A episode ที่ 1 คนที่ฝันถึง
หลงที่ แต่ ไม่ลืม1??
Lost but not forgotten
Episode ที่ 1
คนที่ฝันถึง
นามปากกา GINOICHI
"จับใว้ก่อน จับใว้ ฉันสัญญา จะทำให้ได้
ฉันจะช่วยเธอ รอก่อนได้ไหมอีกนิดเดียว นะ"
ร่างสูงโปร่งสะดุ้งเฮือก ใบหน้าหล่อเต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดโตผุดพราว มือหนากดตำแหน่งหัวใจที่เต้นรัวจนแทบทะลุออกมานอกอก
ความรู้สึกจนเจ็บร้าว ตรงมุมขมับประทุ
อึดอัดจนเขาแทบหายใจไม่ออก
ความรู้สึก โหยหา หน่วงเศร้าทุกครั้งที่ฝัน สร้างความสงสัยให้เขามากขึ้นทุกที
'มันเหมือนตัวเขาเองอยู่ในเหตุการณ์'
'เหมือนลืม ลืมบางเรื่องที่สำคัญ ลืมบางเรื่องที่จิตใต้สำนึกอยากจะจดจำ'
สรุจฝันถึงเหตุการเดิมซ้ำๆ เสียงโหวกเหวกที่ได้ยินดังชัดเจน หากแต่ภาพกลับเลือนลาง
แม้จะฝันถึงเหตุการณ์เดิมมาหลายปี แต่เขาไม่เห็นใบหน้าคนในฝันเลยสักที
'มันหน้าแปลก '
ชายหนุ่มสบัดหัวไล่ความคิด เมื่อนอนไม่หลับ ก็ลุกเลย ไม่เสียเวลา ร่างสูงโปร่งแน่นตึงอุดมไปด้วยมัดกล้ามของชายวัย 35 ปี เดินทอดน่องออกมายืนรับลมที่ริมระเบียง
สรุจ เป็นชาย Introvert ที่ รัก น้ำ รักปลา รักต้นไม้ แต่กลับไม่มีหัวใจให้กับหญิงสาว
เขาดุดันแข็งกร้าว คนคนเป็นแม่ต้องส่งมา
กำหราบ
แต่ไม่รู้ทำไปทำมาอีท่าไหน คนถูกกำหราบถึงโคตรถูกใจ ในที่ๆต้องมาอยู่
เขาชอบ 'ลำปาง'
และยิ่งชอบ ฟาร์ม กุหลาบ 'Rose Colret '
ที่คนเป็นพ่อซื้อให้เเม่เป็นที่สุด
มือถือราคาแพงสั่นเบาๆ เป็นสัญลักษณ์ให้เขาคว้าขึ้นมาดู สรุจ ไม่ชอบความวุ่นวาย ซ้ำยังเกียจความเสียงดังจอแจ การได้มาอยู่ที่นี่ ถึงนับเป็นเรื่องดี ที่เขาพึ่งรู้สึกได้เอง
[ไง?] หัวคิ้วหนายกขึ้น มองข้อความหน้าจอก่อนส่ายหัว
[ตอนแม่ตีใหญ่ พ่อเองก็ไล่สมทบ ]
[ใหญ่จำได้ ใหญ่ไม่ลืม]
คนหน้านิ่งจิ้มรัวข้อความยิบ
ไม่ได้โกรธเคืองคนพ่อเท่าไร แค่อยากแกล้งให้นั่งไม่ติดเล่นๆ
มีอย่างที่ไหน สนับสนุนเมียมากกว่าลูก พ่อที่ไหนเขาทำกัน
ไม่ต้องคิด ไม่ต้องมองหา
พ่อกูเอง!
ใหญ่ทะเลาะกับแม่ ไม่ต้องสืบว่าใครชนะ
ในเมื่อกรรมการเอียงข้างชัดเจน
ล็อกเป้าล็อกมงที่จริงใจ
ขาดเมียขาดใจ
แต่ขาดลูกได้สบายบรื๋อ
นั่นแหละพ่อกู กูด่าได้ แค่กูคนเดียว
คนอื่นอย่าเสือก!
