เขาเล่าเรื่องของตัวเองให้เธอฟัง เล่าความฝันเรื่องอยากจะเปิดร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ร่วมกับร้านกาแฟเล็กๆเป็นของตัวเอง เจนนี่ก็มีความฝันอยากมีกิจการเป็นของตัวเอง ด้วยสภาพร่างกายของเธอทำให้ไม่อาจทำตามความฝันได้ นั่นเป็นจุดเริ่มต้นให้คนสองคนอยากมีฝันร่วมกัน เจนนี่มีทุน ลายเมฆมีไอเดีย สาวน้อยเสนอเป็นผู้ออกทุนทั้งหมดให้ เธอจะโอนเงินเข้าบัญชีให้เขาจัดการดำเนินการก่อสร้างร้านเพียงแค่เขาเอ่ยปาก ความซื่อใสและความจริงใจของเจนนี่ทำให้ลายเมฆรู้สึกว่าการคบหาครั้งนี้ อาจทำให้สาวน้อยคาดหวังถึงความสัมพันธ์ในอนาคตร่วมกับเขามากจนเกินไป เขาเริ่มอึดอัดใจเมื่อรู้สึกผิดที่ทำให้เด็กผู้หญิงคนหนึ่งหลงไหลในภาพลักษณ์ที่สร้างขึ้น ทั้งๆ ที่เขาไม่ใช่คนดีเด่อะไรนักหนา ลายเมฆเอาเรื่องนี้มาคุยกับน้องสาวเพื่อหาทางยุติความสัมพันธ์ก่อนที่เจนนี่จะผูกพันกับเขามากกว่านี้ ม่านไหมบอกให้พี่ชายถอยห่างจากเจนนี่เสีย เลิกคุยเลิกแชตด้วยสักพักเจนนี่คงจะเลิกตอแยเอง ลายเมฆทำตามคำแนะนำของน้องสาว แต่เจนนี่ก็ยังโทรมามาหาเขา ส่งข้อความมาทักทายเหมือนไม่รับรู้อะไร
‘ไหมว่าเฮียส่งข้อความบอกเลิกไปเถอะ เด็กจะได้ตัดใจถ้ายังคุยกันอยู่แบบนี้ น้องเขาก็มีความหวังกับเฮียไปเรื่อยๆ’
ลายเมฆไม่กล้าทำตามคำแนะนำของม่านไหม เขาสงสารและกลัวว่าเจนนี่จะเสียความรู้สึก เด็กสาวเป็นโรคหัวใจหากได้รับความกระทบกระเทือนใจอาจเป็นผลร้ายต่อร่างกาย เขาจึงรีรอไม่ทำตามจนถึงบัดนี้ ได้แต่ตัดขาดการติดต่อกับเธอทุกทางหวังให้เธอตัดใจได้ในสักวันหนึ่ง
“คืนนี้เราจะนอนที่ไหนล่ะเฮีย ไหมต้องทำงานนะ พรุ่งนี้เช้าต้องไปดูแลคนป่วยรายใหม่” เสียงของม่านไหมทำให้พี่ชายหลุดจากภวังค์ความคิด
ลายเมฆเคาะนิ้วไปมาบนเบาะรถ คิ้วดกหนาได้รูปขมวดชนกัน
“ไปขอพักที่บ้านยัยโอ่งมังกรเพื่อนแกก่อนดีไหม”
“เขาชื่อโอโม่ ไม่ใช่โอ่งมังกร” ม่านไหมหัวเราะคิก ขำชื่อที่พี่ชายตั้งให้เพื่อนชายใจหญิงของเธอ
โอโม่ หรือ โอฬาร กะเทยร่างยักษ์เพื่อนของม่านไหมเป็นเจ้าของบริษัททำความสะอาด เจ้าหล่อนมีบ้านหลังใหญ่และห้องชุดในคอนโดมิเนียมให้คนเช่า สองพี่น้องต้องแบกหน้าไปขอความช่วยเหลือจากโอโม่อยู่หลายครั้ง จนเจ้าตัวค่อนขอดว่า หากจะมาขอให้ช่วยอีกจะยกตัวเองให้เป็นพี่สะใภ้ของม่านไหม ลายเมฆเลยไม่กล้าไปขอความช่วยเหลืออีก
“เฮียจะยอมเป็นผัวนังโอโม่แล้วเหรอ ถึงได้ไปขออาศัยมันอีก” ม่านไหมเอ่ยแซวพี่ชาย
ลายเมฆเบ้ปาก ทำหน้าสะอิดสะเอียน
