บทที่ 6 ซื้อของเข้าบ้าน

3492 Words
บ่ายโมงตรงพวกเราก็มาถึงซุปเปอร์มาเก็ตแล้ว จิวโทรไปถามคลินิกก็พบว่าอีกนานกว่าจะเสร็จเพราะมีน้องหมาน้องแมวต่อคิวอยู่ก่อนหลายตัว ร่างบางเดินตามพี่ภาสที่กำลังไปเอารถเข็นคันใหญ่อยู่ ซื้อของวันนี้คงตุนไว้ได้เป็นเดือน “พวกปลาแวะซื้อร้านป้าจ่อยก็ได้” “ครับ ซื้อผลไม้ไปฝากป้าจ่อยด้วยไหม” “ครับ” คนพี่พยักหน้าเดินเข็นรถเข็นตามน้องไป ของมากมายไม่รู้จะเลือกอะไรก่อน เขาเลือกไม่เป็น แต่จิวกลับเลือกเป็น เดินไปเข้าไปมุมนั้นทีมุมนี้ที ทุกครั้งเป็นแม่ที่เลือกเอง เขามีหน้าที่เข็นรถเข็นและจ่ายเงินเท่านั้น ตอนนี้ก็เป็นจิวที่หยิบนั่นจับนี่ เขาไม่รู้ว่าน้องกำลังอ่านอะไรอยู่ เหมือนจะเปรียบเทียบกันแต่ละยี่ห้อ ของที่จิวกำลังดูอยู่ตอนนี้คือเนยถั่วเอาไว้ทำขนมปังให้พี่ภาสกิน เลือกอยู่นานก็ได้มาหนึ่งกระปุกใหญ่ จิวเอาผ้าคลุมโต๊ะเก้าอี้ด้วยหนึ่งชุดเอาไว้คลุมโต๊ะด้านนอก กล่องข้าวเผื่อห่อข้าวให้พี่ภาส กระบอกน้ำเก็บความเย็นด้วย “ซื้อที่นอนให้หมาตัวนั้นด้วยไหม ที่ร้านมีไม่เยอะพี่เลยไม่ได้เอา” “ครับ งั้นไปโซนสัตว์เลี้ยงก่อนค่อยไปโซนอาหารก็แล้วกัน” จิวเดินคนพี่ไปที่โซนสัตว์เลี้ยง อาหารสัตว์เรียงรายหลายสิบยี่ห้อ ขนม นม ทราย ทว่าพวกเราซื้อจากที่คลินิกแล้วเหลือเพียงที่นอน ไม่รู้ว่าเจ้าเด็กคนนั้นอยากนอนแบบไหน “ไม่ใช่ว่ามันชอบนอนเตียงคนเหรอ” “อาจจะอยากมีเตียงส่วนตัวก็ได้ครับ” จิวหาข้ออ้างให้น้องหมาจนได้ เราสองคนเลือกกันอยู่นานพี่ภาสก็ชี้ไปที่ก้อนผ้าอันใหญ่ตรงนั้น เป็นก้อนผ้าเหมือนที่นั่งคนมีหลุมตรงกลาง หมาน่าจะชอบ “จริง ๆ ซื้อเยอะ ๆ เลยก็ได้” “หมาตัวเดียวนอนเตียงเดียวก็พอแล้วครับ พี่อย่าสปอยล์ไอ้ตัวเล็กสิ” ภาสกรเหมือนกำลังถูกดุที่ตามใจหมา หากเป็นเด็กคงเหมือนจิวกำลังบ่นที่เขาตามใจลูกเกินไป ร่างสูงหัวเราะเบา ๆ ยกห่อที่นอนใส่ในรถเข็น ตอนนี้ยังเป็นก้อนเล็กอยู่ แต่ตอนแกะคงจะฟูขึ้น จิวว่าอย่างนั้นนะ เสร็จจากตรงนี้พวกเราก็เดินดูของอย่างอื่นต่อ ได้ขนมเอาไว้ให้หมากินเล่นอีกสอบห่อถึงค่อยไปโซนของสด กว่าจะไปถึงของก็เกือบครึ่งรถเข็นแล้ว “เดี๋ยวพี่โทรบอกคนขับรถที่บ้านมาขนของที่ท้ายรถกลับบ้านไปก่อน” “ครับ” จิวก็ไม่คิดว่าออกบ้านครั้งเดียวจะซื้อของมากมายขนาดนี้ เหมือนขึ้นบ้านใหม่ก็มิปาน ร่างบางเปิดตู้นั้นตู้นี้ต่อ พี่ภาสออกกำลังกายรักษาหุ่นดังนั้นเจ้าตัวก็จะมีอาหารที่กินเป็นประจำเช่นสลัด ไข่ อะไรพวกนี้ ตอนนี้คนสองคนจึงค้นตู้นั้นตู้นี้จนรถเข็นใกล้เต็มแล้ว “เท่านี้ตู้เย็นที่บ้านก็คงเต็มแล้วนะครับ” จิวเอ่ยเตือน นี่ขนาดยังไม่ได้ซื้อเนื้อสัตว์เลยนะ ร่างสูงหันมองของมากมายก่อนจะหันไปมองเครื่องใช้ไฟฟ้าอีกฝั่ง “งั้นซื้อใหม่ดีไหม เคยเห็นที่บ้านเพื่อนแบบสี่ประตู น่าจะใส่ของได้เยอะ” นอกจากไม่หยุดซื้อแล้วยังจะซื้อตู้เย็นใหม่ จิวหมดคำจะพูดแต่ก็ไม่ว่าอะไร ซื้อใหม่ก็ใส่ของได้เยอะจะได้ไม่ต้องซื้อของบ่อย ๆ ภาสกรคิดไปถึงตู้เย็นที่เคยเห็นที่ห้องเพื่อน ตอนอยู่บ้านใหญ่ตู้เย็นเก็บน้ำเป็นตู้เย็นสองประตูปกติ จะมีตู้เย็นใหญ่ที่ห้องครัวซึ่งเขาไม่เคยเข้าไป จึงเคยเห็นที่คอนโดเพื่อนเวลาไปสังสรรค์กัน น่าจะใส่ของได้เยอะ ทั้งยังทำน้ำแข็งได้ด้วย “ตามใจพี่ครับ” “ตอนเลือกพี่ให้จิวเลือกนะ” “อื้อ” พวกเราเดินมาที่โซนเครื่องใช้ไฟฟ้ามากมายตรงหน้า ภาสกรย้ำอีกรอบว่าอยากได้อะไรก็เอาเลย เผื่ออยากทำขนมหรือซื้อเครื่องอบ “งั้นจิวซื้อเครื่องคั้นน้ำผลไม้กับเตาอบด้วยนะครับ” “ครับ ให้เขาไปส่งพร้อมตู้เย็นเลย อยู่ฝั่งนั้น” เดินมาถึงก็มีพนักงานรอให้ความช่วยเหลืออยู่ ร่างสูงมองดูตู้เย็นมากมายแล้วตาลาย ให้จิวเลือกคนน้องก็ไม่เคยซื้อเหมือนกัน พนักงานจึงถามความต้องการเพื่อหาสินค้าให้ “เอาแบบที่ใส่ของพวกนี้ได้สองรถรวมกัน” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกไปอย่างไม่คิดอะไรเพราะเขาเลือกไม่เป็น ทว่าจิวและพนักงานกลับหัวเราะเบา ๆ อย่างขบขัน น่าตลกดีออกที่พวกเราสองคนซื้อของจนใส่ตู้เย็นไม่พอจึงซื้อตู้เย็นใหม่ไปด้วย พนักงานสาวพาเดินดูหลายแบบ ส่วนมากราคาสองหมื่นขึ้นทั้งนั้นเลยจนถึงตู้เย็นสีดำที่ใหญ่ที่สุดอยู่อีกฝั่ง เธอยกมือขึ้นเคาะสองทีบนหน้าจอก็สว่างเห็นเข้าไปด้านใน จากนั้นก็ผายมือมาที่หน้าจออีกฝั่ง “ตู้เย็นยี่ห้อนี้สามารถเปิดเพลงได้ด้วยนะคะ เล่นอินเทอร์เน็ตได้ เคาะสองครั้งก็เห็นของด้านในด้วยค่ะ” “เราจะเปิดเพลงที่ตู้เย็นไปทำไมนะ” ร่างบางฟังจบก็เอ่ยพึมพำเบา ๆ ทว่านั่นกลับทำให้ภาสกรนึกขึ้นได้พอดี “ให้จิวร้องเพลงไง ชอบเปิดเพลงฟังตอนทำอาหาร เอาตู้นี้เลยครับ” จิวอ้าปากค้าง สุดท้ายก็ได้ตู้เย็นราคาแพงที่นอกจากทำน้ำแข็งได้แล้วยังมีหน้าจอเปิดเพลงได้อีกด้วยมาหนึ่งตู้ คนที่ดีใจกว่าจิวคงเป็นพนักงานสาวที่ขายสินค้าราคาแพงได้เพราะคุณลูกค้าซื้อไปให้แฟนฟังเพลงตอนทำอาหาร เป็นคู่รักที่น่ารักและตามใจแฟนมากจริง ๆ ตกลงกันได้คนที่บ้านใหญ่ก็มาถึงพอดี พี่ภาสจึงให้คุณลุงเอาตู้เย็นไปจ่ายเงินและกลับก่อน พร้อมของในรถเข็นส่วนหนึ่ง ยังดีที่คุณลุงอยู่แถวนี้จึงนำรถกระบะของตัวเองมา ไม่งั้นคงขนของกลับไม่หมดแน่ ๆ ภาสกรมองรถเข็นว่างเปล่าด้วยใบหน้าภาคภูมิใจในการใช้คนของเขา ก่อนหันไปสะกิดคนน้องที่ยืนนิ่งอยู่ข้าง ๆ “ซื้อของต่อกันครับ” “จิวไม่คิดว่าเราจะซื้อของเยอะขนาดนี้” “ฮ่าฮ่าฮ่า อีกหน่อยตะวันก็ปิดเทอมแล้ว เด็กนั่นกินเก่งมากกว่าพี่อีก ที่ซื้อไปคงพอดีพวกเราสามคน” “งั้นเดี๋ยววันไหนว่างจิวทำมื้อเที่ยงให้พี่ด้วย” ความหมายคือ ถ้ากินไม่หมดพี่ต้องห่อไปกินที่ทำงานด้วยเพราะเป็นคนพาจิวซื้อ “รับทราบครับ” ร่างสูงตอบรับอย่างว่าง่าย ว่าแล้วก็พาน้องไปเหมาของต่อ อาหารทะเลจิวก็เอาไปเยอะพอสมควร ของพวกนี้แช่แข็งได้หลายเดือน ซื้อไปก็เก็บไว้กินได้นาน ๆ เนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อสำหรับทำสเต๊ก ปลาแซลม่อน ส่วนของจำพวกผักนั้นเอาไปไม่เยอะ ซื้อสด ๆ ที่ตลาดจะดีกว่า เสร็จจากเนื้อสัตว์ก็ไปที่ผลไม้และขนมต่อ ในที่สุดก็คิดเงินเสร็จในเวลาบ่ายสามโมงครึ่ง จิวมองดูรายการยาวเหยียดยังไม่รวมกับที่ฝากคุณลุงจ่ายเงินนำกลับบ้านก่อน ไม่ใช่ว่ารวมแล้วหมดเกือบแสนหรอกนะ ส่วนเจ้าของเงินกลับมีสีหน้าเบิกบานเหมือนการได้เดินซื้อของจะทำให้พี่ภาสผ่อนคลายขึ้น เงินที่เสียไปไม่ได้สะทกสะท้านเลย ช่วยกันขนของขึ้นรถเสร็จจิวก็วิ่งไปซื้อน้ำปั่นด้านหน้า กลับเข้ามาก็ยื่นให้คนพี่กินด้วย “ป่านนี้เด็กนั่นคงร้องไห้แล้วมั้งที่เราทิ้งไว้คลินิก” “ว่าแต่เราจะตั้งชื่อมันว่าอะไรดีครับ” จิวเอ่ยถามขณะคนพี่กำลังเคลื่อนรถออกสู่ถนนหลัก “เอาที่เป็นจอจานดีไหม เหมือนชื่อจิว” “ทำไมไม่เอาเหมือนพี่ภาส โตขึ้นน่าจะหล่อเหมือนพี่ภาส” จิวพูดเสร็จก็ดูดน้ำปั่นตัวเองต่อ ไม่นานก็ตาโตเมื่อรู้ตัวแล้วว่าตัวเองพูดอะไรออกไป ร่างบางหันมองพี่ภาสที่ยิ้มอยู่ด้วยใบหน้าเห่อร้อน “ขอบคุณที่ชมครับ” คำขอบคุณเหมือนคำซ้ำเติมมากกว่า คนน้องมุ่ยหน้ารีบเบือนหน้าหนีเขา ภาสกรไม่คิดว่าน้องจะชมกันโต้ง ๆ แบบนี้ก็หัวเราะชอบใจ กลายเป็นว่าเรื่องชื่อถูกหยุดเอาไว้เพราะจิวเผลอชมเขาว่าหล่อ ตอนนี้เจ้าตัวนั่งหน้าแดงหูแดงไปจนถึงคลินิกก็ไม่เปิดปากพูดกับเขาสักคำ ทว่ากลับทำให้อารมณ์ดีไม่ได้รู้สึกอึดอัด จิวรีบลงจากรถเดินนำพี่ภาสเข้าไปก่อนเพราะอาย ไม่อยากมองหน้า เข้าไปก็เห็นเจ้าเด็กน้อยนั่งรออยู่ในกรงใหญ่ พอเห็นพวกเราก็จำได้ ส่ายหางไปมาน่ารักเชียว “โฮ่ง โฮ่ง” “เมื่อกี๊นั่งหงอยน่าสงสารมากเลยค่ะ” พี่พยาบาลเอ่ยบอกพลางเปิดกรงให้น้องเป็นอิสระ ทันทีที่ประตูเปิดเจ้าเด็กน้อยก็วิ่งไปหาจิวก่อนคนแรก กระโดดเลียหน้าเลียมือใหญ่เลยก่อนจะวิ่งไปหาพี่ภาสบ้าง “ขนฟูอ้วนกว่าเดิมอีก” “พี่จิวมาแล้วครับตัวเล็ก” จิวอุ้มมันขึ้นมาฟัดอย่างชอบใจ อาบน้ำจนตัวหอมกอดสบายกว่าเดิมอีก ภาสกรจึงหันไปหาพี่พยาบาลแทน “ฉีดยาแล้วเหรอครับ” “ฉีดวัคซีนแล้วค่ะคุณลูกค้า เชิญด้านนี้เลยค่ะ คุณหมอจะอธิบายวิตามินและอาหารเสริมแต่ละอย่างให้ทราบค่ะ” เธอผายมือไปยังด้านหน้าเคาร์เตอร์ที่คุณหมอกำลังจัดแจงของให้ ภาสกรปล่อยให้จิวเล่นกับหมาเดินไปฟังแทน วันนี้จึงได้รู้ว่าอาหารไม่ใช่แค่อาหารเม็ด ต้องผสมอะไรอีกมากมายนับสิบอย่างเพื่อให้หมาสุขภาพดี คุณหมอยังให้หนังสือเล่มเล็กมา