“แม่บุษ... แม่บุษ!”
“อุ้ย! คะคุณพี่ โธ่... อยู่ใกล้กันแค่นี้ ไยต้องเสียงดังเล่าคะ”
“ไม่เสียงดังได้อย่างไร ก็พี่เรียกน้องตั้งนานสองนาน น้องก็ไม่ขานรับ ใจลอยไปอยู่ที่ใดเล่า หรือว่าลอยไปหาพ่ออิเหนาคนนั้นอีก”
“คุณพี่! น้องไม่พูดด้วยแล้ว”
‘พิกุล’ ทอดสายตาอ่อนโยนมองน้องสาวคนเล็กที่ทำหน้าเง้า ทว่ากลับก้มหน้าซ่อนรอยยิ้ม แก้มนวลนั้นระเรื่อขึ้น ด้วยเรื่อง ‘นางบุษบาหลงพักตร์อิเหนา’ กลายเป็นเรื่องหยอกเย้าของพี่น้อง แม้จะผ่านมากว่า 3 ปี จนดรุณีน้อยวัย 14 ปี ในวันวานกลับกลายเป็นดอกไม้งามแห่งเรือนพระนาฏกรรมวิจิตร บุษบาก็ยังสะเทิ้นอายทุกครั้งหากหล่อนหรือ ‘ประยงค์’ น้องสาวคนรองหยอกเย้าเรื่องนี้ และจากอายมากก็จะกลายเป็นงอนมาก
พิกุลส่ายหน้าอมยิ้มก่อนจะหันมองประยงค์ที่กำลังคัดเลือกผ้าอบร่ำหอมกรุ่นออกจากหีบ ส่งยิ้มให้กันเพราะต่างรู้ดีว่าวันนี้บุษบาน่าจะประหม่ามากเป็นพิเศษด้วยค่ำนี้ที่กรมมหรสพมีงาน บุษบาอาจได้พบพักตร์อิเหนารูปงามอีกคราก็ได้ เพราะพิกุลสืบดูจนรู้ว่าเขาเป็นหนึ่งในเจ้าพนักงานดนตรีที่จะได้ร่วมบรรเลงเพลงในค่ำคืนนี้ด้วย
“แม่บุษอย่ามัวแต่อาย มาหาพี่เถอะ มาเลือกผ้าเลือกโจงที่จะใช้นุ่งเย็นนี้กัน นี่พี่อบร่ำไว้หอมกรุ่นเชียว ไม่ให้เสียชื่อลูกสาวคุณพ่อแน่”
ประยงค์พูดพลางลูบฝ่ามือลงบนผ้าโจงสีม่วงดอกตะแบกซึ่งผ่านการซัก ขัด และอบร่ำเรียบร้อยแล้ว
“จะเสียชื่อแน่ล่ะสิแม่ประยงค์”
“เสียชื่ออย่างไรหรือคะคุณพี่ ผ้าที่น้องเตรียมไว้ไม่งาม หรือว่ามีเรือนอื่นอบร่ำได้หอมกว่าน้องกันคะ”
“มิใช่ดอก”
“อ้าว... แล้วอันใดเล่าคะ คุณพี่ถึงว่าจะเสียชื่อคุณพ่อ”
ประยงค์ถามพี่สาว ตาก็มองผ้าอบร่ำในหีบกับที่วางไว้บนหน้าตัก สีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะทำหน้าเง้าเล็กน้อยเมื่อเห็นรอยยิ้มของพี่สาวและน้องสาว เห็นทีว่าคนอยู่แต่เรือนอย่างหล่อนคงไม่ทันเหตุอีกเช่นเคย
“ครานี้จะเปลี่ยนอันใดอีกล่ะคะ จะเป็นเสื้อระบายลูกไม้คอลึก แขนเย็บชั้นยาวเสมอศอก ไม่พองมาก ไม่รัดปลายแขน สะพายแพรติดเข็มกลัดหัวไหล่ น้องหวังว่าคงไม่เปลี่ยนให้แขนสั้นขึ้นอีกกระมัง”
ประยงค์เอ่ยน้ำเสียงอ่อนอกอ่อนใจ ด้วยไม่ใคร่ออกไปนอกเรือน จะออกไปสักครั้งก็แค่ไปหาซื้อผ้ากับอุปกรณ์ตัดเย็บที่ย่านพาหุรัดเท่านั้น นอกนั้นอย่าได้หมายว่าหล่อนจะไปไหน หล่อนมีความสุขกับการอยู่เรือน คอยดูแลอาหารการกินและเสื้อผ้าให้กับบิดา พี่สาว น้องสาว
ส่วนเรื่องงานละครในกรมหมรสพซึ่งบรรพบุรุษของหล่อนเป็นผู้ฝึกสอนและจัดแสดงกันสืบต่อเป็นรุ่นๆ นั้น หล่อนไม่ขอยุ่งเกี่ยวเพราะไม่ชำนาญการเลยสักอย่าง
