PHUPHA TALK
ซารางเฮโยเหรอ? งี่เง่าสิ้นดี…
ผมก้มมองมือตัวเองที่เริ่มกำแน่นหลังจากแสดงท่าทางปัญญาอ่อนออกไปเมื่อครู่ และอดนึกขำในสิ่งที่ตัวเองทำไม่ได้
'ถือว่าล้างพิษไปก็แล้วกัน'
คำพูดของอัญชันทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ จะว่าอย่างไรดีละ ยอมรับว่าตัวเองเขินแต่ความรู้สึกลึกๆ มันกลับบอกว่าเธอยังไม่ใช่ ซึ่งผมไม่คิดที่จะหาคำตอบให้กับความคิดและความรู้สึกพวกนี้ เพราะคิดว่าสิ่งที่ผมยอมเธอมันมากเกินไปแล้ ว ผมอาจจะทำลงไปเพราะอยากพิสูจน์ให้เธอรู้แค่นั้นก็ได้ ว่าเราเคยนอนด้วยกันมาแล้ว ถึงยังไงซะมันก็ต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของเวลา
ผมเดินกลับมายังห้องพักและพยายามทำหัวให้โล่ง เพราะสิ่งที่ผมต้องเจอต่อไปนี้คือศัตรูตัวสำคัญศัตรูที่แม่งจะแย่งทุกอย่างไปจากผม
แกร๊ก..
"ไปส่งไวกว่าคิดคิดแฮะ"
คำทักทายแรกของไอ้กวินทันทีที่มันเห็นผมเปิดประตูเข้ามาภายในห้อง ทำให้ผมได้แต่มองตอบมันกลับไปด้วยสายตานิ่งๆ
"ถามจริง เด็กนั่นแค่รุ่นน้องหรือแฟน?"
"มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องรู้"
"เฮ้! ฉันเป็นพี่แกนะ ฉันควรจะต้องรู้ทุกเรื่องของน้องชายตัวเองสิ"
"กะอีแค่ลูกพี่ลูกน้อง อย่ามาเยอะไปหน่อยเลยว่ะ" ผมขัด "เป็นแค่ลูกหลานของลุงกฤษณ์ ไม่มีสิทธิ์อยากจะรู้หรือบ่งการชีวิตของกูหรอก"
"หึ" ไอ้กวินหัวเราะหึในลำคอ หรี่สายตาจ้องผมเหมือนรู้ทันก่อนจะเริ่มพูดต่อ "พูดจาขวานผ่าซากแบบนี้สิถึงจะสมเป็นแกหน่อยไอ้ภู"
“…”
"อึดอัดไหม? ที่เวลาต่อหน้าน้องอัญชันแกต้องทำเป็นพูดจาดีเวลาคุยกับฉัน?"
"พี่ภูขา~" เสียงของไรลาที่วิ่งทะเลอทะล่าออกจากห้องน้ำตรงมากอดหนึบแขนผม ขัดบทสนทนาของเราทั้งคู่ลง "พี่ภูพาไรลาไปทานไอศกรีมหน่อยสิคะ ไรลาอยากกินอยากกิน"
ผมเหลือบมองยัยตัวแสบที่เอาแต่ออดอ้อนขอนู้นขอนี่จากผมด้วยแววตานิ่งๆ และไม่คิดจะโต้ตอบอะไรเธอกลับไป
"ต้องขอบคุณแกนะ ที่เคยคั่วกับไรลาจนลุงของฉันได้รู้จักกับป้าของแกแล้วแต่งงานกัน" พี่กวินพูดขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มเยาะ ซึ่งผมได้แต่กำมือแน่นเพื่อกลั้นอารมณ์
ใช่! เพราะผมเคยตามป้อยัยนี่ ป้าผมถึงได้รู้จักกับแมงดาอย่างลุงกฤษณ์ยังไงล่ะ!
"พรุ่งนี้ฉันจะเริ่มเข้าไปดูงานที่บริษัทใหญ่แทนเด็กน้อยที่ละเลยหน้าที่..."