เป็นหนังสือการทำอาหารให้น้องหมา มีเมนูเนื้อด้วย เปิดโลกเขาพอสมควร เข้าใจแล้วว่าทำไมเพื่อนเขาถึงต้องจ้างคนเลี้ยงหมาโดยเฉพาะ เสร็จจากนี้เขาก็จ่ายเงินเพิ่มเติม หิ้วข้าวของรอจิววิ่งไปอุ้มเจ้าตัวเล็กเพื่อออกจากคลินิก ถึงเวลากลับบ้านได้แล้ว “บ๊อกบ๊อก” “กลับบ้านกัน” จิวอุ้มหมาน้อยยัดเข้าไปในรถโดยมีพี่ภาสเปิดประตูให้เช่นเดิม จากนั้นพวกเราก็ตามเข้าไปหยิบลูกบอลหนึ่งอันยื่นให้น้องคาบไปเล่นระหว่างนี้ “ต้นไม้วันหน้าค่อยซื้อก็ได้” “ครับ จิวปวดขาแล้วเหมือนกัน” จิวเอ่ยอย่างไม่ปิดบัง เขาไม่ค่อยออกกำลังกายเหมือนพี่ภาส พอเดินทั้งวันก็เริ่มปวดขาแล้ว สรุปได้ว่าซื้อต้นไม้เลื่อนไปวันหน้า ตอนนี้ได้หมากลับบ้านไปแทน “บ๊อก บ๊อก” “ใจเย็นสิวัยรุ่น” สัตว์ขนฟูตัวน้อยดีดดิ้นอยู่ในอ้อมแขนเล็กด้วยความตื่นเต้นเมื่อถึงบ้านใหม่ของตัวเองแล้ว จิวอุ้มมันเอาไว้แล้วหยิบกระเป๋ามาสะพายหลัง ส่วนคนพี่กำลังขนของออกจากรถให้เขาลงไปก่อน “จิวปล่อยมันลงแล้วนะพี่ภาส” “ครับ” ภาสกรถือของตามมาขานรับด้วยรอยยิ้ม มองสุนัขตัวเล็กลงจากแขนจิววิ่งดมนั่นดมนี่ไปทั่วอย่างนึกเอ็นดู หางสั่นไปมาไม่นานก็วิ่งกลับมาหาจิว แล้วก็วิ่งไปใหม่ เจ้าก้อนสีขาวดูจะถูกใจบ้านหลังใหม่ของมันมาก สำรวจไปทั่วเลย ไม่นานก็วิ่งไปพันแข้งพันขาภาสกรที่หอบหิ้วข้าวของอยู่จนจิวต้องวิ่งมาอุ้ม แต่ไม่รู้อุ้มกันอย่างไรถึงล้มคะมำไปทั้งหมาทั้งคนอย่างนั้น “ฮ่าฮ่าฮ่า บอกแล้วว่าจิวสู้แรงหมาไม่ได้หรอก” “อย่าเลียหน้าจิวนะ พี่ภาสช่วยด้วย จิวถูกจู่โจม ฮ่าฮ่าฮ่า จั๊กจี้” สุดท้ายภาสกรก็ทนเสียงเรียกร้องไม่ไหว ให้แม่บ้านและคุณลุงที่กำลังจัดของใส่ตู้เย็นใหม่อยู่มาช่วยยกของในรถให้ ส่วนเขาตรงไปช่วยจิวที่กำลังถูกเจ้าหมาน้อยกระหน่ำหอมแก้มอยู่ อีกฝั่งของสวนดอกไม้เป็นพื้นหญ้าที่เขาสั่งปลูกเอาไว้นั่งเล่นครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งเป็นบ้านไม้หลังเล็ก ๆ เหมือนบ้านหมา เอาไว้เก็บอุปกรณ์ปลูกผักของแม่ พวกจอบเสียมอันเล็ก บัวรถน้ำ ปุ๋ย ดินปลูก และตอนนี้สองพี่น้องก็กำลังฟัดกันอยู่บนหญ้าข้าง ๆ บ้านไม้เก็บของ “จิวระวังหัวชน” เสียงทุ้มเอ่ยบอกมือก็หิ้วคอหน่วยจู่โจมออกมา ขาเล็ก ๆ ดีดดิ้นอยู่อย่างนั้นเมื่อถูกจับแยก จิวจึงพอมีเวลาได้หายใจบ้าง ร่างบางนอนราบไปกับพื้นหญ้าใบหน้าแดงก่ำน่าเอ็นดูไม่น้อย คนหนึ่งนอนหมดสภาพ คนหนึ่งกำลังจับลูกหมาอยู่ ช่างเป็นภาพที่ทำให้แม่บ้านพ่อบ้านยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ตั้งแต่คุณหญิงและคุณณุมาอยู่บ้านหลังนี้น้อยครั้งที่พวกเราจะได้มาดูแล กระทั่งตอนที่คุณท่านและแม่ของคุณตะวันเสียไปทั้งสองก็ยังอยู่ที่เดิม คุณตะวันเองก็ยังไม่อยู่ หอบเสื้อผ้ามานอนที่บ้านหลังนี้ปล่อยพวกเธอดูแลบ้านนับแต่นั้น บ้านเงียบลงมากจริง ๆ วันนี้ได้มาช่วยคุณณุจัดของจึงมีโอกาสได้เห็นคุณจิวที่มาอยู่กับเจ้านาย เห็นว่าเจ้านายกำลังหัวเราะอยู่ กำลังยิ้มอยู่ เท่านี้คนแก่อย่างพวกเธอก็ตายตาหลับแล้ว “เมื่อกี๊เหมือนจะตายเลย” เสียงแหบแห้งเอ่ยเบา ๆ ขยับลุกขึ้นนั่งเอาหลังพิงบ้านไม้หลังเล็ก ๆ พี่ภาสปล่อยเจ้าอ้วนแล้วตอนนี้กำลังนอนดูดนมที่คุณป้าแม่บ้านเทใส่ขวดนมให้ พวกเราจึงพบความสงบอีกครั้ง “พี่ภาสให้จิวป้อนนมบ้าง” จิวตบตักตัวเองเบา ๆ ภาสกรจึงอุ้มเจ้าอ้วนไปวางบนตักจิว มือบางจับขวดนมเอาไว้ ไม่นานสองพี่น้องก็นั่งคุยกันไปกินนมไปอย่างสงบ ภาสกรเหมือนเลี้ยงเด็กสองคนอย่างไรอย่างนั้น “พี่เดินไปดูแม่บ้านนะ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น เมื่อน้องพยักหน้าจึงลุกเดินกลับไปดูในครัว ตู้เย็นอันเดิมยังดีอยู่ ที่บ้านใหญ่ก็มีพอแล้วเขาจึงให้ลุงนพเอาไปบริจาคให้บ้านเด็กกำพร้าใกล้ ๆ นี้พร้อมกับเงินสองหมื่น ให้เป็นเงินหนึ่งหมื่นห้าพันบาท ซื้อของกินอีกห้าพันบาทในวันพรุ่งนี้ แม้ว่าเมื่อต้นเดือนเขาจะให้ลุงนพไปบริจาคแล้วก็ตาม “ป้าจัดการในตู้เย็นแล้วนะคะคุณณุ” “ขอบคุณครับป้าอิ่ม” “วันนี้จะกินอะไรกันคะ ป้าทำอาหารเอาไว้ มาเหนื่อย ๆ ให้ป้าเอามาให้ไหมคะ” ภาสกรมองป้าอิ่มด้วยรอยยิ้ม