“พี่ภูมิใจในตัวลักษณ์ พี่เชื่อว่าคุณพ่อกับคุณแม่คงกำลังมองลงมาจากท้องฟ้า ท่านทั้งสองต้องภูมิใจในตัวลักษณ์เช่นเดียวกัน”
“ท่านต้องภูมิใจในตัวพี่รามด้วย เพราะพี่รามเป็นพี่ชายที่แสนดี จะเลี่ยนเกินไปมั้ยครับถ้าลักษณ์จะบอกว่าลักษณ์รักพี่รามที่สุด”
พ่อเลี้ยงหัวเราะขำในลำคอก่อนจะเอ่ยแซวยิ้มๆ “ไม่สักนิดเลย ลักษณ์เป็นคนบอกพี่เองว่าความรักเป็นสิ่งสวยงาม ช่วยจรรโลงโลกให้ดูสดใสสวยงาม ใช่ว่าจะมีแค่ความรักแบบหญิงกับชายเท่านั้น ความรักแบบเพื่อน หรือพี่กับน้องก็ทำให้โลกของเราสวยงามได้เช่นกัน”
ลักษณ์ยิ้มกว้างพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของพี่ชาย ถึงแม้พี่รามจะไม่ได้เอ่ยบอกรักเขา แต่เขาก็รับรู้ได้จากนัยน์ตาคมกริบที่จ้องมองมาด้วยสายตาแห่งความรักความเมตตาและภาคภูมิใจในตัวเขา
“กลับบ้านเถอะลักษณ์ พี่จะไปเตรียมสัมภาระสำหรับการเดินทางพรุ่งนี้”
พ่อเลี้ยงเอ่ยชวนพร้อมกับเก็บโน๊ตบุ๊คและอุปกรณ์การทำงานต่างๆ โดยมีลักษณ์ช่วยอีกแรง
“พี่รามจะให้ใครไปด้วยครับ ไอ้หล้าหรือไอ้กรณ์”
ลักษณ์เอ่ยถามพลางเดินตามพี่ชายไปยังเรือนพักหลังงามบนเนินเขา ถ้าจะว่าไปกรณ์เป็นมือขวาของพี่รามส่วนหล้าก็เป็นลูกน้องเป็นมือขวาของเขา
“คงจะให้ไอ้กรณ์ไป มันทำงานคลุกคลีกับพี่มากกว่าไอ้หล้ามันคงรู้ว่าพอจะช่วยพี่ได้ยังไงบ้าง ส่วนไอ้หล้าก็ให้อยู่ช่วยงานที่ฟาร์มนี่แหละ”
พ่อเลี้ยงบอกพลางสาวเท้าอย่างมั่นคงไปยังบ้านพัก จากคอกส่งม้าไปยังบ้านพักก็ไกลเอาการเหมือนกัน แต่เขาอยากเดินออกกำลังกายคุยปรึกษางานกับน้องชายไปเรื่อยๆ
ลักษณ์ทำสีหน้าไม่ค่อยสบายใจสักเท่าไรเขาลอบมองพี่ชายก่อนจะเอ่ยถามเสียงแผ่วเบา
“พี่รามแน่ใจน่ะครับว่าจะไม่ให้ลักษณ์ไปด้วย”
“ไม่! พี่ยืนยันคำเดิมที่เราเคยพูดกันก่อนหน้านี้ งานนี้พี่จะจัดการคนเดียวและถ้าหากผิดพลาดเกิดอะไรขึ้นมาลักษณ์ห้ามเอาตัวมาเกี่ยวข้องเด็ดขาด” พ่อเลี้ยงปฏิเสธและเอ่ยสั่งกำชับกำชาเสียงแข็ง
“แต่...พี่รามครับ ลักษณ์จะปล่อยให้พี่รามตกระกำลำบากคนเดียวได้ยังไง”
ลักษณ์เอ่ยค้านเสียงแผ่วเบา ให้เขาตายดีกว่า ดีกว่าปล่อยให้พี่ชายรับเคราะห์แต่เพียงผู้เดียว
“ไม่!...นี่คือคำสั่งของพี่ ลักษณ์ไม่ต้องมายุ่ง ปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็นอย่างเดียว ถ้าเกิดปัญหาจริงๆ พี่พอจะมีเพื่อนๆ อยู่ในวงการสีกากีที่เป็นใหญ่เป็นโตที่พอจะช่วยเหลือพี่ได้”