“…”
"สิ่งที่ฉันอยากจะบอกแกก็มีแค่นี้แหละไอ้ภู"
“…”
"อ้อ! ระวังไว้ล่ะ ละเลยหน้าที่มากๆ ระวังอำนาจในบริษัทจะตกอยู่ในมือของคนที่เก่งและฉลาดกว่าแกนะไอ้ภู" ไอ้กวินหัวเราะเบาๆ ให้กับคำพูดของตัวเอง ก่อนจะรีบเดินย่างเท้าออกห่างผมไปทั้งๆ อย่างนั้นโดยไม่ลืมที่จะเรียกไรลาน้องสาวตัวดีของมันกลับไปด้วย "ไรลาไปเถอะ วันนี้ภูมันคงไม่ว่าง เดี๋ยวพี่พาไปเลี้ยงไอศกรีมเอง..."
"แต่ไรลาอยากไปกับพี่ภูนี่คะ..." ไรลาพึมพำเสียงอ่อย ก่อนจะค่อยๆ ปล่อยกอดจากแขนผมออกช้าๆ แบบไม่เต็มใจนัก
"เรากลับกันก่อน เดี๋ยวต้องเข้าไปที่บ้านใหญ่ไปไหว้คุณน้าด้วย... ปล่อยไอ้ภูไว้ก่อน ท่าทางมันคงจะมีเรื่องให้ต้องคิดเยอะ"
ผมได้แต่กัดฟันกรอดกำมือแน่นจนสั่น โดยที่ไม่มีทางตอบโต้อะไรไอ้กวินกลับไปได้ จนกระทั่งมันพาน้องสาวของมันออกไปจากห้องผมในที่สุด
ผมพาตัวเองไปทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟากลางห้อง อารมณ์ของผมตอนนี้มันถึงที่สุดแล้วจริงๆ ไม่ใช่ว่าไม่รู้แต่ผมรู้มาตลอดว่าพ่อคิดจะยกบริษัทใหญ่สาขาสองให้กับไอ้กวิน เพราะมีลูกชายที่ไม่ได้เรื่อง
รู้ไหม? ผมไม่เคยคิดจะโกรธพ่อที่คิดจะยกหุ้นบริษัทให้คนอื่นดูแลแทนผม แต่มันต้องไม่ใช่กับพวกของคนในตระกูลแมงดาพวกนั้นสิ!
"โถ่เว้ยยยยยยยย!!"
ผมคำรามดังลั่นพลางยกเท้าถีบโต๊ะกระจกขนาดเล็กตรงหน้า จนล้มแตกกระจายเพื่อระบายอารมณ์แต่มันก็ยังไม่พอ...
ผมควรหยุดอารมณ์แบบนี้ของตัวเองยังไง!!
ปี๊บ! ปี๊บ!
เสียงสมาร์ทโฟนที่ดังขึ้นหยุดความคิดที่อยากจะพังข้าวของทุกอย่างลงโดยชะงัก ผมรีบหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นดูด้วยอารมณ์ที่ไม่คงที่นัก ก่อนจะกดรับสายทันทีที่รู้ว่าลำธารเป็นคนโทรเข้ามา
“โหล?”
[ว่าไงเพื่อน? วันนี้ทั้งมหา’ลัยฮือฮาว่ามึงย้อมผมกลับเป็นสีดำจริงเหรอวะ?] เสียงทะเล้นที่ดังมาจากปลายสายทำผมถอนหายใจออกมาเบาๆ เพราะนั่นไม่ใช่เสียงของลำธาร แต่กลับเป็นไอ้เวหา
“เออ”
[เป็นไรวะ? เสียงดูเซ็งๆ เมียไม่ให้เอาเหรอ?]
"ไม่ใช่วะ เรื่องอื่น"
[ตอนนี้พวกกูอยู่ที่ร้านไอ้ธาร มึงอยู่ไหน?]
"รอที่นั่นแหละ เดี๋ยวกูออกไปหา"
ผมไม่รอให้ปลายสายพูดอะไรโต้กลับมา รีบกดตัดสายแล้วลุกเดินไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่และออกจากห้องไปทันที
บางทีนะ...พวกมันอาจจะช่วยอะไรผมได้ โดยเฉพาะไอ้ลำธาร
Lumtarn's Mizzo Cafe
11.40 น.
