บทนำ
บนป่านอกเมืองซึ่งห่างไกลจากในตัวเมืองราวร้อยลี้ หญิงสาววัยกำดัดกำลังเร่งฝีเท้าหนีอะไรบางอย่างอย่างสุดชีวิต ใบหน้างามแสดงกิริยาหวาดผวาราวกับตื่นกลัวภูตผีวิญญาณก็ไม่ปาน เหงื่อกาฬไหลโทรมกาย เสื้อผ้าที่นางสวมใส่ต่างเปียกชื้นอย่างเห็นได้ชัด
แสงจันทร์สาดส่องไปทั่วบริเวณผืนป่าที่รกชัฏ นำทางให้หญิงสาววิ่งหนีไปตามทางอย่างทุลักทุเล เสียงสวบสาบดังไล่หลังหญิงสาวอย่างไม่ลดละ หากลองฟังดีๆ คล้ายกับฝีเท้าของสัตว์ป่าก็ไม่ปาน ร่างอรชรได้ยินอย่างนั้นใบหน้างามงอนกลับซีดเผือดราวกับไก่ต้ม
ไม่นะ! ข้าจะไม่มีวันตกเป็นเหยื่อของพวกเจ้าอย่างแน่นอน ชั่วชีวิตนี้หากข้าต้องตกเป็นของเล่นให้ผู้อื่นย่ำยี มิสู้ตายไปจากโลกใบนี้เสียดีกว่า
หลันจิวฮวาหญิงสาวผู้มีชะตาอาภัพ ถูกบิดามารดาทอดทิ้งให้อยู่กับยายของนางตั้งแต่เด็กในหมู่บ้านทุรกันดาร หญิงสาวมีใบหน้างดงามหยาดเยิ้มเป็นที่หมายตาหมายใจของบุรุษทั่วทั้งหมู่บ้าน โฉมงามจึงตระหนักรู้ว่ารูปโฉมของตนนั้นนำภัยมาสู่ตัวเองอย่างมิอาจหยุดยั้งได้ นางจึงตัดสินใจหนีออกจากหมู่บ้านในราตรีนี้ ทว่าหญิงสาวกลับโชคร้ายถูกเหล่าอันธพาลในหมู่บ้านพบเห็นเข้า และวิ่งไล่ตามนางเข้ามาในป่าอย่างไม่ลดละ ใบหน้าของพวกมันราวกับฝูงหมาป่าที่กระหายเลือด กลุ่มอันธพาลพวกนั้นมีราวสี่ถึงห้าคนได้ พวกมันค่อยๆ วิ่งตามร่างอรชรอย่างใจเย็น ในแต่ละครั้งที่พวกมันก้าวย่างเหยียบเศษหญ้าเศษดินเพื่อไล่ต้อนนาง หัวใจของหลันจิวฮวาก็แทบตกไปที่ตาตุ่มอยู่รอมร่อ
เสียงหัวเราะปนเสียงหิวกระหายแว่วมาตามสายลมยามคิมหันต์เป็นระรอกคลื่น ชวนให้หลันจิวฮวาหนาวเหน็บแม้จะอยู่ในช่วงฤดูร้อนของปี ร่างแน่งน้อยรีบเร่งฝีเท้าออกแรงวิ่งอย่างสุดฤทธิ์ ดวงตาคู่งามแข็งกร้าวอย่างไม่อาจยอมพ่ายแพ้ต่อโชคชะตา เสียงหอบหายใจของหญิงสาวขณะวิ่งเริ่มถี่ชัดขึ้นเรื่อยๆ ทว่าโฉมงามก็ยังฝืนกายวิ่งไปข้างหน้าแม้ว่าขาน้อยๆ ของนางจะเริ่มอ่อนแรง
พลั่ก! ตุบ!
โชคชะตากลับช่างไม่เข้าข้างหญิงสาวเลยสักนิด เท้าเจ้ากรรมของนางพลันไปสะดุดตอไม้ที่ขวางทางจนได้ ร่างอรชรกลิ้งหลุนๆ ไปตามพื้นราวสิบเซี๊ยะ* ทั่วทั้งร่างของหญิงสาวเต็มไปด้วยเศษหญ้าเศษดินติดตามตัว ทำให้เสื้อผ้าของนางขาดหลุดลุ่ยไม่เป็นระเบียบ
แสงจันทร์สว่างจ้าในยามค่ำคืนสาดส่องมาทางร่างแน่งน้อยอย่างเป็นใจ หลันจิวฮวาพยายามฝืนความเจ็บปวดยันกายลุกขึ้น แต่ขาทั้งสองข้างของนางกลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง มันทั้งชาและคล้ายกับว่าจะไร้ความรู้สึก
แย่แล้ว! เหตุใดขาทั้งสองข้างของข้ากลับเป็นเช่นนี้...
