กำปั้นน้อยๆ ระดมทุบลงไปสะเปะสะปะจนถ้วนทั่วร่างแกร่ง หวังให้เขาได้เจ็บปวดเหมือนที่เธอกำลังเจ็บอยู่ตอนนี้ และสุดท้ายเธอก็เป็นฝ่ายถอยทัพเลิกราไปเองเมื่อเขาไม่ได้ปัดป้องมันเลย...
‘เขาไม่เจ็บหรือไง’ ความสงสัยถูกแทนที่ด้วยความกระจ่าง เมื่อคนอย่างนับพัน สิงหโชติเดชาไม่มีหัวใจ ไร้ซึ่งความรู้สึก เลือดเย็นได้ขนาดนี้ มีหรือที่เขาจะเจ็บปวดเป็น
“ช่อจะไปเจอใครได้ ผู้หญิงแปดเปื้อนยอมเป็นของเล่นของอาจารย์ตัวเองมาตั้งหลายปี รักเขา ซื่อสัตย์กับเขาทั้งที่เขาใจร้ายเหนือมนุษย์มนา เห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ พอตักตวงความหอมหวานจนหมดก็โยนดอกไม้ดอกนี้ทิ้งอย่างไม่ไยดี ถามหน่อยเถอะค่ะ ผู้หญิงแบบนี้จะมีใครอยากได้อีก”
นับพันรู้ว่าหญิงสาวจะไม่ฟังสิ่งใดและไร้เหตุผลอย่างที่สุดในเวลานี้ แต่คำตัดพ้อต่อว่าเหมือนเขาเป็นคนเลวร้ายเสียเต็มประดา ราวกับว่าเขาไปหลอกฟันเจ้าหล่อนแล้วทิ้ง ทั้งที่ทุกอย่างได้ถูกกำหนดอยู่ในข้อตกลงของเราหมดแล้ว และช่ออัญชันเองก็เคยรับปากว่ามันจะไม่เป็นปัญหาอย่างที่เกิดขึ้นอยู่ตอนนี้ ก็ทำให้เขาเริ่มจะมีอารมณ์ขึ้นมาบ้างเหมือนกัน
“ทำเหมือนผมเป็นฝ่ายได้อยู่คนเดียวทั้งที่ช่อก็ได้ด้วยเหมือนกันไม่ใช่เหรอ...”
ช่ออัญชันไม่รู้ว่าตัวเองจ้องเขาด้วยสายตาผิดหวังแค่ไหน แต่มันทำให้นับพันถึงกับแสยะยิ้มมุมปากอย่างแสนน่าเกลียดออกมาก่อนจะเริ่มทำร้ายจิตใจเธอต่อ
“เงิน ชีวิตสุขสบาย และเซ็กซ์ที่เร่าร้อน”
“อาจารย์ !”
“บอกสิว่าที่ผมพูดมามันไม่จริง โดยเฉพาะข้อสุดท้ายดูช่อจะชอบมันที่สุดเลยนี่นา”
เธออึ้ง ชะงักอยู่กับที่เพราะไม่คิดว่าจะได้ยินคำถากถางพวกนั้นออกมาจากปากอาจารย์หนุ่มผู้แสนสุภาพ หล่อเหลาและมีเสน่ห์ บางทีเธออาจยังรู้จักผู้ชายคนนี้ไม่ดีพอ อาจเพราะเขาเห็นว่าเธอนิ่งไปนานเลยเอื้อมมือมาเพื่อจะช่วยพยุงให้ลุกขึ้น... และต่อจากนั้นก็คงจะไล่เธอออกไปจากบ้าน
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ช่อลุกเองได้”
นักศึกษาสาวที่เดินสะโหลสะเหลเหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก ไร้วิญญาณ เนื้อตัวเบาหวิวไร้น้ำหนัก ม่านตาที่เครือไปด้วยหยาดน้ำแทบมองอะไรไม่เห็น แต่เธอก็ยังเดินออกห่างจากคนเบื้องหลังมาเรื่อยๆ ไม่ได้หันกลับไปมองด้วยซ้ำว่าเขาลุกขึ้นยืนหรือยัง มาทางไหนเธอก็จะกลับไปทางนั้น
“เดี๋ยวสิ”
