เจี่ยนอันอิ่นแม้มีคู่หมายแล้วนางก็มิพอใจ นางมิยอมแพ้เพราะพี่ชายของนางเจี่ยนซูฉีนั้นบอกนางว่า มีการขัดผลประโยชน์ที่สะพานเรือ และท่านพี่ฉูนั้นมิได้บ้า เจี่ยนอันอิ่นมิพอใจนักที่นางโดนฉูปินไห่หลอกเข้าจนเต็มที่ เจี่ยนอันอิ่นคับแค้นใจนัก จึงไปที่สกุลฉูแล้วชักชวนเสี่ยวหงฮวาออกมาพายเรือเก็บดอกไม้น้ำ
เรือของสกุลเจี่ยนแล่นไปในท้องน้ำ เสี่ยวหงฮวาพึงใจมาก ก่อนที่จะมองดอกไม้มากมายที่ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น นางรอจนเรือนั้นจอดอยู่กลางน้ำและก้มลงไปคว้าเอาดอกไม้น้ำ ก่อนจะถูกถีบอย่างแรง
“ตายไปซะนังคนชั้นต่ำ”
เสี่ยวอันอิ่นถีบคนลงไปจนเต็มแรง เสี่ยวหงฮวาพลัดตกลงในสายน้ำที่ไหลแรงมาก นางถูกมวลน้ำพัดและดูดกลืนลงสู่ใต้ท้องน้ำ นางร้องหาผู้ใดมิได้และมิอาจจะว่ายน้ำอีก เสี่ยวหงฮวาน้ำตารินนางเห็นดอกไม้น้ำมากมายที่รายรอบกายจึงคว้าจับมันกอดเอาไว้ในอกของนางและคิดถึงท่านพี่ฉูผู้นั้นอยู่ในใจ นางหล่นลงไปในท้องน้ำลึกลงไปเรื่อยๆ จนร่างกายของนางนั้นตกลงไปในกองไม้ที่ผุพังและมีโครงกระดูกนั่งคุกเข่าอยู่ในนั้น
“สุ่ยหงฮวา”
เสียงเรียกของท่านพี่ฉูกลับดังขึ้นมาทั้งท้องน้ำ อาหยวนและคนทั้งสะพานเรือขนลุกซู่ ฉูปินไห่ลืมดวงตาขึ้นมาแล้วสั่งให้อาหยวนนำเรือออกไปในทันที
“นำเรือออก เกิดเรื่องแล้ว”
อาหยวนเองยังตกใจที่คุณชายนั้นพูดได้แล้ว แต่ทว่าทุกสิ่งนั้นวุ่นวายไปหมด อาหยวนเร่งลุกออกไปแล้วออกไปถอนเชือกเรือในทันที ร่างกายแกร่งเดินลงไปในเรือแล้วจับประคำไม้สีแดงในลำคอตนอย่างหวั่นใจ คิดในใจตนว่าควรไปที่ใดดีแล้วในสมองพลันได้ยินเสียงเรียกดังของข้ารับใช้ตน ดังมาจากทางคุ้งน้ำ
“ไปทางกำแพงเก่าของสกุลเซี่ย “
” ขอรับ ขอรับ “
มิน่าเชื่อว่าสายลมแรงหอบเอาเรือของฉูปินไห่แล่นไปอย่างผิดปกติ จนเรือนั้นมาหยุดลงที่กอดอกไม้น้ำที่งดงามมากเป็นพิเศษ ท่ามกลางดอกไม้นั้น เรือลำใหญ่ที่คุ้นตากลับจอดทอดสมอเรืออยู่ในลำน้ำ และชายชุดดำห้าคนที่เคยอยู่ในความทรงจำของฉูหวางก็ปรากฎขึ้นมา พวกมันล้วนคุกเข่าอยู่ที่นั่น ฉูหวางน้ำตาริน ด้วยจดจำได้ว่าคนพวกนี้นั้นตกตายลงไปนานแล้ว คนสนิทห้าคนนี้ตามพระองค์ไปที่วังหลวงแล้วถูกสังหารตั้งแต่ยามแรกไปก่อนพระองค์ ตามกฎแล้วชีวิตของพวกกบฎย่อมไร้ที่ฝัง เช่นนั้นอาจเป็นไปได้ว่าเรือใหญ่ลำนี้ของพระองค์นั้นอาจเป็นสุสานที่ดีที่สุดสำหรับพวกมัน ฉูหวางก้าวเท้าขึ้นไปบนเรือที่เคยคุ้น แล้ววางฝ่ามือบนเรือนผมของข้ารับใช้สองคนที่ด้านหน้า น้ำตารินออกมาในที่สุด เอ่ยถามความออกไป
” นางเล่า นางอยู่ที่ใด “
” ด้านบนขอรับ ที่นี่ มิมีเสื้อสตรี นางถูกทำร้ายจนตกน้ำลงมาพวกเราจึงตื่นขึ้นมาได้ขอรับ “
ฉูปินไห่เร่งเดินเข้าไปภายในแล้วเดินขึ้นบันไดเรือ ขึ้นไปที่ในห้องหอขนาดใหญ่ที่ยังคงมีความสมบูรณ์เช่นในวันวาน บนเตียงนั้นมีร่างกายงดงามนอนหนาวสั่น ฉูปินไห่จึงเร่งขยับไปถอดเสื้อนางและสวมเสื้อของตนเองให้นางไปในทันที
” ให้ตายเถิดหนา เจ้ากับทรัพย์สินของข้ากลับเชื่อมโยงกันไปเสียแล้ว เช่นนี้ต่อไปตายมิได้ อยู่หนีมิได้อย่างแน่นอนแล้ว เสี่ยวหงฮวาเอ๋ย “
ฉูปินไห่อุ้มนางออกมาจากเรือเฟิงซิ่วที่เป็นเรือใช้ล่องลำน้ำเพื่อความสำราญของพระองค์อีกหนึ่งลำ นอกจากเรือหงเฟิงที่ลำเล็กกว่าและมีวิญญาณของพระองค์ติดอยู่ในนั้น ทรงก้าวออกมาจากเรือผีแล้วเชื้อเชิญข้ารับใช้ของพระองค์มาขึ้นเรือที่อาหยวนนั้นบังคับอยู่ ข้ารับใช้ปีศาจกระโดดขึ้นมาบนเรือนั้นและฉูปินไห่ก็สั่งให้อาหยวนกางเรือใบ บังคับเรือกลับไปที่สกุลฉูทันที
อาหยวนมองเรือที่มีลวดลายคล้ายๆ เรือแดงลำเล็กที่นำไปถวายวัดแล้วขนกายลุกชันขึ้นมา มิรู้ว่ามันเกิดสิ่งใดขึ้น แต่ทว่าคุณหนูผิงนั้นในยามนี้กลับรอดพ้มาจากอันตรายแล้ว อาหยวนเร่งขยับไปจุดกระถางพกแล้วเทน้ำชาไปส่งให้คุณชายก่อน เสียงแหบพร่าจึงเอ่ยขึ้นมา
“อาหยวนเจ้ามารับใช้ปีศาจแล้ว ต่อไปเจ้าต้องโชคร้ายมากๆ อย่างแน่นอน”
อาหยวนชะงักไปและส่ายหัวไปมาแรงๆ ในอีกครา
“ต่อให้ท่านนั้นคือปีศาจจิ้งจอกร้าย อาหยวนผู้นี้ก็จะติดตามท่านไปตลอดขอรับ ข้าน้อยมิมีที่ไปนอกจากสกุลฉู ในยามเยาว์ก็มีชีวิตได้เพราะนายท่าน จึงคิดดูแลนายน้อยต่อไปให้ดี ยามนี้ท่านฟื้นคืนมีชีวิตต่อให้ท่านนั้นคือปีศาจร้ายจริงๆ อาหยวนก็จะตามรับใช้คุณชายไปจนถึงในนรก ยอมตายไปพร้อมท่าน “
ฉูปินไห่หัวเราะคนขึ้นมา และชายชุดดำทั้งห้าก็หัวเราะไปตามๆ กัน
อาหยวนขมวดคิ้วมองคนรอบกายน้อยๆ และมิกล้าเอ่ยอันใดอีก
เรือแล่นมาจนถึงสกุลฉู อาหยวนเร่งรีบให้คนไปต้มน้ำร้อนขึ้นมาและต้มน้ำขิงมาให้คุณชายเสีย สาวใช้วิ่งวุ่นวายและชายชุดดำก็ยืนหลบอยู่ในความมืดที่ในจวน ฉูปินไห่ป้อนน้ำขิงให้เสี่ยวหงฮวาแล้วจึงเข้าไปในห้องหนังสือ เอ่ยสนทนากันขึ้นมา
” เด็กสาวผู้นั้นมารดาเจ็บท้องคลอดในเรือแดงของข้า ข้าที่ติดในเรือนั้นเป็นปีศาจสุรามานับร้อยปีจึงได้กำเนิดใหม่ในร่างของเด็กชายสกุลฉูที่สมองมิดีและเป็นใบ้ ยามแรกนางร้องเสียงดังในยามเกิด แต่ทว่าภายหลังกลับเป็นใบ้ ยามที่นางเดินทางมาพบกันได้ ข้าจึงเอ่ยวาจาเรียกนางได้อีกครั้ง ข้ามิได้ย้อนอดีตกลับมาดังในชาติที่สองนั้น ที่ตกตายอยู่ใต้บัลลังค์ทอง และข้าคิดว่านางนั้นมิใช่คุณหนูเซี่ย แต่ยังสืบมิได้ว่านางคือผู้ใดกันแน่นะ”
เงาดำทั้งห้ากอดอกตนและครุ่นคิดขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยความออกไป
“หวางเย่ ในยามที่ท่านสิ้นไปแล้วนั้น สตรีในวังนั้นย่อมต้องติดอยู่ในคุกหลวง หรือกลับไปบ้านเดิมแล้ว ย่อมมิได้มีสตรีติดตามไปตามธรรมเนียมแน่ มิแน่ว่าถึงร่างกายของพระองค์จะมิได้กลบฝังลงไปเพราะเป็นกบฎ แต่พระมารดาและองค์หญิงน้อยย่อมมิอาจปล่อยให้ท่านตายอย่างเดียวดายได้ ย่อมต้องมีสตรีนางหนึ่งที่จะทอดร่างอยู่กับท่านตลอดไป”
“ฮร่า เช่นนั้นเอง พวกเจ้าตายลงไปแล้วพระมารดาคงมิต้องสังหารผู้คนของข้าเพิ่มเติมอีก ดังนั้นเรือที่ข้าโปรดปราณนั้นจึงเป็นสุสานของข้าในยามสุดท้ายนั่นซินะ”
“กระหม่อมคิดว่าเป็นเช่นนั้นแน่”
“อรืม เรือแดงลำเล็กนั้นสามารถดูดพลังวิญญาณของคนได้ ทำให้ข้านั้นเอ่ยวาจาได้และมีร่างกายที่ดี มิแน่ว่าหากพวกเจ้าไปนำร่างกายของบุรุษที่แข็งแรงมาห้าคน ล่อลวงขึ้นไปในเรือเฟิงซิ่วเสีย มิแน่ว่าอาถรรพ์ปีศาจอาจจะทำให้พวกเจ้ามีร่างกายที่ดีได้”
“ขอรับ”
รับคำจบร่างเงาห้าร่างก็สลายหายไปเป็นควันดำ ฉูปินไห่ถอนหายใจเบาๆ ขึ้นมาและขยับไปนอนกอดคนร่างบางแล้วก้มลงหอมแก้มนางเบาๆ
“เจ้าสาวตัวน้อย ชาติก่อนมิได้เข้าหอมิได้ลิ้มรสกายบุรุษซินะ ในชาตินี้จึงติดตามมาให้ข้านั้นลิ้มรส”
ฉูปินไห่หัวเราะคิกแล้วขยับตัวเปิดร่างกายของนางขึ้นมา ตรวจสอบพรหมจรรย์ของนางแล้วเผลอตนเองกลืนกินน้ำหวานของนางลงไป
“อรื้อ อรื้อ อรื้อ”
เสี่ยวหงฮวาพลันตกใจขึ้นมา นางตกอยู่ในห้วงแห่งความฝัน ในความฝันนั้นมีโลงใบใหญ่ และนางได้สวมชุดสีแดงเข้าพิธีแต่งงานลงไป นางได้รับสุรามาหนึ่งถ้วยเพื่อสาบานรักต่อกันไป ต่อมาถ้วยยาก็มาอยู่ที่ตรงหน้าและนางถูกบังคับให้ดื่มมันลงไป
“ต่อไปนี้ท่านจะเป็นพระชายาของฉูหวาง ท่านจะต้องติดตามพระองค์ไปสู่ปรโลก มิให้พระองค์นั้นต้องเดียวดายอีกต่อไป นามของเจ้าคือเสี่ยวหงฮวา เจ้าจะเป็นเสี่ยวหงฮวาของพระองค์ตลอดไป “
นางถูกยกลงไปที่ในโลงขนาดใหญ่ที่มีร่างของบุรุษตัวโตอยู่ในนั้น หลังจากที่นางถูกผลักลงไปที่ในนั้นแล้วนางก็ต้องน้ำตารินขึ้นมา หัวใจของนางบีบรัดจนแทบจะขาดใจตาย บุรุษนั้นตกตายลงไปแล้ว และนางนั้นแต่งงานกับคนตาย คิดได้เช่นนั้น นางขยับกายกอดรัดบุรุษผู้นั้นอย่างยากลำบากแล้วกอดรัดร่างไร้ลมหายใจนั้นแน่นๆ จนหมดลมหายใจไปในที่สุด
“หากมีชาติหน้ารอคอยอยู่ ขอให้ข้าและท่านมิไร้วาสนาต่อกันเช่นนี้อีก”