จู่ๆ ความเจ็บแปลบก็แล่นขึ้นสมองของนางในทันที ทำเอาใบหน้างามถึงกับเหยเกด้วยความเจ็บปวด
ขาของข้า... ไม่นะ!
เสียงสวบสาบค่อยๆ ใกล้เข้ามาอย่างกระชั้นชิด บีบให้ร่างอรชรต้องใช้มือทั้งสองข้างค้ำยันร่างกายและพาร่างอันหนักอึ้งของตนออกไปจากเส้นทางสายนี้ให้จงได้ แต่ทุกสิ่งอย่างก็เป็นเพียงความคิดของหลันจิวฮวาเท่านั้น เพราะกลุ่มชายกักขฬะกำลังย่างก้าวเดินเข้ามาหานางอย่างช้าๆ พวกมันแสยะยิ้มเลียมุมปากอย่างหิวกระหาย แถมยังโห่ร้องกู่ก้องด้วยความปิติยินดีอย่างไม่เกรงกลัวฟ้าดิน จนร่างอรชรถึงกับสั่นสะท้านหวาดกลัว
“ฮวาเอ๋อร์จ้ะ มาเป็นของพวกข้าเสียดีๆ เถอะ” ชายหนุ่มหนึ่งในห้าเอ่ยขึ้นพลางผิวปากอย่างชอบใจ ก่อนที่จะย่างสามขุมมาหาร่างแน่งน้อยที่ตัวสั่นงันงกอยู่บนพื้น
“ไม่!!!” เสียงกรีดร้องของหลันจิวฮวาดังก้องไปทั่วผืนป่ายามราตรีปริ่มจะขาดใจ แต่กลับไม่มีผู้ใดรับรู้ถึงความทุกข์ตรมของนางแม้แต่เพียงผู้เดียว
“จุ๊ๆ อย่าเสียงดังไปสิจ๊ะแม่นางน้อย ประเดี๋ยวมังกรของข้าจะตื่นเอานะ ฮ่าๆ” กลุ่มชายกาฬขระทั้งห้าพากันหัวเราะดังลั่นอย่างชอบใจ คำพูดของพวกมันต่างโลมเลียหญิงสาวอย่างไม่ละเว้น
“เดรัจฉานเช่นพวกเจ้า...สักวันฟ้าดินต้องลงโทษพวกเจ้าแน่นอน!”
“ฮ่าๆ แล้วข้าจะรอดูว่าเจ้าจะปากเก่งเช่นนี้ได้สักกี่น้ำ เก็บเสียงของเจ้าเอาไว้ร้องครวญครางใต้ร่างพวกข้าเสียดีกว่านะ” กลุ่มชายอันธพาลทั้งห้าเดินมาห้อมล้อมร่างหญิงสาวจนเป็นวงกลม พวกมันต่างแสยะยิ้มเลียมุมปากด้วยความหิวกระหาย สายตาของพวกมันต่างโลมเลียและปลดเปลืองเสื้อผ้านางอย่างไม่อายฟ้าดิน
“ต่ำช้า! สารเลว อื้อ...” หลันจิวฮวาพูดได้แต่เพียงเท่านั้นเสียงของนางก็ขาดหายไปในลำคอ ลิ้นสากกระด้างของหนึ่งในอันธพาลใจทรามล้วงทะลวงปากของนางอย่างหื่นกระหายและเอาแต่ใจ
“พวกเจ้า ผู้ใดจะเป็นคนต่อไป” ชายหน้าบากเอ่ยถามขึ้น ขณะที่หัวหน้าของพวกมันเริ่มลงมือจัดการคนงามก่อนเป็นคนแรก
ชายหัวล้านพูดขึ้น “จับไม้สั้นไม้ยาว ผู้ใดได้ไม้สั้นที่สุดก็เป็นคิวถัดไป…”
“ได้ ถ้าอย่างนั้นเรามาเริ่มกันเถอะ!” เสียงโห่ร้องอย่างชอบใจของกลุ่มเดรัจฉานทั้งห้าหาได้มีความสงสารหลันจิวฮวาไม่ พวกมันผลัดคิวกันจับไม้สั้นไม้ยาวอย่างมีความสุข เพราะเบื้องหน้าของพวกมันคือของหวานอันโอชะที่นานๆ ทีพวกมันจะได้มีโอกาสได้ลิ้มลอง
* 1 เซี๊ยะเท่ากับ 10 นิ้ว