ปิ๊งรักคุณพ่อลูกติด
ผ้ายับที่พับไว้ เขียน
บทที่ 5
----- (ไอริน)
ฉันนั่งยุ่งอยู่กับการหานิทานบนอินเทอร์เน็ตมาเก็บไว้อ่าน จบครูสอนสังคมมาแท้ๆ แต่ดันมาทำงานสอนเด็กเล็ก แล้วเรื่องบังเอิญของวันนี้ก็คือฉันได้เป็นครูสอนประจำชั้นของน้องแบมลูกคุณบูม น้องแบมเป็นเด็กน่ารัก ร่าเริง ช่างพูด เข้ากับเพื่อนได้ดี เป็นเด็กที่พูดจาอ่อนน้อม กิริยามารยาทดี คงไม่แปลกเท่าไหร่นักถ้าประเมินจากพ่อของน้องเท่าที่ฉันรู้จัก ฉันกลับจากบ้านป้าลีมาก่อนเพราะต้องมาทำงานนิดหน่อย ป้าลีก็ใจดีมาส่งฉันก่อน ส่วนน้องแบมยังต้องรอให้พ่อไปรับ ซึ่งป้าลีบอกว่าบางทีกว่าไปจะน้องแบมก็หลับแล้ว
“มึงกลับมาบ้านก่อนถ้าไม่อยากให้อีแบมมันเห็นกูในร่างอวตาร กูมีเรื่องต้องเคลียร์กับมึง” เสียงโวยวายเอ็ดตะโรดังมาจากบ้านข้างๆ ฉันแอบลุกขึ้นมองลอดผ่านม่านตรงหน้าต่างบางที่อยู่ฝั่งบ้านคุณบูมไป ก็เห็นผู้หญิงรูปร่างผอมโซ แต่งตัววาบหวิวกำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่หน้าบ้าน
“เร็วๆ กูอารมณ์ไม่ดี” ฉันมองดูอยู่ครู่หนึ่งก็เดินกลับมานั่งที่โต๊ะทำงานตามเดิม นี่คงไม่ใช่ภรรยาเขาหรอกนะ ดูแล้ว.....เหมือนคนเป็นโรคขาดสารอาหารยังไงยังงั้น
Rrrrrr
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้ฉันตกใจเล็กน้อย เพราะมัวแต่นั่งเหม่อลอยคิดอะไรเพลินๆ
-แม่-
ตายล่ะ ฉันไม่ได้โทรหาแม่เลยนี่นาตั้งแต่มาถึง ป่านนี้คงห่วงแย่
“ค่ะแม่” ฉันรีบกดรับสาย ในหัวเตรียมคำโกหกรอตอบคำถาม ฉันยังไม่กล้าบอกแม่ตอนนี้ว่าแอบมาหางานทำ ไว้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว ค่อยบอกจะดีกว่า
“มีอะไรจะบอกแม่หรือเปล่า” แม่ดันเปิดประเด็นด้วยคำถามปลายเปิด น้ำเสียงของแม่นิ่งเรียบเหมือนกับกำความจริงอะไรเอาไว้
“คะ? บะ บอกอะไร” ฉันประหม่าและไม่กล้าพูดอะไรมากนักเพราะกลัวจะหลุดพูดเรื่องที่ไม่รู้ออกไป ตอนนี้ก็ยังไม่ชัวร์ด้วยว่าแม่รู้อะไรมา
“ก็เรื่องที่แกไปขอยกเลิกงานหมั้น แล้วก็หนีไปเที่ยวนี่ไง” เสียงแม่ฟังดูโมโหขึ้นมาหน่อย นึกว่าเรื่องอะไร แต่ก็จริงฉันยังไม่ได้บอกแม่เรื่องนี้เลย จริงๆ มันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ฉันอยากออกมาหางานทำด้วย
“อ๋อ ว่าจะบอกอยู่แต่ว่ายังไม่มีจังหวะ”
“จังหวะอะไรของแก นี่ตาไนท์เพิ่งโทรมาเล่าให้แม่ฟังว่าเจอภูมิลงรูปหวานกับผู้หญิงอื่น แม่เลยโทรไปโวย โดนเขาสวนกลับมาว่าแกเป็นคนขอถอนหมั้นเขาเอง” ฉันขอถอนหมั้นจากภูมิมาสัก 3 เดือนเห็นจะได้ สาเหตุก็เพราะฉันไปเจอเขาอยู่กับผู้หญิงคนอื่น และฉันไม่ได้คิดไปเอง เพื่อนฉันก็บอกมาตลอดว่าเห็นเขาอยู่กับคนอื่น
“แล้วแม่จะโทรไปโวยทำไมล่ะ”
“จะไม่ให้ฉันโวยยังไง คู่หมั้นลูกสาวลงรูปกับผู้หญิงอื่นประเจิดประเจ้อ ทั้งที่กับแกลงตามเทศกาล”
“เรื่องแค่นี้เอง แต่ก็เอาเถอะอย่างน้อยแม่ก็รู้แล้วว่าเลิกกัน”
“พูดง่ายๆ คบกันจนจะหมั้นอยู่แล้ว มันเลิกง่ายๆ ขนาดนั้นเลยหรือไง”
