย ก่อนหันมองคุณหญิงกัญญาซึ่งกำลังเปิดประตูเข้าห้องส่วนตัวไป
“ห้องพักคุณวรินอยู่ปีกซ้ายค่ะ ส่วนปีกขวาเป็นห้องพักของคุณหญิงแล้วก็ห้องของคุณพัทธดนย์ แต่คุณดนย์ไม่ค่อยได้เข้ามาพัก นานๆ จะเข้ามาสักทีค่ะ” สร้อยรีบรายงานให้เสร็จสรรพเมื่อเห็นหน้าของเจ้านายคนใหม่งงงวยเล็กน้อย
วรินญาเมื่อได้ฟังสร้อยพูดจบก็พยักหน้ารับน้อยๆ แล้วเดินตามสร้อยขึ้นไปเรื่อยๆ
เธอเดินผ่านไปหนึ่งห้อง แล้วหันมองด้วยความสงสัย ทำไมสร้อยไม่บอกว่าปีกซ้ายก็มีสองห้องด้วยล่ะ แล้วอีกห้องเป็นห้องของใคร แต่ก็ไม่ปริปากถาม เมื่อสร้อยเปิดประตูห้องพักให้เธอพร้อมกับเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า ก่อนหันมาจัดการเก็บเสื้อผ้าของเธอเข้าตู้
“ไม่ต้องหรอกสร้อย เดี๋ยววรินทำเอง” วรินญาร้องห้ามเสียงหลง
“ไม่ได้ค่ะ ให้สร้อยทำให้เถอะนะคะ เดี๋ยวคุณหญิงจะดุสร้อยเอา คุณวรินมาเหนื่อยๆ เข้าไปอาบน้ำให้สบายตัวเถอะค่ะ เดี๋ยวสร้อยจัดเสื้อผ้าให้” สร้อยรีบห้ามนายหญิงคนใหม่ทันที
“ไม่ต้องเรียกคุณอะไรหรอกสร้อย วรินก็แค่คนอาศัยเหมือนกัน” วรินญาบอกตามความจริง
“คนอาศัยได้ไงคะ คุณหญิงเพิ่งจะบอกสร้อยและพวกลุงๆ ป้าๆ ว่าคุณวรินคือว่าที่ลูกสะใภ้นะคะ” สร้อยรีบบอกทันที และรู้สึกดีที่นายหญิงคนใหม่ดูเป็นกันเอง แถมยังหน้าตาสวย แม้ตอนนี้จะดูผอมไปสักนิด
“ไม่...ไม่ใช่หรอก” วรินญาปฏิเสธเสียงเบา เพราะตัวเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคุณหญิงกัญญากำลังจะให้เธอแต่งงานกับใคร และเธอจะหาทางปฏิเสธได้อย่างไร
“โอเคค่ะ สร้อยไม่ถามแล้วก็ได้ค่ะ ว่าแต่คุณวรินไปอาบน้ำเถอะนะคะจะได้สดชื่น แล้วจะรับของว่างไหมคะ เดี๋ยวสร้อยลงไปบอกป้าจัดให้” สร้อยบอกพร้อมรอยยิ้ม วรินญาได้แต่ส่ายหน้า เพราะถ้าห้ามไปสร้อยก็ต้องเรียกคุณเหมือนเดิม
“ไม่ล่ะ วรินอยากนอนพักสักหน่อยน่ะ”
“ค่ะ ถ้างั้นสร้อยจัดเสื้อผ้าเสร็จก็จะออกไปช่วยป้าเตรียมอาหารเย็น แล้วสร้อยจะขึ้นมาเรียกคุณวรินนะคะ” สร้อยบอกพร้อมกับรีบจัดเสื้อผ้าเข้าตู้ให้เรียบร้อย เพราะดูท่าแล้วนายหญิงคนใหม่คงเหนื่อยและเพลียจริงๆ