คงเพราะเขาไม่ได้กินอาหารจากบ้านใหญ่นานทุกคนจึงอยากทำอาหารมาให้ “ฝากป้าอิ่มด้วยนะครับ” “ได้ค่ะ ๆ ป้าจะเอามาให้นะคะ” เหล่าแม่บ้านยิ้มออกมากกว่าเดิมแทบน้ำตาไหล บ้านไร้เจ้านายก็ไม่รู้จะรับใช้ใคร ได้แต่ทำความสะอาดบ้านทำอาหารให้กันกินอยู่อย่างนั้น วันนี้ทั้งได้มาช่วยคุณณุทั้งได้เห็นคุณจิวไม่พอยังได้ทำอาหารมาให้ทั้งสองอีก งานตรงนี้เสร็จทุกคนก็กลับเข้าบ้านใหญ่ ตรงนี้จึงเหลือเพียงสองคนหนึ่งหมา เพราะจิวไม่ต้องไปจัดของทำอาหารจึงมีเวลาเล่นกับหมา พอพี่ภาสเดินมาจึงเอ่ยเรื่องชื่อ “จิวอยากตั้งชื่อว่าอะไร” ภาสกรไม่ตอบแต่ถามกลับ จิวที่ถูกถามกลับก็มุ่ยหน้าเล็กน้อย “จิวคิดไม่ออก” “ไอ้จ๊อดไหม” “คิกคิก พี่ภาส ชื่อบอกอายุมาก” “พี่คิดไม่ออก” ภาสกรหัวเราะเบา ๆ หยิบของเล่นในกล่องออกมาให้มันเล่นดู พอกินนมอิ่มก็เหมือนจะลดพลังลงมาก อีกไม่นานคงง่วงนอนแล้ว ตอนนี้ได้ตุ๊กตาไปหนึ่งตัวนอนแทะอยู่ข้าง ๆ จิว “ชื่อไอ้จ้อยดีไหม” “ฮ่าฮ่าฮ่า พี่ภาสสสส” จิวลากเสียงยาวเหมือนกำลังหมดความอดทน ทั้งสองระเบิดหัวเราะออกมาเต็มเสียงอย่างขบขัน มันต่างจากไอ้จ๊อดตรงไหนเนี่ย “ป้าจ่อยได้ยินคงโกรธพี่แน่ สามีป้าจ่อยชื่อจ้อยนี่ พี่เคยบอก” จิวทั้งพูดทั้งหัวเราะ เขาเองก็ไม่ค่อยรู้จักชื่อที่มีจอจานเหมือนกัน เราสองคนนั่งเงียบอยู่นานเพราะคิดชื่อไม่ออก “พี่คิดไม่ออกแล้ว” ภาสกรยกมือยอมแพ้ จิวคิดไปคิดมาก็นึกออกอยู่ชื่อหนึ่ง “จิ๋วดีไหมครับ” “อีกหน่อยมันไม่จิ๋วแล้วนะ” “โตขนาดไหนก็ตัวเล็กสำหรับคนเลี้ยงอยู่ดี พี่ภาสเชื่อจิวสิ” จิวหว่านล้อมคนพี่ ภาสกรนั่งงงอยู่นานสุดท้ายก็พยักหน้าตกลง จิ๋วก็จิ๋ว ยังไงก็ดีกว่าไอ้จ๊อดกับไอ้จ้อยของเขาหลายเท่า ตาคมมองคนน้องที่กำลังมองก้อนขนอยู่อีกที พอเห็นหน้าจิวใกล้ ๆ ก็คิดถึงแม่ที่ฝันถึงเมื่อคืนนี้ “ขอบคุณนะ” “ขอบคุณอะไรเหรอครับ” จิวชะงักหันกลับไปหาคนพี่ด้วยความงุนงง ภาสกรเห็นคิวที่ขมวดเข้ากันเพราะไม่เข้าใจก็ยิ้มบาง “ไม่รู้สิ ขอบคุณที่จิวมาอยู่กับพี่ก็ได้” “จิวยังไม่ได้ทำอะไรให้เลย” “นี่ไง อยู่ตรงนี้ก็คือทำแล้ว” มือหนาเอื้อมไปลูบผมนุ่ม