"What's up Phupha!" ไอ้เวหาตะโกนเสียงดังพลางยกมือโบกไปมาทันทีที่มันเห็นผมผลักประตูเข้ามาในร้าน
วันนี้คนในร้านของลำธารดูบางตากว่าปกติ ส่วนตัวมันเองก็ไม่ได้นั่งอยู่ที่โต๊ะเดียวกับเวหาเสียด้วย
"ไอ้ธารไปไหน?" ผมเอ่ยปากถามเพื่อนรักขณะทิ้งตัวลงนั่งบนเบาะฝั่งตรงข้ามกับเวหา โดยไม่ลืมที่จะกวาดสายตามองหาเพื่อนรักอีกคนที่หายไป
"ไอ้ธารอยู่หลังร้าน เห็นมันว่าจะลองทำขนมสูตรใหม่" ไอ้เวตอบด้วยน้ำเสียงกลั้นขำก่อนจะเสริม "ผู้ชายทำขนม แม่งตุ๊ดว่ะมึงว่าไหม?"
"-_-"
ไอ้เวหาดูมีสีหน้าระรื่นกับคำพูดตัวเอง และถือวิสาสะลุกเดินไปที่ตู้โชว์เพื่อหยิบเค้กของที่ร้านมานั่งกินฟรีๆ โดยมีผมนั่งเท้าคางมันแบบเซ็งๆ อยู่ตรงหน้า
"เครียดๆ แบบนี้กินเค้กสักหน่อยไหมละ?"
"ผู้ชายแดกเค้กแม่งเหมือนตุ๊ด -_-"
"มึงว่ากูเหรอไอ้ภู!!!" ไอ้เวหยุดชะงักการกินเค้กลงแล้วเริ่มโวยวาย จนผมรู้สึกตลกกับท่าทางของมันไม่ได้ "กูไม่ใช่ตุ๊ด กูเนี่ยยิ่งกว่าพ่อเสือ อย่างน้อยกูก็ฟันหญิงมานับไม่ถ้วน ไม่เหมือนมึงหรอกไอ้เสือฝึกหัดดดดดด!!"
ผมอุดหูเพราะรู้สึกรำคาญกับเสียงโวยวายของเพื่อนรัก ซึ่งนั่นเป็นเวลาเดียวกันกับที่ลำธารเดินออกมาจากทางหลังร้าน ผมจึงหันเหความสนใจไปจากไอ้ขี้โวยวายตรงหน้าไปยังเพื่อนรักอีกคนแทน
"อ้าวภู...มาตั้งแต่เมื่อไหร่" ไอ้ธารในชุดผ้าคลุมกันเปื้อนสีขาวพร้อมด้วยถาดสีเงินในมือเอ่ยถามด้วยท่าทางสงสัย ขณะเดินตรงมาทางโต๊ะที่พวกผมกำลังนั่ง
"มาได้สักพักแล้ว อยู่ห้องแล้วเซ็งอะไรนิดหน่อย"
ไอ้ธารพยักหน้ารับคำเบาๆ ขณะทิ้งตัวลงนั่งแทรกระหว่างผมกับไอ้เว แต่สิ่งที่ผมสนใจในตอนนี้กลับไม่ใช่ลุคของมันใช่ชุดผ้ากันเปื้อนสีขาว แต่กลับเป็นคุกกี้รูปหน้าคนขนาดเล็กที่วางอยู่ในถาดสีเงินต่างหาก
"นี่อะไรวะ?" ไอ้เวชิงถามด้วยความอยากรู้ พร้อมเอื้อมมือฉวยคุกกี้ในถาดไปดูด้วยความสงสัย
"มันคือขนมชุดใหม่ของร้าน กูคิดว่าจะทำวันละ 20 ชุดสำหรับลูกค้าที่เข้ามาสั่ง คือจะทำคุกกี้เลียนแบบหน้าลูกค้าที่เป็นคนซื้อหรือสั่งให้ทำ...พวกมึงคิดว่าไอเดียกูเจ๋งไหมละ?"
