ปิ๊งรักคุณพ่อลูกติด
ผ้ายับที่พับไว้ เขียน
บทที่ 7
----- (ไอริน)
“ตอนที่พ่อทำเสียงผู้หญิง พ่อทำท่าแบบนี้ด้วยนะคะ” น้องแบมทำท่าทางประกอบการเล่าเรื่อง เราสองคนนั่งรอคุณบูมที่ม้านั่งตัวเดิม
“แล้วปกติพ่อเป็นคนเล่านิทานให้น้องแบมฟังเหรอคะ” ฉันอยากรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างน้องแบมกับคุณแม่เป็นยังไง แต่ไม่กล้าถามตรงๆ ก็เลยพูดอ้อมๆ เอา สีหน้าน้องแบมพูดเจื่อนลง เด็กหญิงตัวน้อยเดินมานั่งข้างๆ ฉันก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาให้เห็นแววตาที่ซ่อนความเศร้าเอาไว้ลึกๆ
“ใช่ค่ะ พ่อเล่านิทานให้แบมฟังคนเดียว” นี่ฉันเผลอไปจี้แผลของเด็กหรือเปล่า
“คือ...ครูขอโทษนะคะ ครู...”
“แม่ไปพักผ่อนทุกวันเลย ก็เลยไม่มีเวลา” น้องแบมพูดต่อ
“แบม!!” เสียงคุ้นๆ ดังขึ้นมาจากหน้าประตู เมื่อฉันเงยหน้าขึ้นก็พบผู้หญิงรูปร่างผอมยืนกอดอกมองมาทางเราสองคน เสื้อสายเดี่ยวสีส้มเอวลอย กับกางเกงขายาวรัดรูปสีเมทัลลิกดูจะไม่เหมาะกับสถานที่ราชการเท่าไหร่นัก มือเรียวถอดแว่นตาดำที่สวมอยู่ออกจากใบหน้าเรียวยาวจากการเหลาจนแหลม
“แม่” ดวงตาใสดูเป็นประกายเมื่อหันไปเจอว่าแม่ของตัวเองยืนรออยู่หน้าประตูโรงเรียน
“อีนี่ครูเหรอ” เธอเดินสับขาเข้ามามองฉันใกล้ๆ ก่อนจะหันไปถามลูกสาว”
“ใช่ค่ะ ครูไอริน เป็นครูหนูเอง”
“อ๋อ...อีนี่สินะที่เขาว่ามันมากับพ่อมึงเมื่อเช้า” ฉันก็ไม่รู้ว่าเขาไปเอาเรื่องนี้มาจากใคร แต่มันดันเป็นเรื่องจริงซะด้วยสิ
“ใช่ค่ะ” น้องแบมตอบด้วยเสียงที่เบาลง
“คืออย่างนี้นะคะ...”
“ไม่ต้องแก้ตัว ไม่รู้ก็รู้ไว้ซะว่าฉันเนี่ยเมียไอ้บูม ถึงจะไม่ค่อยอยู่บ้านแต่ก็ยังอยู่ด้วยกันนอนด้วยกัน ส่วนเนี่ยลูก อ้อแต่ก็คงรู้อยู่แล้วว่าเขามีลูกมีเมียแล้ว โธ่เรียนสูงจบปริญญา แต่จ้องจะมาแย่งผัวชาวบ้าน หน้าด้านจังเลยค่ะครู” แม่น้องแบมตะโกนลั่นจนผู้คนเริ่มหันมามองจรงที่พวกเรายืนอยู่
“คุณคะ คือมันไม่ใช่...”