เสียงนั้นหยุดยั้งฝีเท้าของเธอได้ เขาไม่เคยใจร้ายกับช่ออัญชันแบบนี้ รู้ด้วยว่าเนื้อแท้ของหญิงสาวไม่ใช่คนเลวร้ายหรือคิดจะจับเขาให้ดิ้นไม่หลุด ยิ่งเห็นเธอเสียใจขนาดนั้นเขาเองก็อดรู้สึกผิดไม่ได้ เลยตั้งใจว่าอย่างน้อยเขาควรไปส่งเธอจนถึงถนนใหญ่ด้านล่างก็ยังดี
“ช่อไม่รบกวนอาจารย์แล้วล่ะค่ะ ขอบคุณนะคะที่ทำให้ช่อได้รู้ว่าเคยรักคนผิด” ตอนนี้เธอหมดหวังและไม่ศรัทธาในรักอีกแล้ว
“รออยู่นี่แหละ เดี๋ยวผมไปส่ง”
“อย่าเลยดีกว่าค่ะ ช่อมาเองได้ก็กลับเองได้ ลาอาจารย์ตรงนี้เลยแล้วกันค่ะ” ช่ออัญชันยกมือพนมไหว้เขา บอกให้รู้ว่านี่คือการลาขาด
อาการหนึบหน่วงที่เขารู้สึกอยู่ตอนนี้มันคืออะไรกัน ยิ่งเห็นหญิงสาวเดินห่างออกไปเรื่อยๆ ก็ยิ่งวูบโหวงในอก... หรือเขาอาจแค่ไม่ชินกับความห่างเหินที่ช่ออัญชันแสดงอยู่ตอนนี้กันแน่ คงเป็นแบบนั้นแหละ มันจะมีอะไรนอกเหนือไปจากนั้นได้
นิรินมองหน้าเพื่อนแล้วทอดถอนใจ ตั้งแต่สามวันที่แล้วที่รูมเมตคนนี้เอาแต่นอนร้องไห้ ถามคำตอบคำ ถึงจะยอมลุกขึ้นมาทำกิจวัตรจำเป็นอื่นบ้าง ยอมถูกเธอลากลงไปหาอะไรกินที่โรงอาหารของคณะบ้าง แต่การใช้ชีวิตราวศพเดินได้ก็ไม่ช่วยให้เธอสบายใจกับสภาพของเพื่อนนักหรอก ดีที่ช่วงหลังมานี้พวกเธอไม่มีเรียนแล้ว แค่เก็บกิจกรรมบางวิชาเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น อาการอกหักรักคุดของช่ออัญชันจึงไม่มีผลกระทบกับการเรียน
“ไหวแน่นะช่อ”
ช่ออัญชันแยกรอยยิ้มที่คงดูซีดเซียวและประหลาดไปให้เพื่อน พอไม่ได้หัวเราะหรือยิ้มแย้มมาหลายวัน เธอเลยแทบจะลืมไปแล้วว่าวิธีการแสดงความสุขบนใบหน้าแบบนั้นทำยังไง
“ทำไมนิลถึงคิดว่าช่อจะไม่ไหวล่ะ นี่ช่อแค่กลับบ้านนะ”
นิรินเลิกคิ้วมองเพื่อนสาวแล้วส่ายหน้าช้าๆ แทนคำพูดที่ว่าสภาพดูไม่จืดแบบนี้ยังต้องถามอีก
“ตาทั้งบวม ทั้งแดงช้ำเหมือนคนอดนอนมาสองปีแบบช่อ นิลละกลัวจริงๆ ว่าความลับจะแตก”
“อะไรจะเกิดก็ปล่อยให้มันเกิดเถอะนิล แค่ช่อถูกผู้ชายทิ้งที่บ้านคงไม่ฆ่าช่อหรอกมั้ง” เธอได้ยินชัดว่าเพื่อนถอนหายใจยาวและดัง
“ว่าได้เหรอ พี่ชายหน้ายักษ์ของช่อดุและเฮี้ยบแค่ไหน ใครไม่รู้แต่นิลรู้ดี รู้ลึก เพราะเห็นมากับตาตัวเองตลอด กี่รอบแล้วที่นิลจะโดนงาบหัวเพราะช่วยช่อปิดบังเรื่องอาจารย์นับพันน่ะ ที่สำคัญ หัวอ่อนแบบช่อถูกตาหน้ายักษ์นั่นขู่นิดเดียวก็คงเล่าหมดแล้วมั้งว่าผู้ชายคนไหนมันกล้าหักอกช่อจนสภาพย่ำแย่แบบนี้ แล้วถ้าตานั่นรู้ อาจารย์ได้กลายเป็นศพแน่ๆ”
“นินทาเบาๆ หน่อยนิล พี่ชายช่อเดินมาโน่นแล้ว”
