พรึ่บ!!!
เขาเหวี่ยงตัวของฉันลงกับโซฟาขนาดใหญ่กลางห้องและรีบโถมตัวขึ้นคร่อมทับ ขณะใช้มือขึงแขนทั้งสองข้างของฉันติดกับโซฟาแน่น
"น้องอัญชันกำลังทำให้พี่เป็นบ้า..." พี่ภูผาพูดขึ้นและใช้สายตาคู่คมจ้องหน้าฉันแบบไม่วางตา "น้องอัญชันกำลังทำให้พี่ทนไม่ไหว...ที่จะไม่ลงมือทำอะไรเพื่อเอาคืน"
หัวใจฉันวูบหล่นให้กับคำพูดและสายตาจริงจังที่บอกว่าผู้ชายคนนี้เอาจริงแน่ๆ
"พี่ไม่เคยข่มอารมณ์ตัวเองมากขนาดนี้มาก่อนเลยน้องอัญรู้ไหมคะ?"
"ปะ ปล่อย!!"
"แต่พี่พยายามอดกลั้นมันเพื่อนน้องอัญ เพื่อเมียของพี่ แต่บางทีพี่ว่าการลดหย่อนของอารมณ์มันคงต้องสิ้นสุดบ้าง”
"อ๊ะ!!!"
นัยน์ตาฉันเบิกกว้างทันทีที่พี่ภูผาทิ้งแรงทั้งหมดกดแนบชิดลำตัวฉันเอาไว้ และจงใจใช้ฝ่ามือลูบไล้ไปทั่วต้นขา ก่อนจะเริ่มรุกหนักเมื่อเขาจงใจสอดมือผ่านกระโปรงนักศึกษาตัวจิ๋วเข้ามา
"หยะ หยุดนะ!!"
"รู้จักอาการกลัดมันไหมคะ?" เขาถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย หยุดเสียงร้องโวยวายของฉันให้เงียบลง ขณะที่มือแกร่งยังคงซุกซนกับต้นขาภายใต้กระโปรงนักศึกษาไม่หยุด "ฆาตกรข่มขืนในข่าวมันจะเกิดอาการแบบนี้ทุกครั้งที่มันพบเจอเหยื่อที่มันหมายตา"
"ฮึ้ยยย ปล่อยนะ!!"
"เหมือนกับความรู้สึกของพี่ตอนนี้เลย..."
ขะ เขาจะพูดอะไร!!
"เพราะพี่กำลังรู้สึกอยากจะขยี้เมียพี่ให้แหลกคาเตียง" พี่ภูผาเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์ ขณะใช้ปลายนิ้วเขี่ยขอบแพนตีไปมาคล้ายกับจะเล่นกับความรู้สึกของฉัน ที่ตอนนี้เริ่มเตลิดเปิดเปิงไม่เป็นตัวของตัวเอง "อยากลองสวมบทหญิงสาวที่โดนข่มขืนดูบ้างไหมคะ?"
"อ๊ะ!! ปล่อยนะ!!"
ฉันร้องลั่นทันทีที่พี่ภูผาซุกไซร้หน้าลงมาที่หน้าอกทั้งสองข้างของฉัน สลับกับใช้ปากงับเบาๆ แบบไม่ทันให้ตั้งตัว มือหนายังคงกดช่วงแขนของฉันไว้แน่น ขณะที่มือข้างซุกซนพยายามเกี่ยวแพนตีตัวจิ๋วออกแบบรีบๆ
"อ๊ะ..."
ปากเพื่อกระชากเสื้อนักศึกษาให้หลุดลุ่ย จนเผยให้เห็นหน้าท้องแบนเรียบ
"น้องอัญเนี่ย... ขาวจังเลยนะคะ"
"ปล่อยฉันนะไอ้โรคจิต ไม่อย่างนั้นฉันจะแจ้งตำรวจจับข้อหากระทำชำเรา!!"
"ตำรวจโง่ๆ ไม่รับแจ้งคดีความแบบนี้หรอกค่ะ โดยเฉพาะของคนที่ขึ้นชื่อว่าผัวเมียกัน" เขาพูดยิ้มๆ ก่อนเริ่มใช้นิ้วเกี่ยวแพนตีฉันให้ร่นลงช้าๆ พาหัวใจฉันกระตุกวูบด้วยความกลัว "ไม่มีผัวเมียคู่ไหนถูกดำเนินคดีความว่าถูกข่มขืน ถ้าพวกเขาเคยได้กันมาครั้งหนึ่งแล้ว" เขาเสริม
"หยะ...หยุดนะ!!"