พ่อเลี้ยงปฏิเสธเสียงดังแทบเป็นการตวาดน้องชาย เขาจับบ่าน้องชายไว้มั่นพร้อมกับบีบลงไปหนักๆ เป็นการย้ำให้ทำตามคำสั่งของเขา
“ตกลงครับ ลักษณ์จะทำตามที่พี่รามสั่ง”
ลักษณ์รับคำเสียงดังเพื่อให้พี่ชายสบายใจ ขณะที่เอ่ยตอบก็หลบตาพี่ชายพร้อมกับเอ่ยต่อท้ายอยู่ในใจคนเดียว
‘ถ้าหากเกิดผิดพลาดจริงๆ ลักษณ์ไม่ยอมให้พี่รามรับเคราะห์คนเดียวหรอก’
พ่อเลี้ยงยิ้มบางๆ ตรงมุมปากขณะที่มองน้องชายที่กำลังก้มหน้าหลบสายตา เขาปล่อยมือจากบ่ากว้างก่อนจะเดินตรงไปข้างหน้าแล้วเอ่ยลอยๆ มาตามสายลมชนิดที่ทำให้คนฟังสะดุดกึกชะงักนิ่งอยู่กับที่
“แกเป็นหนังสือที่อ่านง่ายที่สุดเลยเจ้าลักษณ์ อย่าคิดจะโกหกพี่ชายคนนี้เลย”
ลักษณ์ถึงกับชะงักกึกอยู่กับที่ยกเท้าขึ้นเตะลมอย่างเซ็งๆ ที่พี่ชายรู้ทันความคิดเขาไปเสียทุกอย่าง เขา ร้องโอดครวญออกมาเบาๆ แล้วรีบวิ่งตามคนตัวใหญ่กำยำที่เดินล่วงหน้าไปหลายก้าว
“โธ่!...พี่รามจะแกล้งโง่หน่อยไม่ได้หรือไงครับ อะไรกัน?...เล่นรู้ใจน้องชายสุดหล่อไปเสียทุกอย่าง”
“ไม่...ตราบใดที่แกยังเป็นน้องชายพี่ พี่ก็อ่านใจแกได้อยู่วันยังค่ำ”
“เฮ้อ!...เซ็ง...มีพี่ชายกับเขาคนเดียวก็โคตรฉลาดรู้ทันไปเสียทุกอย่าง” ลักษณ์แกล้งถอนหายใจยาวพร้อมกับบ่นเสียงดัง
พ่อเลี้ยงรามาส่ายหน้าอย่างระอาเมื่อได้ยินเสียงบ่นกระปอดกระแปดลอยมาตามสายลมเย็น เขาโอบแขนไปรอบบ่ากว้างของน้องชายก่อนจะหัวเราะเสียงดังลั่นทั่วท้องทุ่งกว้างชอบอกชอบใจกับคำพูดประชดประชันของน้องชายตัวแสบ
พ่อเลี้ยงก้มมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือเรือนแพง สายตาเต็มไปด้วยความกังวลเมื่อลูกน้องที่ให้ไปจัดการเรื่องหาชุดของโรงแรมที่เนตรอัปสรจะไปเดินแบบยังไม่กลับมาสักที จากข้อมูลที่ได้มาจากลักษณ์บอกไว้ว่าแอนนี่จะกลับจากเดินแบบที่อังกฤษในวันนี้ และเมื่อมาถึงเมืองไทยแล้วเธอมีงานเดินแบบที่โรงแรมชื่อดังต่อทันที ซึ่งเหลือเวลาอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเครื่องบินก็จะลงแล้ว โชคดีที่กรณ์มีญาติที่เป็นพนักงานขับรถประจำโรงแรมที่หญิงสาวจะไปเดินแบบเลยทำให้แผนการลักพาตัวของเขาเป็นไปได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม
“พ่อเลี้ยง...ผมได้ชุดคนขับรถมาแล้วครับ”
กรณ์วิ่งกระหืบกระหอบเข้ามากระซิบบอกเบาๆ ข้างหูของพ่อเลี้ยงในมือก็มีถุงกระดาษสีทึบที่บรรจุชุดของพนักงานขับรถประจำโรงแรมชื่อดัง
“ทำไมช้านักว่ะไอ้กรณ์ ข้านึกว่าเอ็งจะทำไม่สำเร็จแล้ว”
พ่อเลี้ยงดุลูกน้องคนสนิทเบาๆ ขณะที่รับถุงกระดาษมาถือไว้ในมือแล้วเดินตรงดิ่งเข้าไปยังห้องน้ำชายแทบจะทันที
“ก็ไอ้ประทีบญาติผมน่ะสิครับ มันกลัวจะเดือดร้อนก็เลยยึกยักไม่ยอมให้ยืมชุดสักที”
กรณ์เอ่ยบอกเหตุผลที่ทำให้เขาตามมาที่สนามบินล่าช้ากว่าเวลาที่นัดหมายกันไว้กับพ่อเลี้ยง ขณะที่พูดก็รีบสาวเท้ายาวๆ เข้าไปในห้องน้ำเพื่อคอยดูต้นทางให้กับเจ้านายดีที่ว่าห้องน้ำที่พ่อเลี้ยงเลือกเข้าตอนนี้ปราศจากผู้คนทำให้การสับเปลี่ยนชุดของพ่อเลี้ยงเป็นไปได้โดยสะดวก
พ่อเลี้ยงรีบผลุบเข้าไปในห้องน้ำและรีบเปลี่ยนใส่ชุดของพนักงานขับรถประจำโรงแรมอย่างรวดเร็ว ดีที่ญาติของกรณ์ตัวใหญ่เพราะเห็นได้จากชุดที่เขาสามารถใส่ได้พอดี ถ้าหากว่าตัวเล็กกว่านี้สงสัยจะมีปัญหาเรื่องชุดอีกแน่ เมื่อออกมาจากห้องน้ำแล้วเขาก็มาหยุดยืนสำรวจความเรียบร้อยที่อ่างล้างมือ
“เอ็งไปทำยังไงถึงได้ชุดนี้มา” พ่อเลี้ยงขยับเสื้อผ้าให้เข้ารูปร่างขณะที่เอ่ยถามลูกน้องคนสนิทที่ขยับเข้ามาช่วยดูแลเรื่องชุดอีกแรง
“ผมก็ให้เงินไปเล็กน้อยครับ พร้อมกับบอกด้วยว่ากลับจากกรุงเทพฯ แล้วจะซื้อของใช้ของฝากไปเยี่ยมแม่มันด้วย ไอ้ประทีบมันก็เลยยอมให้ผมยืมชุดมาแต่มันย้ำว่าห้ามทำให้มันเดือดร้อนเด็ดขาดเพราะมันยังไม่อยากถูกไล่ออกจากงาน”
“แล้วเรื่องรถนายจัดการหรือยัง”
“เรียบร้อยแล้วครับ เดี๋ยวผมกับไอ้ประทีปจะไปรอเปลี่ยนรถกับพ่อเลี้ยงที่ปั้มน้ำมันตรงทางเลี่ยงเมือง ปั้มที่เราแวะเติมน้ำมันก่อนหน้านี้ พ่อเลี้ยงพอจะจำได้มั้ยครับ”
“อืม...จำได้ แกบอกญาติแกด้วยว่าเราจะไม่ทำให้เขาเดือดร้อนและจะตอบแทนน้ำใจของเขาอย่างงาม”
“ครับพ่อเลี้ยง ถ้างั้นผมไปก่อนน่ะครับ เจอกันที่ปั้มน่ะครับพ่อเลี้ยง”
พ่อเลี้ยงรามาพยักหน้ารับ เมื่อออกมาจากห้องน้ำชายแล้วเขากับลูกน้องก็แยกทางกัน กรณ์กลับไปที่รถและขับไปรอยังจุดนัดหมายที่ปั้มนอกเมือง ส่วนตัวเขาก็รีบเร่งไปยังผู้โดยการขาเข้า เขายกนาฬิกาข้อมือดูเวลาอีกครั้ง เลยเวลาเครื่องบินลงมา 10 นาทีแล้ว ไม่รู้ว่าป่านนี้เนตรอัปสรจะออกไปจากสนามบินหรือยัง