“ไม่ใช่ ไม่ใช่อะไรคะ แหมไอ้บูมนะไอ้บูมแพ้ทางผู้หญิงแรดเงียบอยู่เรื่อย โดนอีแก้มหลอกไปทีละไม่เข็ด นี่จะบอกให้เอาบุญนะไอ้บูมน่ะเห็นมันหงิมๆ แบบนี้แต่ก่อนมันไม่เลือกนะคะ เพื่อนกูมันยังเอาเลย แทงข้างหลังกูอยู่ตั้งนานสุดท้ายต้องมาตายเพราะกุท้องอีแบมนี่แหละ เหอะ” ฉันทนอยู่ตรงนี้ต่อไปไม่ไหวเพราะผู้คนเริ่มหันมาให้ความสนใจกันมากแล้ว เลยตัดสินใจเดินหนีออกมา
“อย่าให้รู้อีกนะว่ามาเกาะแกะผัวกู ถึงกูจะทะเลาะกันบ่อย แต่กูก็มีลูกด้วยกันนะเว้ย ครูกูก็ตบได้นะบอกไว้ก่อน” ฉันเดินหลบออกมาจากสายตาของผู้คนที่ต่างก็จับจ้องมาที่ฉันแล้วซุบซิบนินทา ความรู้สึกพวกนี้มันแย่กว่าที่คิดไว้อีกนะ ฉันไม่น่าไปยุ่งกับเขาตั้งแต่แรก กับอีแค่เดินจากบ้านออกมาปากซอยมันก็ไม่ได้หนักหนาอะไรสักหน่อย ถึงปากซอยก็นั่งวินมอเตอร์ไซค์มาที่โรงเรียน หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ เขาหึงผัวเขามันก็ไม่ได้ผิด เราเองสิที่ผิดไปใกล้ชิดกับผัวเขาจนออกนอกหน้า
“ครูครับ เมื่อกี้มีอะไรกันเหรอพอดีผมได้ยินครูเขาคุยกันว่ามีคนเข้ามาหาเรื่องคุณ” ครูเจ เพื่อนที่ทำงานเดินตรงเข้ามาถามหน้าตาตื่น ป่านนี้คนก็คงนินทาฉันกันสนุกแล้วสินะ ฉันยืนกำมือแน่นพยายามข่มตัวเองไม่ให้ร้องไห้ออกมา
“อึก...ฮึบ...ฮึก” แต่นั่นแหละยิ่งฝืนมันก็ยิ่งต่อต้านตัวเอง น้ำหูน้ำตาที่พยายามกลั้นไหลล้นออกมาในที่สุด
“ครูไอริน” ครูเจขยับเข้ามาตรงหน้าฉันด้วยสีหน้าตกใจ เขาเองก็คงทำอะไรไม่ถูก ฉันเองก็พยายามจะหยุดร้องไห้ แต่ยิ่งพยายามน้ำตาก็ยิ่งไหล
“ครูไอรินใจเย็นๆ ก่อนนะครับ ผมว่าเราหลบไปตรงโน้นดีกว่านะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า” ครูเจจูงมือฉันหลบมุมมาในจุดลับตาคน ฉันยืนร้องไห้จนพอใจโดยมีครูเจยืนมองอยู่ตรงหน้า
“ฮึกฉันนี่มันไม่รู้จักโตอย่างที่แม่ว่าจริงๆ” ฉันพูดพร้อมทั้งยกมือปาดน้ำตา เมื่อเริ่มรู้สึกดีขึ้นแล้ว
“ครูพอจะอธิบายให้ผมฟังได้หรือเปล่าว่ามันเกิดอะไรขึ้น” ฉันยืนนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งเพราะกำลังเรียบเรียงคำพูดในสมอง ไม่รู้ว่าควรจะต้องเริ่มจากตรงไหนก่อน
“จริงๆ จะบอกว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดมันก็เหมือนกับว่าแก้ตัว” ฉันเริ่มเกริ่นขึ้นก่อน
“เอาเถอะครับ อย่างน้อยก็มีผมรับฟังความจริงจากฝั่งของครู”