[เอาหน่า...ลองก่อนไอ้เสือ เผื่อเองชอบ]
ศิปกรพิมพ์ต่อท้ายประโยค อย่างเชื่อมั่น
ยังไงๆ ลูกชายก็ง้อง่ายกว่าเมียล่ะวะ
[โกรธจริง ไม่ใช้ตัวแสดงแทน]
[อย่าคิดว่าจะง่าย]
[พอดีเป็นผู้ชายยากๆ]
มือที่จับโทรศัพท์อ่อนยวบเมื่ออ่านข้อความของลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่ตนเฝ้าให้ท้ายจนมันองอาจเหนือใครส่งกลับมา
[ใหญ่ กูพ่อมึง]
[แกล้งเกรงใจกูหน่อย]]
[ยังจำได้ ?ว่าใหญ่เป็นลูก]
[ไอ้ใหญ่ ไอ้เวร]
บทสนทนาจบลงแค่นั้น
สรุจยกยิ้มมุมปาก เมื่อนึกถึงสีหน้าของอีกฝ่ายในตอนนี้
ศิปกร หน้าตึง ข่มใจที่หงุดหงิดจากไอ้ลูกอสรพิษเมื่อครู่ใว้ในอก
สรุจ เหมือนเขาเกินไป ยิ่งโตไอ้นี่ยิ่งสวมมาดหมา ถ้าเขาเป็นเสือ ไอ้ใหญ่ มันก็หมาดีๆนี่เอง
มาดบางอย่างในตัวลูกชาย ทำเค้าแอบเกร็งอยู่เป็นบางครั้งเหมือนกัน ถ้าลองได้ถูกมันกัด มันไม่ปล่อย
สรุจ เป็นคนที่เงียบขรึม พูดน้อย ใบหน้าเรียบนิ่ง แต่ระบายยิ้มอยู่ตลอด เป็นยิ้มที่คนเป็นแม่ชอบสอน
แล้วลูกชายดันเชื่อ เพียงแค่มันต่าง
คนแม่ยิ้มสวย
คนลูกยิ้มแสยะ ยิ้มเข้าสังคม แบบที่เรียกว่าฉาบหน้าเข้าสังคมจริงๆ
มันเกิดมาพร้อม โทน so sad
เสบติดความดำมืดเป็นชีวิตจิตใจ
เวลามันยิ้มหน้ากลัวชิบหาย!
เป็นยิ้มที่คนเป็นพ่ออย่างเขารู้ดี
'มันแกล้งทำ'
ใครที่เห็นมันยิ้ม = มึงซวย
"ปล่อยไปแบบนี้จะดีแน่หรอคุณ ผมว่าไกลหูไกลตา ยิ่งหน้าห่วง"
ศิปกรช้อนมองภรรยาด้วยแววตาไม่มั่นคง
"ถ้ายังเอาใว้ ไม่ตีกับเขาตายก็ทำลูกเขาท้องไม่มีพ่อ เฮียว่าหนักแล้ว คุณใหญ่ที่ดันหนักกว่า"
"วันไหนเอยเบื่อ เอยจะหนีไปบวช"
อัญญาหน้าง้ำเมื่อคิดได้ว่า ทั้งลูกทั้งสามี ไม่ได้ดั่งใจเธอสักคน
"ผมรู้ ว่าคุณห่วง แต่ให้ไปที่นั่น... จะดีเหรอ"
ประโยคต่อมาถูกกลืนหายในลำคอเมื่อภรรยาหันมาสบตาเขม็ง แม้เธอจะไม่พูด แต่เเววตาของเธอแสดงทุกอย่างออกมาจนหมด
"เรามีใหญ่คนเดียวนะคุณ"
"เพราะมีคนเดียว เราเลยยิ่งห่วง"