คำเตือนของเพื่อนทำให้นิรินเผลอยืดตัวตรงโดยอัตโนมัติ เธอมายืนคอยส่งเพื่อนที่ม้านั่งหินอ่อนถัดจากหอพักหญิงไม่มาก เป็นที่ประจำเวลาครอบครัวของช่ออัญชันส่งคนมารับหญิงสาวกลับบ้าน แต่ไม่รู้ทำไมคนที่ขันอาสามารับเพื่อนเธอบ่อยที่สุดก็เห็นจะเป็นพี่ชายคนโตที่บางทีก็ดุราวกับรับบทพ่อจอมโหดของลูกสาวคนสวย บางทีก็ยียวนกวนประสาทเป็นที่สุด
“สวัสดีค่ะพี่ชัช” นิรินจำต้องยกมือไหว้พี่ชายของเพื่อนสนิทตามมารยาทด้วย ที่ต้องจำใจทำเพราะชายหนุ่มก็ไม่ได้แสดงท่าทางญาติดีกับเธอที่เป็นเพื่อนสนิทของน้องสาวสักเท่าไร
“จอดรถไว้ที่ไหนเหรอคะ”
เป็นเรื่องที่นิรินก็สงสัยไม่แพ้กัน ปกติเสียงล้อรถบดถนนของชัชวินจะนำมาก่อนตัวเสียอีก และทั้งคนขับกับรถคู่ใจก็จะมาจอดเทียบฟุตปาธด้านหน้าพอดิบพอดี แทบไม่ให้คนที่มารับต้องเดินด้วยซ้ำ
“ใกล้ๆ นี่แหละ แล้วมีของอะไรอีกมั้ยนอกจากเป้ใบนี้” เขามองหาสิ่งของเพื่อจะช่วยน้องสาวถือสัมภาระไปที่รถ
“สงสัยจะจอดรถแอ๊วสาวเศรษฐศาสตร์ตึกตรงข้ามแน่ๆ ว่ามั้ยช่อ” นิรินกระซิบกระซาบด้วยความหมั่นไส้ เธอกับชัชวินเป็นไม้เบื่อไม้เมาปะทะฝีปากกันมาหลายปีตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันเห็นจะได้ และเธอก็ไม่ได้ใส่ร้ายชายหนุ่มเกินจริงด้วย เพราะเคยเห็นมาแล้วกับตาว่าเขาชอบหว่านเสน่ห์ขนาดไหน
“ได้ยินนะยายเห็ดตับเต่า”
“พี่ชัช !”
นิรินละแสนเกลียดใบหน้ายิ้มๆ กวนประสาทที่เขาทำให้เธอเห็นแค่คนเดียวนี่เหลือเกิน เพราะพอช่ออัญชันน้องสาวสุดที่รักหันไปมองบ้าง ใบหน้านั้นก็เปลี่ยนไปแล้ว เธอเคยถามหลายครั้งก็ได้รับคำยืนยันจากเพื่อนสนิทว่าไม่เคยเห็นพี่ชายตนเองทำเรื่องไร้สาระด้วยการยั่วโทสะเธอแบบนั้นสักที
... แต่ที่เกลียดสุดก็เห็นจะเป็นสรรพนามติดปาก ‘ยายเห็ดตับเต่า’ นี่แหละ มีอย่างที่ไหนมาบอกว่าสาวสวยอย่างเธอหน้าเหมือนเห็ดตับเต่า นอกจากจะนิสัยเสีย ตาชัชวินนี่ยังตาถั่วได้โล่อีก !
“พอๆ ทั้งสองคนเลยค่ะ แล้วนิลจะไม่ไปเที่ยวบ้านช่อจริงๆ เหรอ กลับบ้านคราวนี้นานตั้งเป็นเดือน ช่อคงเหงาแย่”
เพราะบ้านของนิรินอยู่ต่างจังหวัด การจะเดินทางไปกลับใช้เวลานานหลายชั่วโมงหรือบางทีก็เป็นวันค่อนวัน หากเป็นช่วงเทศกาลก็ยิ่งแล้วใหญ่ นิรินเลยไม่ค่อยได้กลับบ้านตัวเองบ่อยนัก แม้ถ้าเกิดมีเรื่องฉุกเฉินเร่งด่วนจริงๆ จะสามารถจองตั๋วเครื่องบินกลับบ้านได้ แต่นั่นก็เป็นค่าใช้จ่ายที่เกินตัวนักศึกษาไปมาก เวลาที่มีวันหยุดยาวๆ หรือแม้เพียงไม่กี่วันเธอจึงมักจะหอบหิ้วนิรินกลับไปบ้านด้วยเสมอ