“ไอรินย้ายมาทำงานที่นี่แล้วไปเช่าบ้านอยู่ข้างบ้านน้องแบม ลูกของคนที่มาต่อว่าไอรินเมื่อสักพักนี้น่ะค่ะ แล้วทีนี้เจ้าของบ้านเป็นญาติกับสามีของเขาพอดีก็เลยฝากให้เขาช่วยดูไอรินด้วย แล้วทีนี้เรื่องคงไปถึงหูภรรยาเขาเข้า ก็เลยตามมาด่าถึงที่โรงเรียน” ฉันเล่าอย่างย่อๆ
“ฝาก? ให้ผู้ชายดูแล มันก็ฟังดูแปลกๆ อยู่นะครับ” ครูเจออกความเห็น
“ป้าท่านเห็นว่าไอรินไม่มีใคร แล้วก็ไม่มีรถด้วย ก็คงจะเป็นห่วงแหละค่ะ” ฉันพูดไปตามที่คิดเอาเอง
“งั้นเอางี้มั้ยล่ะครับ ต่อไปครูก็กลับบ้านพร้อมผมก็ได้เดี๋ยวผมไปส่ง”
“ไม่ดีกว่าค่ะ เดี๋ยวครูก็เดือดร้อนอีก” ฉันไม่อยากสร้างความเดือดร้อนให้ใครอีกแล้ว ต่อไปนี้ฉันจะนั่งวินกลับบ้านเอง
“ไม่เป็นไรครับ อย่างน้อยผมก็ไม่มีเมียมาตามด่าครูแบบนี้แน่ๆ ถือว่าเป็นน้ำใจจากเพื่อนร่วมงานเถอะนะครับ” ฉันได้แต่ยืนนิ่งไม่รู้จะปฏิเสธความหวังดีจากครูเจยังไง
“งั้นก็ได้ค่ะ” ฉันคิดว่าฉันควรจะต้องบอกที่บ้านสักทีแล้ว จะได้ขอเอารถมาทำงาน เรื่องวุ่นวายที่ฉันไปสร้างความลำบากให้คนนั้นคนนี้มันจะได้จบสักที
“ถ้างั้นเดี๋ยวครูไอรินรอตรงนี้นะครับ ผมไปเอารถแปบหนึ่งแล้วจะวนมารับครูตรงนี้”
“ค่ะ” เราคุยกันอยู่พักใหญ่ฉันก็เล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับเรื่องที่หนีแม่มาทำงาน เขาก็ดูจะเข้าใจฉันนะ ดีเหมือนกันที่มีใครสักคนมารับฟังเรื่องที่มันอึดอัด เก็บไว้คนเดียวมันก็บั่นทอนตัวเองเปล่าๆ
“ครูไอริน” เสียงคุ้นหูของใครบางคนดังขึ้นมา ฉันเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอโทรศัพท์ก่อนจะหันไปมองต้นเสียง เป็นคุณบูมที่กำลังเดินเข้ามา
“ผมเพิ่งรู้เรื่องจากน้องแบม ที่นิ้งมันมา...เอ่ออาละวาด”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเข้าใจเขาอยู่”
“ผมขอโทษที่มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ผมมารับน้องแบมแต่ไม่เจอ โทรไปถามป้าลีท่านก็บอกไม่รู้เรื่อง พอกลับไปบ้านถึงรู้ว่าน้องมันมารับน้องแบมไปแล้ว”
“ไม่เป็นไรค่ะ แต่ถ้าจะให้ดีต่อไปนี้อย่ายุ่งกับไอรินอีกเลยนะคะ” ฉันตัดสินใจพูดคำนี้ออกไปเพื่อหวังว่าเขาจะได้ไม่ต้องมาดูแลฉันตามคำขอของป้าลีอีก
“ครูไอรินครับไปกันหรือยัง” เสียงครูเจตะโกนเรียกทำให้ฉันทิ้งความสนใจจากคนตรงหน้า
“ขอตัวนะคะ” ให้ปัญหามันจบไปเท่านี้เถอะ อย่าได้บานปลายไปมากกว่านี้เลย