มาถึงประโยคนี้อดคิดไปถึงใครบางคนไม่ได้ สาวน้อยแก่นกะโหลก ว่าที่ลูกสะใภ้คนโปรดของคุณแม่ ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะเป็นฝ่ายถามเพื่อนบ้าง
“แล้วแกล่ะไอ้ฟิวส์”
เจอคำถามย้อนกลับ ใบหน้าเถื่อนถ่อย รุงรังไปด้วยหนวดเครายาวเฟื้อยของหนุ่มที่ขลุกอยู่ในป่ามาหลายปี ถึงกับปิดอาการเบื่อหน่ายไม่มิด
“ฉันเห็นพี่เฟนย์แล้วขยาดว่ะ ห่างเมียเกินชั่วโมงทำหน้าเหมือนจะตายซะให้ได้ แกไม่รู้หรอกเวลาน้ำพั้นซ์ไม่อยู่ พี่เฟนย์ทำฉันขนลุก” เมื่อเอ่ยถึงพี่ชายและพี่สะใภ้ ดวงตาหม่นๆ นั้นทอประกายระยิบระยับชวนมอง แต่ยังอุตส่าห์พูดออกมาหน้าตาเฉย
“ผู้หญิงเหมือนยาเสพติด ฉันไม่อยากเป็นแบบนั้น”
“แล้วแกจะทำยังไง คุณย่าให้แกหาภรรยาให้ได้ ไม่ใช่หรือ”
“ฉันไม่เข้าใจ คุณย่าจะบังคับทำไมวะ ทั้งๆ ที่น้ำพั้นซ์ก็ตั้งครรภ์ได้สามเดือนกว่าแล้วนะโว้ย! นึกว่าจะลืมเรื่องนี้ไป ที่ไหนได้”
คิ้วเข้มกำลังนึกถึงพี่สะใภ้คนสวย ตอนนี้ทุกคนในบ้านอภิศิรานนท์ก็เห่อเจ้าตัวน้อยที่อยู่ในครรภ์กันถ้วนหน้า แต่คุณย่าท่านก็ไม่เคยล้มเลิกความตั้งใจ หากเขาหาภรรยาไม่ได้ภายในสามเดือน ภาระหน้าที่นั้นก็จะตกไปถึงนายเก่งกล้า ผู้เป็นเสมือนน้องชายบังเกิดเกล้า แต่พอนึกถึงใบหน้าของย่าแพรวยามที่เขาบอกว่าไม่คิดจะมีเมีย หัวใจโจรทระนงเกิดอาการอ่อนยวบอย่างประหลาด
“แกก็ยกสมบัติให้ไอ้เก่งไปสิ หมอนั่นมันไม่เรื่องมากนี่”
เอกฤทธิ์พูดออกมา เพราะรู้เรื่องของครอบครัวนี้ดี ก็แน่ล่ะพ่อของเขาและพ่อของไอ้เพื่อนยากคนนี้ สนิทกันมาตั้งแต่เด็ก นั่นก็พลอยให้ลูกหลานสนิทกันไปด้วย แต่แค่เขาคนเดียวหรอกนะ ส่วนน้องสาวคนสวยคุณพ่อหวงยิ่งกว่าไข่ในหินซะอีก วันๆ ยัยลูกจันทร์แทบไม่ได้ออกจากบ้านเลยด้วยซ้ำ
คนฟังถอนหายใจทิ้ง “ฉันไม่กลัวหรอกว่าจะไม่ได้สมบัติน่ะ ไม่มีสมบัติคุณย่าฉันก็ไม่อดตาย”
“แล้วทำไมวะ แกหวั่นอะไรนักหนา”
“แค่ไม่อยากเห็นคุณย่าไม่สบายใจ ทำหน้าหม่นๆ หมองเศร้าใส่ ท่านเล่นขอนี่หว่า...ฉันดันเกิดเป็นหลานผู้มีความกตัญญูเป็นเลิศซะอีก โว้ย! มหาโจรกลุ้ม!” ประโยคสุดท้ายถึงกับระงับความเครียดตัวเองไม่ไหว ตะโกนออกมาสุดเสียง จนทั่วทั้งผับต้องเงียบไปนับห้าวินาที เพื่อนร่วมโต๊ะแทบตะโกนปิดปากเพื่อนไว้ แต่ก็ช้าไป
“ไอ้บ้า! ตะโกนทำไม เดี๋ยวบาทาก็วิ่งมาราวติดจรวดหรอก”
“แกเป็นตำรวจกลัวไรวะ” บอกอย่างไม่แยแส
“อ้าว! ฉันเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ จะให้รังแกประชาชนได้ไงวะ”