"โดยเฉพาะครั้งแรกของเรา ถ้าน้องอัญพอจะจำได้ พี่เป็นคนนั่ง ส่วนน้องอัญเป็นคนขย่มนะคะ"
พี่ภูผายิ้มมุมปากคล้ายกับไม่รู้สึกอะไรกับคำพูดของตัวเอง แต่กลับกันคนที่เป็นฝ่ายคิดมากสุดๆ มันคือฉัน ยิ่งตอนนี้ตัวเองกำลังตกอยู่ในสถานการณ์คับขันด้วยแล้วล่ะก็... ฉันก็คิดอะไรไม่ออกแล้วจริงๆ
"พี่เริ่มได้รึยังคะ?"
"อย่ามายุ่งกับร่างกายฉัน... อ๊ะ"
เสียงของฉันถูกทำให้เงียบจนเปลี่ยนเป็นสั่น ทันทีที่พี่ภูผาใช้ปลายนิ้วเขี่ยผ่านแพนตีเบาๆ จนเผลอส่งเกร็งช่วงล่างด้วยความตกใจ
“หยุด!”
ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา และกลับมีเพียงสัมผัสจากปลายนิ้วที่ขยับเขยื้อนอยู่ที่ตรงจุดนั้นไม่หยุด
“พี่ภู!”
“ว่าไงคะ?” เขาตอบรับฉันแบบไม่สนใจนัก นัยน์ตาเรียวรีบจับจ้องไปที่หว่างขาของฉัน พร้อมด้วยความรู้สึกเฮือกใหญ่ที่ถาโถมเข้ามาให้รู้สึกปั่นป่วน
“อ๊ะ!” ริมฝีปากทรยศความคิดทันทีที่ปลายนิ้วน่ารังเกียจแทรกผ่านขอบแพนตี สัมผัสจุดอ่อนไหว
"สั่งไม่ให้สามียุ่งกับร่างกาย แล้วทำไมถึงตอบสนองนิ้วสามีดีขนาดนี้ล่ะคะ" พี่ภูผาหัวเราะคิกคัก ก่อนเริ่มปฏิบัติการรุกเร้าด้วยการแทรกปลายนิ้วแทรกกายฉันช้าๆ ความร้อนของสัมผัสจากปลายนิ้วครูดผ่านผิวหนังภายในจนรู้สึกได้
“อะ...เอาออกไป!”
ริมฝีปากร้อนพรมจูบไปทั่วเนินท้องแบนราบแบบไม่สนใจ ขณะที่ปลายนิ้วยังคงซุกซนกับช่วงล่างไม่หยุดเหมือนยิ่งยุ ฉันพยายามถดตัวหนีให้หลุดจากพันธนาการราคะตรงหน้าเสียที ทว่า...มันกลับไม่ง่ายขนาดนั้นเมื่อร่างกายฉันค่อยๆ อ่อนปวกเปียกลงในทุกๆ วินาที เสียงร้องโวยวายเพราะรังเกียจและกลัวเริ่มหายไป ทิ้งไว้เพียงเสียบหอบเบาๆ ที่ร่างกายตอบสนองทุกครั้งที่ปลายนิ้วพี่ภูรุกหนักขึ้น
"อะ...หยะ...หยุดก่อน..."
เขาช้อนตามองหน้าฉันขณะยังใช้ริมฝีปากซุกซนไปทั่วบริเวณท้องน้อย ริมฝีปากหยักลึกกระตุกยิ้มเล็กน้อยอย่างพอใจ พร้อมด้วยคำพูดสั้นๆ
"น้องอัญรู้ไหมคะ? สีหน้าของเมียพี่ตอนนี้น่ารักสุดๆ ไปเลย"
คำพูดที่พี่ภูผาบอกคล้ายกับเลือนรางจนฟังไม่คอยได้ศัพท์ ร่างกายทุกส่วนมันร้อนผ่าวไปหมด จนแทบลืมไปเลยว่าเคยก่นคำด่าสั่งให้ผู้ชายคนนี้หยุดการกระทำแบบนี้ลงเสียที จะมีก็เพียงเสียงร้องหวานๆ แหบพร่าของตัวเองที่ดังก้องไม่หยุด
"เรามาลองฟื้นความจำกันอีกรอบนะคะน้องอัญ..." เสียงของพี่ภูผาที่พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ตางไปจากเดิม พร้อมกับความรู้สึกโล่งแปลกๆ ที่ช่วงล่าง...นั่นอาจจะเป็นเพราะเขาถอดแพนตีฉันทิ้งไปแล้วก็ได้
ฟื้นความจำงั้นเหรอ?
นี่ฉันกับเขาเคยมีอะไรกันแล้วจริงๆ งั้นสิ ชายแปลกหน้าในผับเมื่อตอนนั้นเป็นพี่ภูผาจริงๆ น่ะเหรอ?
