ตอนที่ 9
“แล้วหนูล่ะกมลฉัตร จะไปพักที่ไหน” คุณหญิงกัญญาหันมาถามหญิงสาวบ้าง
“เอ่อ...คือ หนูจะไปพักที่บ้านสวนค่ะ” กมลฉัตรบอกพลางหลบสายตาของคุณหญิงกัญญา ซึ่งมองมาอย่างคนที่ทำให้กมลฉัตรกลัวแสนกลัวว่าคุณหญิงจะรู้ถึงความในใจของเธอ
“อ้าว ที่บ้านสวนมีใครอยู่ด้วยหรือเปล่า แล้วไกลมากไหม หนูฉัตร” คุณหญิงกัญญาเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“มะ...ไม่มีค่ะ คุณหญิง แต่บ้านสวนหลังนี้หนูก็อยู่มาตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ อีกอย่างก็มีป้าและลุงข้างบ้านช่วยดูแลอยู่ และหนูก็อยากไปพบลุงกับป้าด้วยค่ะ” กมลฉัตรบอกเหตุผลด้วยกลัวว่าจะถูกคุณหญิงกัญญารั้งให้พักอยู่ที่บ้านหลังใหญ่นี้ ซึ่งเธอก็คงไม่กล้าปฏิเสธกับความมีน้ำใจของผู้ใหญ่เช่นกัน
“งั้นหรอกเหรอ ก็ตามใจหนูแล้วกัน ส่วนเราก็หมั่นไปเยี่ยมหนูฉัตรบ้าง ถึงอย่างไรเขาก็เป็นเลขาของเรา แล้วอีกอย่างถ้าจะกลับ ก็ไปส่งหนูฉัตรที่บ้านสวนด้วย จะได้รู้จักบ้านช่องกัน เวลามีปัญหาอะไรจะได้ตามกันได้ถูก” เสียงคุณหญิงกัญญาบอกแกมบังคับ ทำให้สองหนุ่มสาวได้แต่อ้ำอึ้งอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างจำยอม
“งั้นก็ดี จะได้อยู่ช่วยป้าจัดงานแต่ง” สิ้นเสียงคุณหญิงกัญญา
พัทธดนย์ถึงกับร้องถามด้วยความตกใจ นี่ใครจะแต่งงานกัน แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่เขาแน่นอน
“ใครจะแต่งงานครับคุณแม่” เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้นเมื่อเดินเข้ามาทันได้ยินสิ่งที่มารดาพูดเช่นกัน พลางขมวดคิ้วเข้มเป็นปม
“นั่นสิครับคุณป้า” พัทธดนย์ถามสำทับอีกครั้ง พลางจ้องหน้าภูวเดชอย่างต้องการคำตอบ ซึ่งภูวเดชรีบส่ายหน้าว่าไม่ใช่ตนแน่ ส่วนคุณหญิงกัญญาหันมองบุตรชายตั้งแต่หัวจรดเท้า พร้อมใบหน้าเรียบเฉยซึ่งดูแตกต่างจากเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง
“ตาดนย์ มีอะไรอีกหรือเปล่า ถ้าไม่มีก็ไปส่งหนูฉัตรก่อนเถอะ แล้วป้าจะโทรเรียกหากตกลงกับพ่อลูกชายตัวดีได้” คุณหญิงกัญญาตัดบทแล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้ พลางตวัดสายตามองบุตรชายพร้อมสั่งเสียงเข้ม
“ส่วนตาภูมิ ตามแม่ขึ้นไปบนห้อง” สิ้นเสียงมารดา ภูวเดชได้แต่มองหน้าพัทธดนย์ ด้วยอยากให้น้องชายพูดอะไรบ้าง แต่พัทธดนย์ก็ส่ายหน้าว่าไม่รู้เรื่อง ทว่าคนอย่างภูวเดชก็ไม่ยอมลดละ ยังคงเปิดปากถามด้วยกลัวว่าพัทธดนย์มีอะไรปิดบังอยู่หรือไม่
“ดนย์ คุณแม่เป็นอะไร เมื่อกี้ยังเห็นดีๆ อยู่เลย แต่พอฉันเข้ามากลับทำหน้านิ่ง ราวกับว่าฉันไปทำอะไรผิดมางั้นแหละ” คนไม่รู้ตัวเอ่ยปากถามแบบเซ็งๆ
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ผมว่าพี่รีบตามคุณป้าขึ้นไปเถอะครับ ส่วนผมจะรีบกลับมาฟังข่าวจากพี่”
“ข่าว...ข่าวอะไรของแกวะไอ้ดนย์ อย่าบอกนะว่าแกจะแต่งงาน” ภูวเดชถาม เพราะถ้าไม่ใช่เขาก็ต้องเป็นพัทธดนย์สิ แล้วจะให้เป็นใครไปได้ สำหรับเขานั้นชีวิตนี้ยังไม่เคยคิดเรื่องแต่งงานเลยด้วยซ้ำ
“ไม่ใช่ผมนะครับพี่ภูมิ ผมยังหาเจ้าสาวไม่ได้เลย” พัทธดนย์รีบปฏิเสธ ส่วนป้านวลได้แต่มองสองพี่น้องสลับกันไปมา ครั้นอยากจะบอกใจแทบขาดแต่ก็พูดไม่ได้ จึงได้แต่เตือนให้เจ้านายหนุ่มอย่างภูวเดชใจเย็นๆ
“คุณภูมิคะ ป้าว่าคุณหญิงรอนานแล้วนะคะ” หลังจากป้านวลเอ่ยเตือน สองหนุ่มก็กล่าวลากันตามประสาพี่น้อง
ภูวเดชยืนมองพัทธดนย์พร้อมด้วยหญิงสาวจนหายเข้าไปในรถ แล้วพ่นลมหายใจออกมาเสียงดัง
“เรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย” เสียงสบถดังออกมาจากริมฝีปากหนา หลังจากใช้มือเสยผมลวกๆ แต่แม้ผมจะดูยุ่งเหยิง เพลย์บอยหนุ่มก็ยังดูดีอยู่ตลอดเวลา ก่อนพาร่างสูงใหญ่เดินขึ้นบันไดซึ่งปูด้วยพรมนุ่มราคาแพงไปเรื่อยๆ
เพียงแค่บานประตูห้องนอนของมารดาเปิดและปิดลงด้วยมือหนา แผ่นกระดาษสีขาวซึ่งมีลายมือเขียนไว้อย่างหวัดๆ ก็ปะทะเข้ากับใบหน้าหล่อเหลาของภูวเดชทันที ร่างสูงใหญ่หันมองมารดาเล็กน้อยแล้วเอ่ยถาม โดยไม่ได้สนใจกระดาษแผ่นนั้นที่มันร่วงหล่นอยู่ที่ปลายเท้า
“อะไรกันครับ คุณแม่” คนถูกของปาใส่หน้าเอ่ยถามด้วยสีหน้างงงวย
“ฮึ! อะไรงั้นเหรอ แกก็ลองหยิบจดหมายนั่นขึ้นมาอ่านดูซะสิ แล้วก็อ่านให้มันเข้าหัวสมองแกบ้างนะ! ฉันไม่เคยสั่งไม่เคยสอนให้แกทำตัวเลวทรามแบบนี้เลยนะตาภูมิ แกมันเลว...เลวจนไม่น่าให้อภัยเลยด้วยซ้ำ” คุณหญิงกัญญาบริภาษใส่บุตรชายพร้อมน้ำตาคลอเบ้า หัวใจของนางเองก็เจ็บปวดเจียนตายเช่นกัน เมื่อได้รู้ว่าบุตรชายกระทำการอันป่าเถื่อนเช่นนั้นกับบุตรสาวของหัวหน้าคนงาน ซึ่งคุณหญิงเองก็นับถือเสมือนญาติคนหนึ่ง
ภูวเดชจ้องหน้ามารดานิ่งเมื่อถูกต่อว่าด้วยถ้อยคำที่ไม่เคยได้ยินจากปากของมารดามาก่อน แล้วค่อยๆ ย่อตัวลงหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาอ่าน
‘กราบเรียนคุณหญิง กระผมนายอำนาจ ศรีดากานต์ มีเรื่องจะขอร้องและอธิบายเหตุผลที่ต้องหนีหายจากคุณหญิงและเหมืองที่ช่วยชุบชีวิตของกระผมและลูกสาวมานานนับสิบปี ก่อนที่กระผมจะทำการเขียนจดหมายฉบับนี้ขึ้นมานั้น กระผมได้สอบถามถึงสาเหตุที่ทำให้บุตรสาวของกระผมหนีออกมาจากรีสอร์ต และสิ่งนั้นก็คือ ลูกสาวของกระผมถูกคุณภูวเดชข่มเหงบังคับขืนใจอย่างโหดร้าย และที่เราสองพ่อลูกต้องหนีออกมาเพราะไม่ต้องการให้มันเป็นเรื่องใหญ่โต เพราะคุณหญิงมีบุญคุณต่อกระผมมากมายเหลือเกิน
แต่ที่กระผมต้องเขียนจดหมายมาและบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ก็เพียงต้องการให้คุณหญิงช่วยดูแลลูกสาวแทนกระผมด้วย เนื่องจากตัวกระผมนั้นคงอยู่ได้อีกไม่นาน ซึ่งกว่าที่คุณหญิงจะได้รับจดหมายฉบับนี้ บางทีกระผมอาจไม่อยู่บนโลกนี้แล้วก็ได้ กระผมเพียงอยากให้คุณหญิงช่วยเมตตารับดูแลลูกสาวต่อจากกระผม วรินไม่เหลือญาติพี่น้องที่ไหนอีกแล้ว คุณหญิงโปรดสงสารลูกสาวผมด้วยเถิด กระผมจะไม่ลืมพระคุณอันยิ่งใหญ่นี้ หากเกิดมาอีกครั้งกระผมและลูกสาวคงได้อยู่ทดแทนบุญคุณของคุณหญิง’
นายอำนาจ ศรีดากานต์
มือใหญ่เริ่มสั่นเทาขึ้นเรื่อยๆ หลังจากอ่านข้อความในกระดาษ ภาพในวันนั้นวนเวียนเข้ามาก่อกวนเขาอีกครั้ง แม้ตลอดระยะเวลาห้าปีจะไม่มีใครรู้ แต่ตัวเขาเองรู้มาตลอด ใบหน้าคมที่ซีดเผือดเมื่อสักครู่แปรเปลี่ยนเป็นเรียบเฉย พร้อมขยำกระดาษแผ่นนั้นทิ้ง ซึ่งทุกอย่างตกอยู่ในสายตาของคุณหญิงกัญญาตลอดเวลา