‘พระนาฏกรรมวิจิตร’ คุณพ่อของหล่อนทำหน้าที่ฝึกสอนนักแสดงในกรมมหรสพร่วมกับ ‘คุณย่าน้อย’ ซึ่งเป็นผู้ชำนาญด้านงานละครเพราะเคยรับใช้ใกล้ชิดเจ้าจอมในพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลก่อน แต่เมื่อผลัดแผ่นดิน คุณย่าน้อยก็ขออยู่รับราชการเพื่อฝึกสอนนักแสดงละครต่อไป และพิกุลก็เป็นหนึ่งในนักแสดงละครของกรมมหรสพที่คุณพ่อและคุณย่าฝึกสอนมาด้วยตนเอง ดังนั้นพิกุลคงได้สืบทอดงานละครต่อจากคุณพ่อและคุณย่า
ส่วนบุษบานั้นเป็นน้องคนเล็กที่ขาดแม่และด้วยอายุที่ห่างกันร่วมรอบนักษัตร หล่อนและพิกุลจึงเอ็นดูบุษบาประหนึ่งว่าเป็นลูกของตนเอง
เมื่อครั้งบุษบายังไม่โกนจุก หล่อนไม่เห็นว่าบุษบาควรจะลำบากทำสิ่งใดเพราะที่เรือนก็มีทุกอย่างให้ไม่ได้ขาด จึงสอนแค่งานบ้านงานเรือน งานเย็บปักถักร้อยและงานตัดเย็บเสื้อผ้าให้เท่านั้น ส่วนพิกุลก็ทำหน้าที่สอนงานละครให้ แต่กลับไม่มีสิ่งใดที่บุษบาชื่นชอบ ใคร่อยากเรียนรู้ และมุ่งมั่น
ทว่าคุณพ่อกลับเห็นว่าควรส่งบุษบาไปเรียนหนังสือให้แตกฉานทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ ในยามนั้นหล่อนไม่เห็นด้วยเลยที่จะให้น้องออกไปนอกเรือน ไปคบค้ากับคนต่างชาติต่างภาษา ทว่าคุณพ่อกลับบอกว่าทั้งหมดนี้คุณย่าน้อยแนะนำ
จากนั้นคุณพ่อก็บอกเล่าเรื่องสนทนากับคุณย่าน้อย
‘แม่บุษนี่ต้องให้ไปเรียนหนังสือกับแหม่ม หัดให้เป็นให้เชี่ยวชาญทุกภาษาเท่าที่จะหัดได้ ทั้งภาษาฝรั่ง ภาษาญี่ปุ่น และต้องหัดเข้าผู้ใหญ่ด้วย จะได้เป็นหญิงมั่นใจตามนิยม’
‘ทำเยี่ยงนั้นจะดีหรือขอรับคุณอา แม่บุษเป็นหญิง กระผมใคร่เห็นแม่บุษสืบสานงานละครอีกสักคน เพราะแม่พิกุลคนเดียวกระผมกลัวว่าจะไม่พอ แม่ประยงค์ก็ไม่เอาอยู่แล้ว กระผมอยากให้ลูกๆ ชำนาญ งานละครของบรรพบุรุษจะได้ไม่หายไป’
‘ทุกอย่างก็ว่ากันตามวาระนะพ่อพุด ผลัดแผ่นดินแต่ละครั้ง สยามก็เปลี่ยนไปทุกครั้ง และหญิงสยามก็ต้องปรับให้ทันด้วย พ่อพุดเองน่าจะรู้ดีกว่าอาว่าพระเจ้าอยู่หัวทรงทอดพระเนตรสยามเป็นเช่นไร สยามเราต้องก้าวหน้า ต้องทัดเทียมนานาประเทศ ไม่ให้ชาติใดมาเอาเปรียบเราได้ และไม่ใช่เพียงชายที่จะสังคม มีความรู้ และรักชาติเท่านั้น ทว่าหญิงก็เช่นกัน
พ่อพุดมีแม่พิกุลสืบทอดงานละครอยู่แล้ว แม่ประยงค์ก็ดูแลบ้านเรือนไม่ขาดตก ส่วนระเด่นบุษบานั้น พ่อพุดจงปั้นให้งามพร้อม จงสอนให้แม่บุษเชี่ยวชาญทุกอย่าง ให้เข้าใจทุกเรื่อง ทั้งงานบ้านงานเรือน การเข้าสังคม กิริยามารยาทและเครื่องแต่งกาย ให้รอบรู้ ฉลาด มีไหวพริบ และต้องเข้าสังคมตะวันตกได้ สตรีงามพร้อม บุรุษย่อมหมายปอง’