ผู้กองหนุ่มพ่นลมแผ่วๆ ออกจากปากอย่างระอาใจ หากคนฟังนั้นเหยียดยิ้มน่าสะพรึงกลัว ไม่ได้หวาดหวั่นสักนิด หากใครมีปัญหาคนอย่างเพลิงอัคนีก็พร้อมตั้งรบ
“ช่างเถอะ ใครอยากมีเรื่อง พ่อจะจัดให้”
“เออ! เดี๋ยวส่งเข้าคุกเอง”
คำพูดที่หลุดออกมาจากปากเพื่อน ทำให้เพลิงอัคนีต้องกรอกเหล้าเข้าปากอีกครั้ง ดวงตาหม่นแสงกราดมองรอบๆ ตัว ราวกับประเมินผู้หญิงที่ยักย้ายส่ายสะโพก โชว์เรือนร่างน่าเจี๊ยะที่เห็นอยู่ไม่ไกลเอื้อมมือ หากต่อให้จ้องจนตาถลน ก็ไม่มีใครผ่านเกณฑ์ประเมินเลยสักคน หากลากผู้หญิงในผับไปเป็นสะใภ้ให้คุณย่า มีหวังท่านต้องช้ำใจตายก่อนวัยอันควรแน่ๆ
การหาหลานสะใภ้ให้ย่าแพรวพัตราไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด ไหนจะคุณแม่เนยคนสวยอีก เพลิงอัคนีเฝ้าบอกตัวเองว่า ถึงแม้จะเป็นเมียจอมปลอมหรือเมียจริงๆ ผู้หญิงคนนั้นต้องเพียบพร้อมไปด้วยความงดงาม ไม่ว่าจะรูปกายหรือจิตใจ คิดแล้วเส้นหยักในสมองถึงกับเต้นไม่เป็นจังหวะ แต่มือที่กำลังยกเหล้ากรอกปากต้องหยุดชะงัก เมื่อเพื่อนรักเอาแต่จ้องไปยังกลุ่มหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล
“มองไรนักหนาวะไอ้เอก! เหล้าจะกลายเป็นน้ำอยู่แล้วนะนั่น ดื่มๆ เข้าไปสิวะ”
ทักท้วงออกมาอย่างอดไม่ไหว หากอีกฝ่ายกลับวางแก้วเหล้าไว้ที่เดิม พร้อมร้องบอกออกมาแผ่วๆ
“เดี๋ยวมา”
“เอ้าไอ้นี่! สงสัยเจอสาวเดินลิ่วๆ เชียว ไอ้เพื่อนเวรเจอผู้หญิงแล้วทิ้งเพื่อน”
ออกปากบ่นแค่นั้น ก็หันมาจัดการกับเหล้าตรงหน้าต่อ หนำซ้ำยังร้องสั่งไปอีกขวดใหญ่ ชีวิตของลูกพญาอินทรีผู้ยิ่งใหญ่ ต้องมาตกม้าตายเพราะคำประกาศิตของคุณย่าบังเกิดเกล้า ยิ่งคิด เพลิงอัคนีก็ซัดเหล้าเข้าลำคอมากกว่าเดิม ไม่อนาทรต่อรสชาติอันขมจนกลืนแทบไม่ลงนั่นสักนิด
ช่วงขาเรียวยาวเต็มไปด้วยกล้ามเนื้ออย่างคนรักษาสมรรถภาพของตำรวจหนุ่ม ก้าวเร็วๆ นำพาตัวเองในชุดเสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนตัวเก่งไปหาหญิงสาวที่ตกเป็นเป้าสายตาเมื่อครู่ที่ผ่านมา เมื่อมาใกล้ๆ ถึงกับต้องยกมือขยี้ดวงตาหนักๆ คิ้วทั้งสองข้างย่นยู่เข้าหากัน ภาพตรงหน้าต้องร้องในใจว่าไม่คาดฝันที่จะเห็นเลยสักนิด
ตำรวจหนุ่มนอกเครื่องแบบ นำพาเรือนร่างกระชากใจสาวๆ แหวกฝูงชนจนคว้าเรียวแขนกลมกลึง ของน้องสาวในชุดสีม่วงองุ่นด้วยแววตาที่ไม่อยากเชื่อ มาถึงตัวแล้วยังต้องกะพริบตาปริบๆ
“ลูกจันทร์!”