ผมกวาดสายตามองคุกกี้ทุกตัวในถาดก่อนจะสะดุดอยู่ที่คุกกี้หน้าเด็กผู้หญิงท่าทางน่ารัก ช็อกโกแลตที่ถูกแต้มเป็นเรือนผมสีดำ ครีมสีแดงสดถูกแต้มเป็นแก้มสีอ่อนและริมฝีปากรูปยิ้ม ดวงตากลมโตทั้งสองข้างที่เกิดขึ้นจากครีมสีขาว... นี่มันหน้าน้องอัญชันชัดๆ
แต่แล้วความคิดของผมกลับต้องหยุดลง ในตอนที่ไอ้เวหามันพุ่งมือเข้าฉวยคุกกี้ที่ผมเล็งไว้ไปต่อหน้าต่อตา
"เฮ้ยย จะทำไรวะ???" ผมโวยวายพลางพุ่งมือขึ้นรั้งข้อมือขณะที่มันกำลังจะเอาคุกกี้เข้าปาก
มันเหล่หางตามองผมแบบงงๆ ก่อนจะพ่นคำถามออกมาแบบไม่เข้าใจ
"กูจะกิน มีไรไหม? เพื่อนอุตส่าห์ทำมาให้ชิม ไม่แดกแม่งจะเสียน้ำใจ"
"แต่กูเล็งอันนั้น!"
"มึงก็กินอันอื่นไปเซ่!" มันขัดและพยายามทำท่าจะโยนคุกกี้เข้าปากอยู่แบบนั้น
"กูจะกินอันนี้!!!!!"
"คิกก..." เสียงหัวเราะเบาๆของไอ้ธารทำเอาทั้งผมและไอ้เวหยุดการแย่งชิง เหลือบมองมันด้วยความสงสัย "มึงก็ให้คุกกี้ชิ้นนั้นไอ้ภูไปแล้วแดกอันอื่นเถอะเว"
"แต่กูอยากกินชิ้นนี้!" ไอ้เวเถียง
"มึงกินชิ้นนี้ดีกว่า ชิ้นนั้นไม่อร่อยหรอก" ไอ้ธารเสนอพลางยื่นคุกกี้อีกชิ้นส่งมาเป็นข้อต่อรองให้กับเวหา จนมันยอมอ่อนข้อยอมคืนคุกกี้ชิ้นที่ผมหมายตามาให้แบบว่าง่าย
ผมรีบรับคุกกี้ชิ้นสำคัญมาไว้กับตัว จัดแจงห่อด้วยกระดาทิชชูกันเปื้อนก่อนจะยัดใส่กระเป๋าเสื้อเชิ้ตที่สวมอยู่ทั้งๆ แบบนั้น
"เห็นไอ้เวบอกมึงมีเรื่องเซ็ง เรื่องที่ว่านั่นคือเรื่องอะไรวะ?" ไอ้ธารถามขึ้นหลังจากเหตุการณ์การแย่งคุกกี้สงบลง และดูเหมือนมันกำลังจ้องมองผมมาได้ครู่ใหญ่ๆ แล้วด้วย
"เรื่องหุ้นที่บริษัทไง...พ่อยังคิดจะยกหุ้นทั้งหมดให้ไอ้กวินดูแล"
"กวินนี่ใช่หลานของลุงแมงดามึงป่าววะ?" ไอ้เวขัดท่าทางสงสัย
"เออ มันนั่นแหละ มันกลับมาจากอังกฤษแล้ว มากับ..." เสียงผมเหมือนจะขาดหายจนไอ้ธารต้องเป็นฝ่ายพูดต่อประโยคจนจบ
ผมพยักหน้าตอบรับคำมันแบบส่งๆ ท่ามกลางสายตาอยากรู้อยากเห็นของไอ้เว ก่อนจะเป็นฝ่ายเริ่มพูดอีกครั้ง
"ถ้าคนของลุงกฤษณ์ได้ครองหุ้นของครอบครัวกูทั้งหมดแบบนี้ มีหวังครอบครัวกูต้องล้มละลาย"
"สรุปป้ากับพ่อมึงไม่ปักใจเชื่อเรื่องของลุงแมงดาสักเรื่องเลยเหรอ?"