ๆ อย่างลืมตัว จิวเองก็ไม่ได้ห้ามอะไร เอียงศีรษะให้คนพี่ลูบอย่างเต็มใจอย่างลืมตัวเช่นกัน “จิวยินดีครับ” “เมื่อคืนพี่ฝันถึงแม่ แม่บอกดีใจที่พี่กำลังจะมีความสุข” น้ำเสียงที่เอ่ยเล่าเรื่องราวแฝงไปด้วยความสุขจนจิวรู้สึกได้ เพราะแบบนี้สินะพี่ภาสถึงอารมณ์ดีทั้งวัน ทั้งยังเอ่ยขอบคุณเขา จิวดีใจที่พี่เขาฝันถึงคุณแม่บ้าง อย่างน้อยก็ทำให้อีกฝ่ายยิ้มบ่อย ๆ จิวชอบดู “พี่ว่า เราสองคนจะได้กลับไปยืนที่เดิมอีกไหม” “ตอนนี้จิวยังอยากตายอยู่ไหม” ภาสกรไม่ตอบแต่กลับถามคนน้องกลับ จิวนึกครู่หนึ่งก็ส่ายหน้า ดวงตาสดใสหันมองมาทางเขา “พรุ่งนี้จิวอยากปลูกต้นไม้มากกว่า พี่ล่ะครับ ยังอยากตายอยู่ไหม” “พี่อยากช่วยจิวปลูกต้นไม้มากกว่า” ภาสกรตอบได้ทันที เขาไม่อยากตายแล้ว พรุ่งนี้ก็ไม่อยากตาย หากพรุ่งนี้จิวอยากปลูกต้นไม้เขาก็จะอยู่ช่วยจิวปลูก หากพรุ่งนี้จิวร้องไห้เขาก็จะอยู่ปลอบจิว หากอยากไปเที่ยวเขาก็จะอยู่เพื่อพาไปเที่ยว ตอนนี้ภาสกรไม่อยากตายแล้วเหมือนกับจิวที่ไม่อยากตายเช่นกัน พวกเราหันมองกันโดยไม่มีใครพูดอะไรออกมา ไม่นานรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้น ตอนนี้พวกเราไม่ได้อยากตายแล้วจริง ๆ ด้วย “กอดกันไหมครับ” จิวเอ่ยขึ้น ใบหน้าสดใสยิ้มจนตาหยีทำให้ภาสกรอดยิ้มตามไม่ได้ “ครับ” ปากหยักยกยิ้มเอ็นดูกางแขนให้คนน้องเข้ามากอด เพราะพวกเรานั่งอยู่ตอนนี้จิวจึงแทบจะนั่งตักเขาอยู่แล้ว เราสองคนโอบกอดกันละกันอยู่อย่างนั้น มือลูบแผ่นหลังปลอบโยนเบา ๆ ซึมซับความอบอุ่นของกันและกันจนกระทั่งเจ้าเด็กจิ๋วเริ่มโวยวายที่ไม่มีคนเล่นด้วย พวกเราจึงผละออกจากกันด้วยเสียงหัวเราะแล้วเข้าไปขอโทษขอโพยจอมโมโหเสียยกใหญ่ “ทำไม กลายเป็นลูกคนใช้แล้วไม่ผ่านกฎมหาลัยเหรอ ลูกคนใช้เรียนอยู่ที่นี่มาตั้งนานถ้าจะมีใครตายทำไมไม่ตายไปตั้งแต่วันแรก ทำไมตอนนี้จะเป็นจะตายล่ะ” “อีจิว ตกต่ำแล้วยังปากดี” “หน้ากูเหมือนคนตกต่ำเหรอ ดูดี ๆ มันเหมือนเหรอ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD