ชายแดนอัฟกานิสถาน
ภายในฐานที่มั่นของกองทัพสหรัฐอเมริกา เบื้องหลังแนวบังเกอร์ป้องกันการโจมตีของข้าศึก เสียงปืนกลลั่นรัวถี่ยิบมาหลายนาทีไม่ได้หยุด ปลอกกระสุนที่สาดออกไปจากปากกระบอกปืนกลเกลื่อนกระจายอยู่เต็มพื้นทราย สลับกับลูกไฟที่พุ่งออกจากฐานยิงขีปนาวุธทำลายล้างอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย ตามสูตรการต่อสู้ป้องกันฐานทัพฉบับอเมริกาที่ต้องใช้กำลังทหารราบยิงสกัดป้องกันฐาน แล้วตามถล่มด้วยปืนใหญ่ ก่อนจะเรียกทันเดอร์โบกับอาปาเช่ เครื่องบินรบสมรรถนะสูงเข้ามาช่วยปูพรมยิงถล่มซ้ำอีกระลอก เพื่อให้ทหารราบบุกเข้าเคลียร์พื้นที่ได้สะดวก และที่กล่าวมาทั้งหมดนี้… คืองานของ ‘ลีโอ โดโนแวน’ ผู้บังคับกองพัน U.S. Army Rangers หน่วยทหารราบอันลือชื่อในเรื่องฝีมือการสู้รบของกองทัพบกสหรัฐอเมริกา
สามวันถัดมา กลางดึกของคืนหนึ่ง ที่บ้านโดโนแวน ซานฟราน ซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
“รอให้สว่างแล้วค่อยออกไปไม่ดีกว่าหรือลูก… ลีโอ”
ด้วยความเป็นห่วง รสรินรีบทักท้วงลูกชายคนเดียวที่เพิ่งกลับมาจากปฏิบัติภาระกิจกลางสมรภูมิรบในอัฟกานิสถานมาหยกๆ เมื่อสังเกตเห็นว่าชายหนุ่มออกอาการร้อนรนจะไปหาแฟนสาวซึ่งพักอาศัยอยู่ในอพาร์ทเมนท์ย่านลอมบาร์ดของซานฟรานซิสโก
“ไม่เป็นไรครับแม่…”
ตอบพลางลากกระเป๋าสัมภาระเข้าไปเก็บไว้ในห้องนอนของตัวเอง
“แน่ะ… ยังจะดื้ออีก”
รสรินเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ ทำราวกับลีโอเป็นเด็กๆ
แม้รู้ดีว่าลูกชายของตนอายุกำลังจะย่างเข้าสามสิบสี่ปีในอีกไม่ กี่วัน หากแต่ในสายตาของมารดาที่รักและเลี้ยงดูลูกชายมาอย่างใกล้ชิด ก็อดแสดงความเป็นห่วงไม่ได้
“ผมอยากเจอนาตาลีครับ ไม่ได้เจอกันตั้งสองเดือนมาแล้ว ลอมบาร์ดก็อยู่ใกล้แค่นี้เองครับแม่ ขับรถไปเดี๋ยวเดียวก็ถึง”
ด้วยสีหน้าและแววตาดื้อดึงมาแต่ไหนแต่ไร นายทหารเลือดร้อนให้เหตุผลกับมารดาขณะก้าวยาวๆ เข้าไปในห้องนอนของตัวเอง
ลีโอรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าจากเครื่องแบบทหารบกชุดลายพรางเต็มยศจนแลดูน่าอึดอัด ใช้เวลาเพียงครู่สั้นๆ เขาก็ออกมาในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ซึ่งสบายกว่า
นานเกือบสามเดือนมาแล้วที่รสรินไม่ได้เห็นหน้าลีโอชัดๆ เหมือนในตอนนี้ สายตาภาคภูมิใจของหล่อนแทบไม่ละจากใบหน้าหล่อเหลาของลูกชาย
ลีโอมีดวงตาสีน้ำตาลชวนฝัน เหมือนกับดวงตาของเดวิดผู้เป็นสามีของหล่อนไม่มีผิดเพี้ยน แพขนคิ้วระบายแนวดกหนาอยู่เหนือกรอบดวงตาซึ่งแฝงประกายคมกริบ ดุจเดียวกับดวงตาของราชสีห์ สมกับชื่อ ‘ลีโอ’ จมูกโด่งเป็นสันสวย หน้าผากกว้างเกลี้ยงเกลา รับกับทรงผมที่ตัดสั้นเกรียนคล้ายสกินเฮดยิ่งเน้นให้เห็นรูปทรงศีรษะสวย ริมฝีปากหยักลึกซึ่งในบางครั้งก็ทำให้เขาดูดุ หากแต่ใบหน้าคมคร้ามหน้ายำเกรงนั้นก็สามารถคลี่คลายไปสู่รอยยิ้มอ่อนโยนและอบอุ่นได้อย่างเหลือเชื่อ ในขณะที่หันมาสบตากับรสรินผู้เป็นมารดาของตน
“ขับรถดีๆ นะลูก… แม่เป็นห่วง”
รสรินร้องสั่ง เมื่อเห็นว่าห้ามไม่หยุด ฉุดไม่อยู่ จึงทำได้แค่มองตามคนตัวใหญ่ที่กำลังจะจากไปด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใยเสียเหลือเกิน
หล่อนรู้จักลูกชายของตัวเองดีกว่าใคร ลีโอเป็นคนใจร้อน มีความเป็นตัวเองสูง ลองได้ตัดสินใจทำอะไรลงไปแล้วละก็ ต่อให้เอาช้างมาฉุดก็ไม่อยู่
“ครับแม่…”
ลีโอตะโกนตอบกลับมา หากแต่ในขณะที่ขายาวๆ กำลังจะก้าวพ้นกรอบประตูออกไป ดวงตาของมารดาที่ทอดมองอย่างเป็นห่วง ก็ทำให้คนเป็นลูกชายต้องหมุนตัวกลับมาสวมกอดหล่อนอีกครั้ง
“เดี๋ยวผมมานะครับ”
บอกพลางหอมแก้มมารดาฟอดใหญ่สลับไปมาทั้งซ้ายขวา เสียงดังฟืดฟาดอย่างประจบประแจงเอาใจ ด้วยกลัวว่ารสรินจะน้อยใจที่เขาให้ความสำคัญกับแฟนสาวจนถึงกับอดทนรอให้ถึงรุ่งเช้าไม่ไหว
หลายนาทีต่อมา
“อ้าว… ลีโอไปแล้วรึโรส”
เดวิดผู้เป็นบิดาของลีโอ ซึ่งขณะนั้นยังอยู่ในชุดนอนลายทาง เพิ่งเดินลงมาจากบันไดชั้นสองของบ้าน เอ่ยถามกับรสรินที่ยืนมองส่งลูกชายตาละห้อยอยู่ที่หน้าประตูบ้าน
ทั้งเดวิดและลูกชายมักจะเรียกรสรินว่า ‘โรส’ จนติดปาก ด้วยออกเสียงได้ง่ายกว่า ‘รสริน’ ซึ่งเป็นชื่อจริงของเธอ ตอนแรกเดวิดเรียกชื่อ ‘รสริน’ ผิดเพี้ยนไปเป็น ‘โรสราเลน’ แต่หล่อนกลับไม่ชอบ ด้วยคำว่า ‘โรสลาเรน’ ในภาษาฝรั่งเศสนั้นแปลว่า ‘กุหลาบราชินี’ ซึ่งฟังดูเลิศหรูและสูงส่งเกินไป เพราะเธอตระหนักดีว่าตัวเองเปรียบเสมือนดอกหญ้าที่เกิดและเติบโตมาในครอบครัวของชาวนาจนๆ หากแต่ความทะเยอทะยานของวัยสาว ก็ผลักดันให้ข้ามผ่านอุปสรรคขวากหนามในชีวิตต่างๆ นานา กระทั่งได้มาพบรักกับเดวิดในที่สุด
“โน่นแน่ะ ขับรถออกไปแล้ว รีบร้อนจะไปหาสาว… บอกว่ารอให้เช้าก่อนแล้วค่อยไปก็ไม่เชื่อ… ดื้อรั้นออกปานนั้น ให้มันได้อย่างนี้สิลูกชายตัวดีของคุณ”
น้ำเสียงกระเง้ากระงอดของรสรินบอกความน้อยใจในตัวลูกชายจนเดวิดผู้เป็นสามีรู้สึกได้
“เข้าใจหัวอกผู้ชายหน่อยเถอะคุณ… ”
“แน่ะ… ยังจะมาเข้าข้างกันอีก ผู้ชายนะผู้ชาย”
รสรินขึงตาใส่สามี
“อย่าลืมว่าคราวนี้มันไปนานตั้งสามเดือน พอกลับมาก็ย่อมจะหิวโซเป็นธรรมดา… ไม่เอาน่าโรส เสือหิวก็เป็นอย่างนี้แหละคุณ เลือดหนุ่มฉกรรจ์มันกำลังแรง”
เดวิดเอ่ยอย่างคนที่เข้าใจหัวอกของผู้ชายด้วยกันเป็นอย่างดี เขาเองก็เป็นอดีตนายทหารของกองทัพบกสหรัฐอเมริกาที่เคยผ่านร้อนผ่านหนาวกลางสมรภูมิรบมาอย่างโชกโชน ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเวลาคิดถึงคนรักที่ต้องอยู่ห่างไกลกันนั้นเลือดหนุ่มมันพลุ่งพล่านได้ขนาดไหน โดยเฉพาะคนที่ต้องไปใช้ชีวิตนอนกลางดินกินกลางทรายอยู่ในสมรภูมิรบอันแร้นแค้นนานถึงสามเดือนอย่างลีโอ
“นี่คุณ… แทนที่จะช่วยกันห้ามปรามลูกชาย กลับให้ท้ายกันเสียนี่”
รสรินส่งสายตาค้อนขวับให้กับสามีเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วน โทษฐานที่เห็นดีเห็นงามไปกับลูกชายที่เพิ่งขับรถพ้นประตูบ้านออกไปด้วยความใจร้อน
“โธ่ โรสจ๋า… คุณก็น่าจะเข้าใจ”
“เข้าใจอะไรคะเดฟ…”
รสรินแกล้งทำเป็นเข้าใจอะไรยากขึ้นมาทันที
“ก็เข้าใจว่าว่าเลือดหนุ่มมันกำลังร้อนรุ่มน่ะสิ
“อิอิ… ” เดวิดทำหน้าทะเล้น แอบหัวเราะอยู่ในลำคอ
“หัวเราะอะไรคะคุณ”
“ก็ลืมไปแล้วหรือว่าตอนที่ผมต้องไปประจำการอยู่ในอิรักนานหลายเดือน ตอนนั้นผมคิดถึงคุณแทบขาดใจ…