พี่ภูผายอมปล่อยมือที่กดแขนฉันออกช้าๆ พร้อมเลื่อนปลดเข็มขัดกับกางเกงนักศึกษาของตัวเองออกแบบไม่รีบไม่ร้อน
สีหน้าเรียบนิ่งแฝงไว้ด้วยท่าทางจริงจังของพี่ภูผา ทำฉันเผลอมองสีหน้าแบบนั้นของเขาแบบไม่วางตา แม้จะรู้วาเวลาในตอนนี้ฉันสามารถฉวยโอกาสทำร้ายเขาเหมือนๆ ทุกทีแล้วชิ่งหนีไปได้แท้ๆ ทว่าร่างกายของฉันมันกลับไร้เรี่ยวแรงที่จะลุกหนีไปไหน
เขาโถมตัวทับร่างฉันเป็นหนที่สอง สองมือแกร่งประคองหน้าฉันให้สบตาเล็กน้อยพร้อมด้วยคำพูดประโยคสั้นๆ
"พี่อยากให้ที่ข้างๆ ของพี่เป็นน้องอัญ ดังนั้นอย่าหนีพี่ไปไหนอีกนะ"
ตึกตัก ตึกตัก... ตึกตัก ตึกตัก...
อีกแล้ว...
หัวใจของฉันเต้นแปลกๆ เพราะคำพูดชวนเลี่ยนของเขาอีกแล้ว
"ดะ เดี๋ยวก่อน! ตอนนี้ฉันยังไม่พร้อม!" ฉันพยายามเค้นเสียงโต้ พลางใช้มือดันอกแกร่งให้ห่างออกจากตัวเล็กน้อยแล้วรีบขยับตัวหลบ ทว่า... พี่ภูผากลับพุ่งมือรั้งตัวฉันเอาไว้ให้กลับคืนสู่ท่าเดิมแน่น
"มาถึงขนาดนี้แล้วจะให้หยุดกลางคันได้ยังไงล่ะคะ?"
“…”
"น้ำเสียงของน้องอัญ สีหน้า และสภาพน้องอัญในตอนนี้ทำพี่ทนไม่ไหวแล้วนะ... เรามาฟื้นความจำกันเถอะ”
พี่ภูผาไม่รอให้เสียเวลารีบโถมตัวเตรียมรุกฆาตฉันในทันที และในตอนนั้นเอง...
ก๊อก ก๊อก!!
เขาหยุดชะงักกับเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นขัดจังหวะ พร้อมเหลือบมองไปยังต้นเสียงแบบหัวเสีย
"ช่างเสียงเคาะประตูมันเถอะเนอะ เรามาต่อกันเถอะค่ะ" เขาพึมพำแบบไม่สนใจ พร้อมเตรียมรุกฆาตฉันเป็นหนที่สอง ทว่า…
ก๊อก ก๊อก!! ก๊อก ก๊อก!!
"โถ่เว้ยย!" เขาสบถออกมาเสียงดัง จำยอมผละตัวออกจากร่างของฉันไปแบบหงุดหงิด จ้ำเท้าตรงดิ่งไปที่ประตูห้องแบบไม่รีรอ "มีไรครับ? ผมไม่ได้ สั่งอาหารหรือเครื่องดื่ม วันหลังไม่ต้องเคาะ! - -" เขายืนพิงบานประตูด้วยท่าทางอารมณ์ไม่ดี และตะคอกเสียงผ่านประตูเพื่อหวังเตือนให้คนที่มาขัดจังหวะรับรู้ว่าเขาไม่พอใจ
ฉันรีบอาศัยเวลาในตอนนั้นหยิบแพนตีที่ถูกอีตามือไวฉวยโอกาส ถอดกองไว้บนพื้นขึ้นมาสวมโดยไม่ลืมที่จะลุกขึ้นแต่งตัวให้เรียบร้อย โดยใช้สายตาเหลือบมองร่างสูงที่ยืนพิงประตูเพื่อระวังภัย
บ้าจริง! เมื่อกี้มันอะไร? ทำไมฉันถึง...
ยิ่งคิดถึงเหตุการณ์ที่ฉันเกือบจะโดนอิพี่ภูผาเคลมเมื่อครู่แล้ว มันก็อดที่จะเอามือทุบหัวตัวเองเพื่อสั่งสอนไม่ได้ ให้ตายสิ! เมื่อกี้มันบ้าอะไรทำไมฉันถึงอ่อนปวกเปียกขนาดนั้น ไม่ได้แล้วนะอัญชัน ขืนเป็นแบบนี้มีหวังต้องแย่แน่...
"พี่ภูขา ~ ~"