“ที่ผมจ้างให้คุณมาสอนผมถึงที่นี่ก็เพราะว่าผมไม่ถนัดการเต้นลีลาศ เคยเต้นเป็นจริงเป็นจัง และนั่นก็นานมาแล้ว ผมแทบจะจำจังหวะของมันไม่ได้และคงต้องอายแขกเหรื่อแน่ ๆ ในวันเปิดตัวบริษัทใหม่ของเพื่อนสนิท เขาเชิญผมไปร่วมงานเลี้ยงที่อิตาลีสัปดาห์หน้า”
“จริง ๆ แล้วนายอาจจะจ้างครูสอนลีลาศจากสถาบันชื่อดัง...เอ้อ...ฉันไม่ได้เก่งกาจอะไรมากมายขนาดที่นายจะ...ไว้วางใจได้”
“ทำไมต้องถ่อมตัวล่ะจีน...ผมรู้ว่าคุณได้รับรางวัลนักเต้นลีลาศยอดเยี่ยมระดับประเทศ และการที่จะติดต่อให้คุณมาสอนผมเป็นการส่วนตัวก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เสียด้วย”
เขากล่าวเหมือนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเธอซึ่งทำให้จิณณ์ยิ่งแปลกใจแต่หญิงสาวก็ต้องเก็บความสงสัยเหล่านั้นไว้เพราะตอนนี้สิ่งสำคัญคือต้องทำตัวยังไงต่อหน้าเขาต่างหาก
“สัปดาห์หน้านายจะเดินทางไปอิตาลีอย่างนั้นหรือ?”
“อืม...ใช่...ผมต้องไปร่วมงานเปิดตัวบริษัทใหม่ของเพื่อนสนิท แต่ในช่วงสัปดาห์นี้ผมจะให้คุณพักที่นี่ ผมให้แม่บ้านจัดเตรียมห้องไว้ให้คุณแล้ว และในช่วงเวลานี้อยากให้คุณสอนผมเต้น...เอ้อ...ลีลาศ”
“ฉันว่าฉันคงไม่รบกวนนายดีกว่า ที่พักในเมืองมีออกเยอะแยะ”
“แต่คุณต้องสอนเต้นผมทุกวัน และอาจจะกำหนดเวลาที่แน่นอนไม่ได้ด้วย”
“แต่ฉันเป็นครูสอนนะ ฉันต่างหากที่ต้องกำหนดเวลาเรียน”
“แต่คุณรับค่าจ้างจากผม”
จิณณ์เลิกคิ้วและเอียงคอ “นี่นายกำลังจะบอกว่าฉันเป็นลูกจ้างของนาย ฉันไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจ”
“อย่าทำเสียงแบบนั้นซี มันทำให้ผมนึกถึงตอนที่เราอยู่มหาลัยนะ”
พายัพยกมือเหมือนอยากสงบศึกแต่คำพูดของเขาทำให้หญิงสาวคิดไปถึงสมัยเป็นนักศึกษา เขาชอบแซวเธอเล่นและเธอก็ชอบด่าทอเขากลับด้วยสีหน้าถมึงทึงที่เขาชอบเรียกเธอว่านางยักษ์ขโมขี ชั่วครู่จิณณ์ก็ปรับอารมณ์ให้เย็นลง
“โอเค...ฉันจะพักอยู่ที่นี่ นายอยากจะให้ฉันทำอะไรบ้างล่ะ?”
“ก็สอนผมเต้นลีลาศ ทุกเวลาที่ผมอยากเรียน แม้แต่ตอนดึก ๆ”
“ไม่มีปัญหา”
“ตอนเที่ยงคืนคุณก็สอนผมไหวใช่มั้ย?”
จิณณ์เงียบไป หญิงสาวจ้องหน้าเขาและคิดว่าพายัพอาจกำลังเล่นสงครามประสาทกับเธอ นี่เธอคิดผิดหรือถูกกันแน่ที่รับงานนี้ ถ้ารู้แต่แรกว่าเขาคือพายัพ คนนั้นเธอจะรีบปฏิเสธในทันที
“ไหวสิ...ว่าแต่นายจะเรียนไหวหรือเปล่า”
“ผมสละเวลางานเพื่อการเรียนเต้นลีลาศทั้งสัปดาห์นี้เลยล่ะ ผมเคยไม่ชอบการเต้นรำแบบนี้ แต่คิดว่าอาจทำได้”
“มันไม่ยากหรอกนะถ้านายตั้งใจ ลีลาศเป็นอะไรที่สนุกถ้านายตั้งใจกับมัน”
“ความจริงผมไม่ชอบเต้นรำ”
เขากล่าว คำพูดนั้นอาจทำให้บทสนทนาสะดุดลงเล็กน้อย แต่ดวงตาสีฟ้าเป็นประกายของผู้พูดกลับจับจ้องบนใบหน้าของครูสอนเต้นลีลาศสาวใบหน้าจิ้มลิ้ม ใบหน้าแสนหวานของจิณณ์มีลักยิ้มเล็ก ๆ ที่ช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้ดูน่ามองและมันก็ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกดีขึ้นมาได้อย่างน่าประหลาด จิณณ์ฝืนยิ้มและหรุบเปลือกตาลงกระทั่งเขากล่าวต่อ
“ผมก็เลยอยากลองเรียนรู้ในสิ่งที่ผมไม่ชอบ...อยากรู้ว่ามันเป็นยังไง”
คราวนี้หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา เธออยากจะยิ้ม ซึ่งเป็นแค่ยิ้มแบบแค่น ๆ เท่านั้น
“การเต้นรำทำให้จิตใจของเราเบิกบาน ถึงยังไงฉันก็มาที่นี่แล้ว ฉันจะตั้งใจสอนนาย สอนให้นายได้เรียนรู้ในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ”
“แล้วจะเป็นไรมั้ยจีน ถ้าผมอยากให้คุณเริ่มสอนผมตอนนี้เลย”
หญิงสาวชะงักไปเล็กน้อย เธอยังไม่ทันได้เตรียมตัวด้วยซ้ำเพราะมัวแต่ตื่นเต้นกับการได้มาเยือนสถานที่อันน่ารื่นรมย์อย่างภูเก็ต ไข่มุกแห่งอันดามันอันงดงาม และการได้มาอยู่ตรงหน้าลูกศิษย์ที่เธอนึกไม่ถึงว่าเขาจะเป็นคนที่เคยไม่ชอบหน้ากันแม้ว่ามันจะนานมาแล้ว เขาจะไม่ให้เวลาเธอได้ตั้งตัวสักนิดเลยเชียวหรือนี่
“ก็...โอเค” จิณณ์ยิ้มตอบ “เอ้อ...จะเริ่มเลยจริง ๆ หรือ”
เขาลุกขึ้นยืนและกล่าวว่า “ผมอยากเริ่มเรียนลีลาศตอนนี้เลยครับคุณครู ให้ผมเรียกคุณว่าคุณครูฟังดูก็เหมาะดีเหมือนกันนะ”
ชายหนุ่มยิ้ม ซึ่งมันเป็นรอยยิ้มที่ทำให้จิณณ์รู้สึกแปลก ๆ หนุ่มลูกครึ่งไทยฝรั่งเศสเจ้าของใบหน้าคมเข้ม ดวงตาสีฟ้าเป็นประกายสดใส จมูกโด่งยาวและริมฝีปากหนาได้รูป โครงหน้าคมสันดูเหมือนดุดันแต่รอยยิ้มอ่อนหวานนั้นทำให้พายัพเป็นผู้ชายที่อบอุ่นขึ้นมาในทันที
“เอ้อ...ก็ได้”
จิณณ์ตอบกระท่อนกระแท่น หญิงสาวลุกขึ้นยืนตรงข้ามกับลูกศิษย์คนใหม่ของเธอ พายัพเป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ เขาตัวโตมากเมื่อยืนเทียบความสูงกับเธอ และที่สำคัญ ชุดลำลองขนาดพอดีตัวที่เขาสวมใส่ก็ไม่อาจปกปิดกล้ามเนื้อแน่นบนเรือนร่างสมชายชาตรีได้
โดยปกติเธอเป็นครูสอนลีลาศที่ผ่านการสอนเต้นให้ลูกศิษย์มามาก เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่เธอจะไม่รู้สึกตื่นเต้นแม้ต้องเจอกับลูกศิษย์หน้าใหม่ ๆ แต่ครั้งนี้แตกต่างไปจากที่เธอเคยมีประสบการณ์
ถึงจะเคยไม่ชอบหน้าเขามาก่อน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าบุรุษร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลาและมีบุคลิกภาพอันนุ่มนวลอย่างพายัพทำให้หญิงสาวรู้สึกถึงการเต้นของหัวใจที่ไม่เป็นจังหวะเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าเขา จิณณ์ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนตั้งคำถาม
“ก่อนอื่นฉันอยากจะถามว่า นายเคยเต้นลีลาศสักครั้งหรือเปล่า”
“เคยครั้งหนึ่ง...จริง ๆ แล้วผมเคยรู้จักจังหวะ การจัดวางท่าทาง แต่ตอนนี้ผมลืมมันไปเกือบหมด”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ยากที่จะฟื้นความทรงจำ พอจะจำได้ไหมคะว่าเวลายืน นายต้องทำท่ายังไง”
พายัพทำสีหน้าเหมือนครุ่นคิดชั่วขณะก่อนที่เขาจะผ่อนลมหายใจ...ทำไมต้องตื่นเต้นเวลาอยู่ต่อหน้าครูสอนลีลาศคนใหม่ เธอออกจะตัวเล็กกว่าเขามาก แต่ดูประกายตาสีน้ำตาลหม่นที่จ้องมองมานั่นสิ มันทำให้สถาปนิกหนุ่มรู้สึกเบาหวิวอย่างบอกไม่ถูก
จิณณ์ยืนนิ่งและมองชายหนุ่มจัดท่าของตัวเองด้วยการยืนตัวตรงหย่อนเข่าเล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับย่อเข่า ดูเหมือนเขาจะยังไม่ลืมท่าทางก่อนการเริ่มเต้น