"กูต้องรวบรวมหลักฐานว่ะ....ตอนนี้หลักฐานที่มีมันน้อยเกินไป กูไม่รู้ว่ากูควรจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดี พรุ่งนี้ไอ้กวินแม่งก็จะเข้าไปทำงานที่บริษัทแล้วด้วย"
"มึงก็เข้าบริษัทดิครับท่านประธาน..." เวหาเสนอน้ำเสียงทะเล้นโดยที่ปากยังคงเคี้ยวคุกกี้ในถาดไม่หยุด "ตราบใดที่หุ้นทั้งหมดยังไม่ถูกโอนเป็นชื่อของไอ้กวินอะไรนั่น มึงยังมีสิทธิ์เต็มที่กับบริษัทของพ่อมึงอยู่”
"อย่าปล่อยให้สายเกินไปจนแก้อะไรไม่ได้ เพราะถึงตอนนั้นต่อให้หลักฐานมึงจะมัดแน่นคนตระกูลลุงมึงมากแค่ไหน มึงก็ไม่สามารถทวงสิทธิ์อะไรของมึงคืนได้อีกแล้ว" ลำธารเสริมด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ผมนั่งก้มหน้าคิดตามกับสิ่งที่เพื่อนรักทั้งสองคนเสนอ อันที่จริงผมรู้ว่าตัวเองควรทำแบบที่มันสองคนเสนอมา แต่ติดอยู่ที่นิดเดียว...ที่ผมดันหล่อ รวย เก่ง แต่เสือกไม่ฉลาด -_- โดยเฉพาะปัญหายักษ์ใหญ่ในอดีตที่ผมไม่อยากให้เวียนมาถึงในตอนปัจจุบัน...
"มึงกำลังเครียดเรื่องไรลาใช่ไหม?"
ลำธารยิงคำถามออกมาอีกครั้งแบบสั้นๆ ซึ่งนั่นทำผมสะอึก รีบช้อนตามองมันด้วยความตกใจ
"สัญญาตกลงเมื่อไรลาอายุ 22 ปี จะจัดพิธีหมั้นระหว่างมึงกับยัยนั่น....เคยเป็นข่าวอยู่ด้วยช่วงนึงนี่"
"ตอนงานแต่งป้ากับลุงแมงดาของมึงใช่ไหม?" เวหาเสริม
"ติดตรงนี้เพราะตอนนี้มึงมีอัญชันหรือเปล่า?"
"ไม่เกี่ยวว่ะ..." ผมตอบเสียงเรียบ
"มึงกับอัญชันไปถึงขั้นไหนกันแล้ว?"
"กูกับเขาไม่ได้มีอะไรคืบหน้า เขาปฏิเสธ ขัดขืนกูทุกทาง..."
"แต่มึงก็ยอมเขานี่?" ลำธารขัด
"เออมันก็ใช่ เขาคือคนแรกที่กูหยุดใช้อารมณ์รุนแรงและพูดจาดีด้วย แต่ก็รู้สึกว่ามันยังไม่ใช่ว่ะ…” ผมกวาดสายตามองหน้าเวหาสลับกับลำธารไปมาครู่สั้นๆ ก่อนจะเริ่มพูดต่อ "กูรู้สึกว่ามันไร้สาระ และวันนี้กูเผลอทำใส่เขาไปแล้วด้วย"
"แล้วกับไรลาล่ะ? มึงรู้สึกยังไง?"
"ผู้หญิงแม่งก็เหมือนๆ กันหรือเปล่าวะ? ไม่ว่ากับผู้หญิงคนไหน กูก็รู้สึกว่ามันเหมือนกันไปหมด"
ลำธารนิ่งเงียบไปเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ
"แล้วมึงจะให้พวกกูช่วยตามหาเขาทำไม ถ้าความรู้สึกมึงที่มีต่อเขามันมีแค่นั้น?"
"แค่อยากรู้ไง...." เวหาพูดแทรกบรรยากาศอันโคตรอึดอัดพร้อมจับจ้องสายตามองผมคล้ายกับรู้ทัน "ถ้ามึงเอากับผู้หญิงสักคน แต่มึงจำไม่ได้ว่าเขาเป็นใคร มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่มึงอยากจะตามหาตัวให้เจอ เพื่อดูหน้าว่าคนที่มึงเอาด้วยหน้าตาเป็นยังไง...กูเป็นบ่อย"
"ก็...ก็คงงั้นล่ะมั้ง" ผมเออออกับสิ่งที่เวหาพูด พยายามเบนสายตาจากหน้าของลำธารที่ดูเหมือนจะเอาแต่จ้องจับผิด
"ถ้าคืนนั้นคนที่มีอะไรกับมึงไม่ใช่น้องอัญชันแต่เป็นคนอื่นล่ะ มึงคิดจะตามหาแบบนี้หรือเปล่า"