“อย่าพูดสิวะ ฉันจะอ้วก แค่ยอมให้มันนัวเนีย แลกข้าวแลกที่พัก ฉันต้องกลั้นใจแทบตาย ขืนรับเป็นผัวมัน มีหวังกินข้าวไม่ลงว่ะ” ขนแขนลุกชัน เมื่อนึกถึงสภาพน่าอนาถนั้น
“ทำเป็นรังเกียจตุ๊ด ระวังเหอะ สวรรค์จะแกล้งให้เฮียกลายเป็นตุ๊ดสักวัน”
“ถ้าฉันจะเป็นตุ๊ด ก็เป็นตุ๊ดคุณภาพเว้ย” ลายเมฆประชดน้องสาวช่างแหย่ รู้ว่าเขาเกลียดตุ๊ดเกลียดกะเทย ยังมีหน้ามาล้อเลียนอีก ม่านไหมหัวเราะคิกคักอารมณ์ดีขึ้น
“ไหมว่าเราหาที่นอนก่อนดีไหม เมื่อกี้ไหมเห็นโรงแรมม่านรูดแถวนี้ที่หนึ่ง ราคาไม่แพง ไปเปิดห้องนอนสักคืนแก้ขัดไปก่อน”
ยามอับจนสองพี่น้องก็อาศัยโรงแรมม่านรูดเป็นที่พักชั่วคราว แม้ในสายตาผู้คนสถานที่แห่งนั้นเป็นที่อโคจรสำหรับคนดีๆ แต่ม่านไหมกลับไม่คิดเช่นนั้น เธอกลับมองว่าเป็นที่พักแสนปลอดภัย แอร์เย็น เตียงนุ่ม บางห้องมีเตียงน้ำให้นอนเล่น แม้จะหนวกหูกับเสียงเซอร์ราวด์รอบทิศทางบ้าง แต่ก็แค่ใช้ที่ปิดหูปิดเอาก็ไม่ได้ยินแล้ว ปลอดภัยและนอนสบาย ที่สำคัญพวกเจ้าหนี้คงไม่คิดว่าเธอกับพี่ชายจะพากันหลบภัยมาอยู่ที่นี่แน่
“นี่ถ้ามีผู้ชายพาแกเข้าม่านรูด ฉันว่ามันคงไม่ชำนาญพื้นที่เท่าแกหรอก” ลายเมฆหัวเราะขำน้องสาว
ม่านไหมมองโรงแรมม่านรูดไม่ต่างจากบ้านพัก น้องสาวของเขาไร้ความเขินอายเมื่อต้องเข้าไปในที่แห่งนั้น หากจะมีใครมองน้องเขาเป็นผู้หญิงไม่ดี ชายหนุ่มก็ไม่โทษใครนอกจากโทษตัวเอง ที่ทำให้น้องต้องมาตกระกำลำบากไปด้วย
สองพี่น้องพากันขึ้นรถเตรียมเคลื่อนที่อีกครั้ง แต่ทันใดนั้นเอง ก็มีรถเก๋งสีดำคันหนึ่งแล่นมาจอดข้างๆ ชายฉกรรจ์สี่คนเปิดประตูออกมาพร้อมอาวุธปืน ลายเมฆไม่ปล่อยให้ตัวเองตกตะลึงนาน เขารีบคว้าแขนน้องสาวให้ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ รีบสตาร์ตรถเร่งเครื่องบึ่งหนีออกมาทันที จากที่คิดจะหลบภัยในโรงแรมม่านรูด ลายเมฆเปลี่ยนเป้าหมายขี่รถมุ่งตรงมายังบ้านของโอโม่ รถคันนั้นยังตามติดเป็นเงา ชายหนุ่มอาศัยความคล่องตัวของรถคันเล็กขี่ซิกแซก หลบเข้าซอยต่างๆจนหลุดรอดจากการติดตาม เขาจอดรถที่หน้าบ้านของโอโม่
“คืนนี้แกนอนที่บ้านยัยโอ่งมังกรนะ”
“แล้วเฮียล่ะ” ม่านไหมก้าวลงจนรถ มองหน้าพี่ชายอย่างห่วงใย ลายเมฆยิ้มให้น้องสาว ตบบ่าเล็กๆนั้นแรงๆ
“ฉันจะไปหาที่นอนบ้านเพื่อน ไม่ต้องเป็นห่วงน่า พรุ่งนี้ฉันจะมารับแกไปส่งที่ทำงาน” ลายเมฆบอกให้น้องสาวคลายใจ ก่อนจะบิดคันเร่งขี่รถออกไป
ม่านไหมมองตามท้ายรถของพี่ชายด้วยสายตาห่วงใย แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะหันไปกดกริ่งเรียกเจ้าของบ้านให้มาเปิดประตูรับ ร่างอ้วนพีของโอโม่เดินท่อมๆ ออกมาเปิดประตูให้
“ทำไมไม่โทรมาก่อนยะ นังไหม แล้วเฮียเมฆมาด้วยหรือเปล่า” โอโม่ชะโงกหน้ามองไปรอบๆกาย หวังเจอหน้าพ่อเทพบุตรสุดหล่อ แต่ต้องผิดหวังเมื่อเพื่อนสาวส่ายหน้าดุกดิก
“เฮียแค่มาส่งเฉยๆ อุ๊ย! ตายแล้ว ฉันลืมเอากระเป๋าลงจากรถเฮีย” ม่านไหมอุทานลั่น เมื่อนึกได้ว่าเธอคล้องกระเป๋าเป้ไว้ที่แฮนด์รถมอเตอร์ไซค์ของพี่ชาย “คืนนี้ ฉันขอยืมชุดนอนแกก่อนได้ไหม นังโอโม่”
“เออ... จะยืมอะไรก็ยืม รีบเข้ามาไวไว ละครกำลังสนุก คืนนี้มีฉากที่พี่ณเดชน์ของฉันจะถอดเสื้อโชว์กล้ามด้วย”
หนุ่มใจสาวลากแขนเพื่อนตัวน้อยให้เข้ามา แล้วปิดประตูรั้วอย่างว่องไว ก่อนจะเดินบิดสะโพกใหญ่โตของตัวเองเดินนำเข้าไปในบ้าน
ม่านไหมหยิบกระดาษใบหนึ่งออกมาดูที่อยู่ผู้ว่าจ้าง ก่อนจะโบกรถแท็กซี่เพื่อเดินทางไปยังสถานที่แห่งนั้น เธอรับงานมาจากนันทินี เพื่อนสาวซึ่งเปิดสถานพยาบาลและส่งคนไปดูแลผู้ป่วยที่บ้าน งานในหน้าที่พยาบาลพิเศษดูแลผู้ป่วยตามบ้านสร้างรายได้ดีพอสมควร เมื่อเทียบกับการเป็นพยาบาลตามโรงพยาบาลทั่วไป ม่านไหมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา แปดโมงเช้าแล้วลายเมฆยังไม่โผล่หน้ามาให้เห็น พี่ชายเธอไม่เคยเหลวไหล หญิงสาวกดโทรศัพท์มือถือหาพี่ชายซ้ำอีกรอบ สัญญาณตอบรับถูกปิด ปกติลายเมฆไม่เคยปิดเครื่องเพราะเบอร์นี้เป็นเบอร์ที่เขาใช้ติดต่อน้องสาว ม่านไหมรู้สึกสังหรณ์ใจเกรงพี่ชายจะถูกเจ้าหนี้เอาตัวไป แต่ด้วยหน้าที่บังคับทำให้เธอต้องรีบไปบ้านของนายจ้าง เพื่อดำเนินการพูดคุยเรื่องสัญญาว่าจ้าง หากนายจ้างยอมรับเธอเข้าทำงานจะได้อาศัยอยู่ที่บ้านของนายจ้างหมดปัญหาเรื่องที่พัก และจะได้ขอเบิกเงินค่าจ้างล่วงหน้าให้พี่ชายเป็นทุนในการหลบหนีจนกว่าลายเมฆจะหาเงินมาใช้หนี้เจ้าหนี้ได้
รถแล่นมาจอดที่บ้านหลังใหญ่หลังหนึ่ง ม่านไหมจ่ายค่ารถแล้วรีบเดินไปที่ป้อมยามหน้าบ้าน แจ้งความประสงค์ขอเข้าพบเจ้าของบ้าน ไม่กี่นาทีต่อมาก็ได้รับอนุญาตให้เข้าไปข้างใน
บ้านหลังนี้ จะเรียกให้ถูกคือคฤหาสน์หลังนี้ เนื้อที่ไม่ต่ำกว่าห้าไร่ ใหญ่โตและกว้างขวางทีเดียว ม่านไหมถูกพามาถึงหน้าประตูบ้านด้วยรถกอล์ฟ นายจ้างของเธอคงกลัวว่าหากเดินไปอาจใช้เวลานานจึงอำนวยความสะดวกให้ หญิงสาวมองสำรวจไปรอบๆ คฤหาสน์หลังงามอย่างตื่นตาตื่นใจ หวังอยู่ในใจลึกๆว่าหากเธอได้ทำงานที่นี่ค่าจ้างคงไม่น้อย
“คุณท่านเรียนเชิญที่ห้องทำงานค่ะ”