“มันไปต่อไม่ได้แล้วจะฝืนไปทำไมล่ะแม่ ดีกว่าแต่งไปแล้วอยู่กันไม่รอด”
“สินสอดเป็นล้าน แม่ไม่ยอมหรอกนะ แล้วนี่ก็คุยอวดเขาไปทั่วแล้ว จะให้แม่เอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
“แม่!!!” แม่ก็เป็นแบบนี้ทุกทีเลยไม่เคยจะฟังฉันบ้าง มีแต่ฉันที่เป็นฝ่ายฟังแม่อยู่ตลอด
“แล้วแกจะกลับบ้านเมื่อไหร่ มีเงินเหลือใช้มากนักเหรอถึงได้เที่ยวเตร็ดเตร่ไปทั่ว”
“ก็อย่างที่แม่รู้ไอรินเพิ่งจะผ่านเรื่องแย่ๆ ขอเวลาอยู่กับตัวเองสักพักก็แล้วกัน”
“แย่อะไรของแก แกเป็นฝ่ายไปขอเลิกเองนี่”
“คนบอกเลิกไม่ได้แปลว่าจะไม่เจ็บนี่แม่ ไม่รู้ล่ะ อยากกลับตอนไหนก็จะกลับก็แล้วกัน”
“แล้วแต่แกก็แล้วกัน แต่อย่ามาขอเงินแม่ล่ะ เอาไปเที่ยวแม่ไม่ให้หรอกนะ”
“ค่ะ” ฉันอยากจะจบบทสนทนากับแม่สักที เพราะกลัวตัวเองจะหลุดพูดออกไปว่าได้งานทำแล้ว
“โทรหาแม่บ้างล่ะ หายไปนานแม่ก็ห่วง”
“ค่ะแม่ รักแม่นะคะ” หลังวางสายจากแม่ฉันก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ นึกว่าแม่จะจับได้ซะแล้ว
“เอาเงินมาสิวะ!!” เสียงโวยวายดังขึ้นอีกครั้ง จากที่เดิมฉันลุกขึ้นแล้วเดินไปแอบดูที่หน้าต่างตรงมุมเดิม
“มึงจะโวยวายทำไม” เสียงของผู้ชายไม่ดังมากแต่ก็พอฟังออกว่าพูดอะไร เป็นคุณบูมจริงๆ ถ้าอย่างนั้นผู้หญิงคนนั้นก็ภรรยาเขาสินะ
“ก็ถ้ามึงไม่ใช้เงินกู กูก็จะแหกปากแบบนี้อ่ะ มึงจะเอายังไง” ผู้หญิงคนนั้นผิดไปจากที่ฉันคิดไว้ค่อนข้างมาก ตอนแรกฉันเข้าใจว่าอาจจะแค่ปากร้ายเวลามีใครมายุ่งกับผัวเฉยๆ แต่นี่ดู...น่ากลัวกว่าที่คิดไว้เยอะเลย
“งานการไม่ทำเอาแต่ไปเที่ยวแรดๆ ให้คนนั้นลากไป คนนี้ลากมา มึงไม่หาผัวสักคนวะ เอาที่รวยๆ พอให้มึงเกาะได้ทั้งชีวิต จะได้เลิกยุ่งกับกูแล้วก็ปล่อยให้กูอยู่อย่างเป็นสุขกับลูกสักที” ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่าคุณบูมเองก็ปากร้ายใช่ย่อย ตอนอยู่กับลูก ไม่สิ ตอนไม่ได้อยู่กับเมียเขาดูสุภาพมาก
“แล้วจะทำไม กูจะแบให้ใครมันก็เรื่องของกู แล้วถ้ากูไปจริงๆ มึงคิดว่าอีแบมมันจะอยู่ได้มั้ย เดี๋ยวมันก็ร้องไห้หากูอีก” ฉันไม่ชินกับภาพคนสองคนทะเลาะกันแบบนี้สักเท่าไหร่ เพราะปกติฉันไม่ค่อยได้เห็นอะไรพวกนี้สักเท่าไหร่นัก
“อ๋อ...หรือว่ามึงคิดจะหาเมียใหม่ กูประกาศตรงนี้เลยนะว่าอย่าฝัน ถ้ากูยังไม่ตายก็อย่าคิดว่าจะมีอีตัวที่ไหนมาเอามึงไปเป็นผัวได้ กูจะตามราวีให้หมด พวกมึงจะไม่มีวันได้อยู่กันอย่างเป็นสุข หรือต่อให้กูตายไปกูก็จะตามหลอกหลอนไม่ให้พวกมึงได้มีความสุขเลยคอยดู” ฉันรีบถอยออกมาจากหน้าต่าง ในมันเต้นตุบๆ ด้วยความกลัวอย่างบอกไม่ถูก นี่ฉันเป็นอะไร ทำไมต้องกลัวขนาดนี้ด้วย ก็ไม่แปลกนี่ถ้าเมียเขาจะหวงผัว เราซะอีกจะไปกลัวทำไม แค่ไม่เอาตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเขาก็ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว