ร่างบางในชุดนอนแบบเสื้อเชิ้ตตัวยาวสีขาว สั้นเหนือเข่าขึ้นไปเป็นคืบเดินลงมาเอาน้ำเปล่าในห้องครัวอีกครั้ง หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ครั้งนั้น เธอก็ไม่เคยลืมที่จะเตรียมหยิบน้ำขึ้นไปไว้ที่ห้องนอนของเธออีกเลย แต่วันนี้เธอดันลืมเสียนี่
เมื่อได้น้ำเปล่าขวดใหญ่แล้ว เธอก็เดินกลับห้อง โดยจะต้องเดินผ่านห้องอาหารและบาร์เหล้าอีกครั้ง และครั้งนี้เธอก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อมีเสียงทุ้มดังขึ้น และมีคนตัวโตขยับเข้ามาประชิดร่างของเธอจากทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว
“ลงมาทำอะไร”
เธอยืนตัวแข็งค้างกับสัมผัสร้อนผ่าวที่ข้างแก้ม กลิ่นแอลกอฮอล์อ่อนๆ จากเขามันทำให้เธอแทบจะมึนเมาตามไปด้วย
“เอ่อ ลงมาเอาน้ำค่ะ พั้นช์หิวน้ำ”
เขาก้มลงมองผ่านบ่าบอบบางของเธอไปทางด้านหน้า ก็เห็นเธอกอดขวดน้ำขวดใหญ่เย็นเจี๊ยบไว้แนบอก ด้วยมืออันสั่นเทา
“ฉันว่าเธอแต่งตัวโป๊ไปนะ”
“ขะ ขอโทษค่ะ พั้นช์เห็นว่าดึกแล้ว ไม่คิดว่าจะมีคนอยู่ข้างล่าง คราวหน้าจะใส่เสื้อคลุมลงมาค่ะ”
เขาชะโงกหน้าไปมองด้านหน้าของเธออีกครั้ง ก็เห็นปลายยอดอกเล็กๆ ที่มันดุนดันเสื้อนอนของเธอออกมาก็อมยิ้มพอใจ
“ไม่ใช่ชุดนี้ แต่เป็นชุดออกงานของเธอต่างหาก มันแหวกลึกทั้งหน้าทั้งหลัง ฉันว่ามันเกินงามไปหน่อย หรือเป็นประเภทชอบโชว์กันนะ”
“ไม่เห็นว่าจะโป๊อะไรซักหน่อย ใครๆก็ใส่กัน แฟนคุณยังใส่โป๊กว่าพั้นช์อีก”
ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เธอกล้าเถียงเขาออกไปแบบนั้น ทั้งๆที่ปกติ ยังแทบไม่ค่อยกล้าจะสบตากับเขาตรงๆเลยสักครั้ง
“เธอเถียงฉันหรอ”
“มะ ไม่ใช่ค่ะ พั้นช์แค่อธิบาย แล้วพั้นช์ก็โตแล้วด้วย”
อืม เธอโตแล้ว เขาไม่เถียง เพราะผู้ชายมันมองเธอตาเป็นมันกันทั้งงานเลย ไม่เว้นแม้แต่เขา ที่แทบจะละสายตาไปจากใบหน้าหวานๆ และเรือนร่างที่แสนเย้ายวนของวัยแรกสาวนี่ไม่ได้เลยจริงๆ
“แปลว่าเธอชอบโชว์ ชอบให้ผู้ชายมามอง แล้วคิดอะไรสกปรกๆ กับเรือนร่างของเธอใช่ไหม”
“ไม่มีใครเขาคิดอะไรสกปรกๆ แบบที่คุณว่าหรอกค่ะ แล้วพั้นช์ก็ไม่ได้อยากที่จะใส่ชุดนั้นสักหน่อย”
“แล้วใส่ทำไม ทำไมไม่ใส่ชุดอื่นที่มันเรียบร้อยกว่านี้”
เขาพ่นลมหายใจร้อนๆ ใส่ที่ข้างแก้มและซอกคอของเธออีกครั้ง จนขนอ่อนลุกซู่ไปทั่วกายสาว
“ตะ แต่ป้าพิมพ์เป็นคนเลือกให้ พั้นช์ต้องใส่ตามนั้นนี่คะ”
“หึ เป็นเด็กดี เชื่อฟังแม่ฉันทุกอย่าง ถ้าแม่ฉันสั่งให้เธอทำอะไรแบบที่เธอไม่ชอบ เธอก็จะทำหรอ”
“ค่ะ พั้นช์จะทำ เพราะพั้นช์เป็นหนี้บุญคุณของป้าพิมพ์ ป้าพิมพ์อุตส่าห์รับพั้นช์มาดูแล แถมยังให้ความรักความอบอุ่นกับพั้นช์ อะไรที่ป้าพิมพ์อยากให้พั้นช์ทำ พั้นช์พร้อมตอบแทน”
เธอยังคงยืนกอดขวดน้ำนิ่งๆ หันหลังให้เขาเหมือนเดิมไม่ยอมขยับกายไปไหน ไม่รู้ว่าไม่อยากเห็นหน้าคนเมา หรือเพราะขาของเธอก้าวไม่ออกกันแน่
“ดี งั้นฉัน ในฐานะลูกของแม่ ก็มีสิทธิ์เรียกร้องการตอบแทนจากเธอเหมือนกันสินะ”
มือใหญ่สวมกอดเธอจากทางด้านหลัง รั้งให้ตัวเธอขยับมาชิดกับอกแกร่งของเขา จมูกโด่งฉกวูบไปที่แก้มนวลของเธออย่างรวดเร็วแบบที่เธอยังไม่ทันได้ตั้งตัว
“อ๊ะ คุณพีท ปล่อยพั้นช์”
หญิงสาวร่างบางดิ้นรนให้พ้นจากอ้อมกอดของเขา แต่ยิ่งดิ้นก็เหมือนเขาจะยิ่งรัดเธอแรงขึ้น จนตอนนี้ร่างกายทุกส่วนของเขากับเธอ มันแนบกันจนชิดจนไม่มีที่ว่างให้อากาศเล็ดลอดผ่านไปได้แล้ว
“ปล่อยนะ”
เธอยังคงพยายามดิ้นรนขัดขืน และเบี่ยงใบหน้าหนีเขา แต่ยิ่งเป็นการเปิดทางให้เขารังแกเธอได้ง่ายขึ้น เมื่อจมูกโด่งของเขาตรงเข้าซุกไซ้ซอกคอของเธออย่างหื่นกระหายทันที
“อืมมม พั้นช์”
“หยุดนะ คุณเมามากแล้ว ปล่อยพั้นช์นะ”
เธอยังพยายามดิ้นอีกครั้ง และครั้งนี้เธอก็ทำมันได้สำเร็จ เมื่อเท้าน้อยๆของเธอ กระทืบลงที่เท้าของเขาเต็มแรง
“โอ๊ยยยย”
เมื่อหลุดออกจากอ้อมกอดที่แข็งราวครีมเหล็กของเขาได้ เธอก็วิ่งฝ่าความมืดขึ้นห้องนอนของเธอไปทันที โดยที่ไม่หันกลับมามองคนตัวโตที่ทรุดกายลงนั่งที่พื้นแล้วร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดอีกเลย
“โอยยย ยัยเด็กแสบ คิดว่าฉันพิศวาสเธอนักหรือไง แค่แกล้งเล่นนิดหน่อยต้องทำขนาดนี้เลยหรอวะ อย่าให้ฉันมีโอกาสอีกครั้งนะ ฉันเอาเธอจริงๆแน่”
คนตัวโตลุกขึ้นเดินเขย่งขาไปทิ้งตัวลงนอนที่โซฟาในห้องนั่งเล่น เพราะตอนนี้ทั้งเมาทั้งเจ็บเท้า คงฝืนสังขารเดินขึ้นบ้านไม่ได้แล้ว
เมื่อเข้าห้องนอนของตัวเองมาได้ ก็กดล็อกประตูทันที ร่างบางทิ้งแผ่นหลังพิงบานประตูเอาไว้ มือเล็กกดไปที่หัวใจที่มันเต้นกระหน่ำรุนแรงด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าเขาจะเมาจนขนาดสติแบบนี้ ถ้าเธอไม่กระทืบเท้าเขา ตัวเล็กๆแบบเธอไม่มีทางสู้แรงของเขาไหว สุดท้ายแล้วจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่อาจคาดเดาได้เลย
“เกือบไปแล้ว เมาซะขนาดนั้น เขาจะรู้ไหมว่าทำอะไรลงไปบ้าง เห้อ พรุ่งนี้จะมองหน้าเขายังไงดีเนี่ย”
เช้าที่ไม่ค่อยจะสดใสสักเท่าไหร่สำหรับเธอ เพราะเมื่อคืนดันมีเรื่องมากวนใจให้เธอคิดไม่ตก จนนอนแทบไม่หลับ แต่เมื่อออกจากห้องมาได้ก็เจอเข้ากับลุงพอลและป้าพิมพ์ ที่เดินจับมือกันกะหนุงกะหนิงเหมือนคู่รักหนุ่มสาวก็ไม่ปาน
“อ้าวพั้นช์ ตื่นเช้าจังลูก วันนี้ไม่มีเรียนไม่ใช่หรือ เมื่อคืนก็นอนดึก ทำไมไม่นอนอีกหน่อยล่ะ”
นอนดึกหรือ เธอแทบไม่ได้นอนเลยต่างหาก แต่จะให้พูดออกไปได้อย่างไร มีหวังป้าพิมพ์ได้เรียกเขามาต่อว่า แล้วจะกลายเป็นเรื่องใหญ่โต คราวนี้คงต้องโดนเขากลั่นแกล้ง จนอยู่บ้านหลังนี้ต่อไปไม่ได้แน่ๆ
“พั้นช์จะลงไปช่วยป้าอังกาบทำอาหารเช้าค่ะ”
“งั้นลงไปพร้อมป้า ว่าจะลงไปดูอาหารที่ลุงเขาชอบพอดี”
เมื่อทั้งหมดลงมาถึงข้างล่าง ก็เจอเข้ากับเด็กรับใช้ที่ยืนเก้ๆกังๆอยู่หน้าห้องนั่งเล่น ไม่กล้าเข้าไปทำความสะอาด เจ้าของบ้านจึงเอ่ยถามขึ้น
“มีอะไรยัยส้ม ไม่เข้าไปทำความสะอาด มัวมายืนทำอะไรอยู่”
“เอ่อ คุณพีทนอนหลับอยู่ข้างในค่ะ ส้มไม่กล้าเข้าไปกวน”
“อ้าว ตายจริง ทำไมตาพีทมานอนอยู่ตรงนี้ได้”
“สงสัยเมื่อคืนคงเมามากค่ะ ก่อนปิดบ้านหนูเห็นคุณพีทนั่งดื่มอยู่ที่บาร์เหล้า”
“อืมๆ ไปทำห้องอื่นก่อนเถอะส้ม เดี๋ยวฉันดูเอง พั้นช์ เข้าไปดูพี่พีทกันลูก ไม่รู้เมาอะไรขนาดนั้น”
พิมพ์มาดาเดินจูงมือสาวน้อยของตัวเองพร้อมด้วยสามีเดินเข้าไปในห้องทันที
“พีท”
สามีที่ฟังภาษาไทยก่อนหน้านี้ไม่รู้เรื่อง จึงไม่ได้เข้าใจเรื่องราวอะไรมาก่อน เมื่อเข้าห้องมาเจอลูกชายนอนตากแอร์อยู่ก็ตกใจ รีบเข้าไปดูทันที
“ที่รัก ทำไมลูกมานอนอยู่ที่นี่”
“ยัยส้มว่าแกเมาน่ะค่ะ สงสัยเมื่อคืนขึ้นบ้านไม่ไหว”
พิมพ์มาดาจึงจูงมือพาขวัญ เข้ามานั่งใกล้ๆกับโซฟาตัวที่เขานอนอยู่ แล้วคนเป็นแม่ก็ปลุกลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่เมาไม่รู้เรื่องทันที
“พีท ลูก อุ๊ยคุณ ลูกตัวร้อนจี๋เลย”
ทันทีที่แตะมือลงไปบนตัวของลูกชาย ก็ต้องรีบชักมือกลับ เพราะร่างกายหนั่นแน่นที่นอนหลับไม่รู้เรื่องนั้นร้อนราวกับไฟ
“พั้นช์ โทรตามพี่หมอให้ป้าหน่อยลูก เดี๋ยวป้าจะให้หนุ่มๆช่วยกันพาพี่เขาขึ้นไปนอนบนห้อง”
พาขวัญรีบกดโทรศัพท์มือถือของตัวเอง โทรหาหมอเหมราช ลูกพี่ลูกน้องของคนที่นอนป่วยอยู่ ที่เขาเคยถูกเรียกตัวมาตรวจอาการให้ก่อนหน้านี้ไปรอบหนึ่งแล้ว
ไม่นาน หมอเหมราชก็มาถึง และตรวจอาการให้เบื้องต้นก็พบว่าเขาเป็นไข้ เนื่องจากร่างกายพักผ่อนน้อยเพราะหักโหมงานหนักมานาน รวมทั้งเมื่อคืนนอนตากแอร์โดยไม่มีผ้าห่มปกคลุมร่างกายสักผืน และเมื่อหมอตรวจร่างกายก็พบว่าที่เท้าของเขาแดงช้ำเป็นจ้ำ เหมือนมีอะไรแข็งๆตกกระแทกอีกต่างหาก
“ท่าทางจะเมามากนะครับน้าพิมพ์ ถึงได้ทำอะไรหล่นใส่เท้าจนแดงช้ำขนาดนั้น ท่าทางนี่ก็คงเป็นอีกเหตุผลนึงให้เจ้าพีทมันขึ้นบ้านไม่ไหว ทั้งเมาทั้งเจ็บเท้า เลยนอนตากแอร์อยู่ที่ห้องนั่งเล่นจนป่วยแบบนี้ครับ”
“เห้อ ร่างกายก็ไม่ค่อยได้พัก ยังจะห้าวไปนั่งดื่มคนเดียวอีก”
“อาจจะฉลองตำแหน่งใหม่ก็ได้ครับ แต่ทีนี้ร่างกายอ่อนเพลียเป็นทุนเดิมเลยเมามากไปหน่อย”
พาขวัญก้มหน้างุด เธอรู้ว่ารอยจ้ำแดงที่เท้าของเขาได้มาได้อย่างไร เพราะเธอเป็นคนทำให้มันเกิดขึ้นด้วยตัวเธอเอง จึงรู้สึกผิดไม่น้อย เพราะถึงแม้ว่าเขาจะเมามาก แต่ถ้าไม่เจ็บเท้าขนาดนั้น คงเดินขึ้นบ้านไหว และคงไม่ต้องมาเป็นไข้นอนซมไม่รู้เนื้อรู้ตัวแบบนี้หรอก
“ยังไงก็หมั่นเช็ดตัวให้เจ้าพีทมันหน่อยนะครับ ผมฉีดยาแก้ไข้ให้แล้ว ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงมาก แล้วถ้าตื่นขึ้นมาก็ค่อยทานยาลดไข้ ถ้าตัวยังร้อนอยู่ ยังไงรบกวนหาคนเฝ้าไว้สักคนนะครับเผื่อเช็ดตัวและดูแลเรื่องป้อนยาครับ”
“จ้ะ ขอบใจมากลูก อยู่ทานข้าวเช้ากันก่อนไหมเหม”
“ไม่เป็นไรครับน้าพิมพ์ เดี๋ยวผมกลับเลยดีกว่าครับ พอดีวันนี้ต้องเข้าเวร”
“งั้นเดี๋ยวพั้นช์ลงไปส่งนะคะพี่หมอ”
“ขอบคุณครับ”
หมอหนุ่มรูปหล่อยิ้มหวานให้เธอแล้วเดินตามเธอลงไปด้านล่าง
“พั้นช์เป็นยังไงบ้างครับ เรียนหนักไหม”
“สบายดีค่ะ ช่วงนี้จะสอบแล้ว เลยต้องไปติวกันนิดหน่อย แต่ยังไม่มีอะไรหนักหรอกค่ะ เพิ่งปีหนึ่งเอง”
“ถ้ามีอะไรที่พี่ช่วยได้ พี่ยินดีนะ พั้นช์ไลน์หาพี่ได้ตลอดเวลา”
“ขอบคุณมากค่ะ”
“แล้วถ้าพี่จะไลน์หาพั้นช์บ้าง พั้นช์จะว่าอะไรไหมครับ”
“ไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ ถ้าพี่หมอว่าง ก็ไลน์มาได้ค่ะ พั้นว่างแทบตลอดเวลาอยู่แล้ว”
ดวงตาคมกริบมอบสบตากับเธอด้วยแววหวาน เขาอมยิ้มน้อยๆส่งให้เธอ ไม่รู้ว่าสาวน้อยคนนี้จะรู้หรือเปล่าว่าเขาคิดอะไรกับเธอ มากกว่าแบบที่เธอคิดกับเขา แต่เด็กที่ดูท่าทางเรียบร้อยและอยู่ในความดูแลของพิมพ์มาดาแบบนี้ เขาคงไม่ต้องรีบร้อนอะไร รอให้เธอโตกว่านี้อีกสักสองสามปีค่อยจีบเธอแบบจริงจังก็น่าจะยังไม่สาย เพราะขืนเขาทำอะไรกระโตกกระตากไปตอนนี้ เธออาจตื่นกลัวเขา หรือเขาอาจโดนพิมพ์มาดาต่อว่าเอาได้
“งั้นพี่กลับก่อนนะครับ”
“ค่ะ สวัสดีค่ะ”