ร้องเรียก พร้อมรั้งให้สาวน้อยบอบบางก้าวเดินห่างจากฝูงชนนั้น
นิศากร เทพฤทธิ์ หรือหนูลูกจันทร์ บุตรสาวผู้พันฤทธิ์ถึงกับเบิกตากว้าง วันนี้ต้องเกิดอาเพศใหญ่โตแน่ๆ เธอไม่น่าตกปากรับคำเพื่อนสนิท ว่าจะมาร่วมในงานฉลองการจบการศึกษาในครั้งนี้เลยสักนิด ดวงดันซวยมาเจอะเจอพี่ชายเข้าให้ เรียวปากบางสีกลีบกุหลาบอ้าพะงาบ เปล่งเสียงออกมาอย่างยากเย็น
“พะ...พี่เอก”
แรงขืนตัวของร่างบอบบางทำไมปลายเท้าที่จ้ำอ้าวอยู่นั้นหยุดชะงัก ไรขนสีจางๆ ของหนวดที่ทิ่มออกมาผ่านอณูเนื้อบริเวณปลายคางถึงกับเต้นยิกๆ
“มาทำอะไรที่นี่ คุณพ่อไม่รู้เรื่องนี้ใช่ไหม”
กระซิบเค้นเสียงลอดไรฟันถาม คนฟังแค่นยิ้มที่ฝืดเฝื่อน ระงับอาการเหงื่อแตกพลั่ก ยกมือเล็กปัดป้ายความร้อนชื้นที่เห่อขึ้นบริเวณขมับบาง ก่อนจะบอกออกไปเสียงสั่นๆ
“ลูกจันทร์แค่มาฉลองสอบเสร็จ ลูกจันทร์เรียนจบแล้วนะคะ มาเที่ยวกับเพื่อนบ้างก็แค่นั้น”
“แต่นี่มันสถานบันเทิงนะลูกจันทร์ พี่มั่นใจว่าท่านผู้พันกับคุณหญิงต้องไม่ชอบใจแน่”
ดวงตาของพี่ชายที่หวงน้องสาวไม่ต่างจากผู้เป็นบิดาถึงกับเบิกจ้า ดูชุดที่น้องสาวสวมใส่นี่อีก โชว์ความขาวเนียนเย้ายวนยิ่งกว่าอะไรอีก ถ้าหากไม่ทิ้งแจ็กเกตไว้ในรถ เชื่อมั่นได้เลยว่าชายหนุ่มจะสวมให้กับผู้เป็นน้องในทันที
“พี่เอกอย่ามองลูกจันทร์แบบนั้นสิคะ”
อดต่อว่าไม่ได้ ก็สายตาพี่ของเธอ กวาดมองขึ้นๆ ลงๆ ราวกับเธอเป็นคนประหลาด เล่นซะคนสวยหมดความมั่นใจหมด ผู้กองหนุ่มส่ายหน้าให้แทบไม่ทัน
“ก็ดูชุดที่เราใส่สิ ไอ้พวกผู้ชายในผับ ยิ่งบ้ากามกันอยู่ด้วย”
เค้นเสียงออกมาต่อว่าอย่างไม่จริงจังนัก เพราะดูๆ แล้วชุดที่น้องสาวสุดหวงเลือกสวมใส่ มันก็ไม่โชว์หวือหวามากนัก แต่แค่มันสั้นไปหน่อยเท่านั้นเอง สาบานได้หากคุณพ่อคุณแม่เห็นคงได้ลมจับกันแหละคราวนี้