The secret 11 : ไปส่ง

1768 Words
ฉันละสายตาจากสิ่งที่กำลังจดจ่อ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพบว่าปุยฝ้ายโทรหา "มีไรฝ้าย" (คืนนี้สามทุ่มมีงานเลี้ยงคณะวิศวะกับแพทย์แกต้องมานะ) ​ จริงด้วย ฉันเดินไปตามทางเรื่อย พูดบทสนทนากับเพื่อน "โอเค เดี๋ยวไป วันนี้เลิกงานเร็ว"  เร็วแบบผิดปกติ (ให้ฉันไปรับไหม) "ไม่ต้อง เดี๋ยวขึ้นแท็กซี่ไป" ว่าจบฉันก็กดวางสายทันที  ฉันรีบจ่ายเงินก่อนจะเดินออกจากเซเว่น ไม่นานฉันก็มาถึงจุดหมายก่อนจะมองบรรยากาศข้างหน้า "คนเยอะจัง" ฉันบ่นคนเดียว ก่อนจะยกมือขยับแว่นเพื่อปรับระดับให้เข้ากับใบหน้า "ยัยข้าวทางนี้" เสียงแตงกวาดังขึ้นพร้อมกับทำท่าทางโบกไม้โบกมือมาหาฉัน ฉันเดินตามแตงกวาไปที่โต๊ะหนึ่งก่อนจะพบพี่ปลื้มพี่ติณและร่างสูงที่ไม่แม้จะเงยหน้าขึ้นมามอง นั่นก็คือพี่ไวน์ "เชิญนั่งเลยครับน้องข้าวฟ้าคนสวยของพี่ปลื้ม" พี่ปลื้มลุกขึ้นก่อนจะให้ฉันนั่งแทนที่พี่เขา แต่ทำไมต้องนั่งใกล้พี่ไวน์ด้วยล่ะ จริงๆก็ตั้งแต่วันที่ฉันไปพักที่คอนโดพี่เขาฉันก็ไม่กล้าคุยกับพี่เขาเลย หลังจากที่ฉันนั่งลง คนข้างๆก็หันมามองฉันแวบหนึ่งก่อนจะก้มเล่นโทรศัพท์ต่อ "ข้าว ฉันขอตัวไปทำธุระก่อนนะ" "ธุระอะไรของแก ฉันไปด้วย" ฉันตื้อยัยแตงทันที จะปล่อยฉันไว้แบบนี้เลยเหรอ "เออน่าอยู่นี่แหละ ใช้ทักษะความใสซื่อจีบพี่ไวน์ไป ฉันจะไปทำตามฝัน" อ่า ฉันพอรู้ล่ะว่ามันไปไหน "แกอย่าบอกว่าจะไปกดบัตรคอนเสิร์ตเวลานี้" มันพยักหน้าก่อนจะทำท่าทางเพ้อฝัน "งั้นไปล่ะ เดี๋ยวเลี้ยงบัตรคอนเสิร์ต" ฉันได้แต่ถอนหายใจแบบนี้ตลอด  หลังจากแตงกวาเดินออกไปก็มีแค่ฉันที่เป็นผู้หญิงอยู่ตรงนี้คนเดียว เกร็งชะมัดเลย "ฝึกงานวันแรกเป็นยังไงบ้างครับ" และเป็นเสียงพี่ปลื้มที่คอยทำลายความเงียบถึงจะมีเสียงดนตรีก็เถอะ "อ๋อ ก็ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างค่ะ อีกไม่นานคงได้ลงพื้นที่จริงหากมีการฆาตกรรมเกิดขึ้น" "พี่ขอถามได้หรือเปล่า เรื่องเมื่อวาน ทำไมน้องข้าวถึงรู้เรื่องของเธอคนนั้น" ฉันชะงักไปครู่หนึ่ง "เอ่อ พี่ขอโทษ ถ้าไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร" "ไม่เลยค่ะ" มันก็ไม่น่าเป็นเรื่องที่ต้องปกปิดนี่ อีกอย่างรู้ไว้ก็ดีเพราะฆาตกรถูกปล่อยตัวแล้ว ฉันก็ไม่รู้ว่าเขาจะกลับตัวกลับใจเป็นคนดีหรือเปล่า "รูปผู้ชายคนนั้น จริงแล้วเขาเป็นฆาตกรค่ะ เธอคงตกเป็นเหยื่อเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ซึ่งข้าวก็คือหนึ่งในนั้น ข้าวคิดว่าเธอคงกลัวผู้ชายคนนั้นเมื่อรู้ว่าเขาพ้นโทษ ความทรงจำที่โหดร้ายในคืนนั้นมันไม่มีใครลืมมันได้หรอกค่ะ แม้กระทั่งข้าว" ฉันต้องสูญเสียคนที่รักไป การตายที่ทรมานและโหดร้ายมันยังเป็นฝันร้ายของฉันจนถึงทุกวันนี้ "ไม่เอาแล้ว พี่ว่าเรามาดื่มฉลองการปิดเทอมกันดีกวา" ฉันยิ้มทันทีเมื่อเห็นพี่ปลื้มทำหน้าเศร้า "ไอ้ไวน์มึงจะมานั่งใบ้แดกแบบนี้ไม่ได้น่ะ แรกๆก็บอกไม่มา หลายใจนะมึง" "เสือก" พี่ไวน์ปิดโทรศัพท์ลงก่อนจะกระดกเหล้าในแก้ว "น้องข้าวดูสิ พี่ว่าหนูเปลี่ยนใจจากไอ้ไวน์ไปหาผู้ชายคนอื่นเถอะ ดีกว่านี้มีอีกเยอะ" "อ่า งั้นข้าวจะลองเอาไปคิดดูอีกทีนะคะ" เสียงกระทบของแก้วดังขึ้นซึ่งจะเป็นใครไม่ได้นอกจากพี่ไวน์ "พี่ไวน์เป็นอะไรหรือเปล่าคะ เมาเหรอ" "ไม่ใช่" "ไวน์คะ มาอยู่นี่เอง ลิลลี่ตามหาตั้งนาน" มารพจญจริงๆ "ลุก ฉันจะนั่งข้างพี่ไวน์" เฮ้อ ฉันถอนหายใจเอือกใหญ่ ก่อนจะจะลุกขึ้น ทว่า.... มือฉันกลับถูกพี่ไวน์จับไว้ไม่ให้ลุกออก "ตรงนั้นก็มีที่ว่างทำไมไม่นั่ง" พี่ไวน์เอ่ยพูดขึ้นแต่ยังไม่ปล่อยมือฉัน "แต่ลิลลี่อยากนั่งใกล้ไวน์" "ก็ได้ค่ะ" ลิลลี่ต้องยอมนั่งตรงที่ว่างเมื่อเจอสายตานิ่งๆของพี่ไวน์ ฉันพยายามเอามือออกจากการเกาะกุม แต่กลับทำไม่สำเร็จเมื่อมือหนากุมมือฉันแน่น ซึ่งมันทำให้ฉันขมวดคิ้วพร้อมมองหน้าพี่ไวน์ทันที แต่เจ้าตัวกลับยกยิ้มอย่างพึงพอใจ "พี่ติณพราวไหมเข้าห้องน้ำตั้งนานแต่ตอนนี้ยังไม่กลับมาเลยค่ะ" ผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งมาบอกพี่ติณก่อนที่ทุกคนจะลุกออกไป ขณะที่ฉันกำลังจะลุกแต่เพราะแรงดึงทำให้ฉันเซล้มทับพี่ไวน์ "อยู่นี่แหละ ไปก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้หรอก" แล้วอาการไม่กลัวสัมผัสจากพี่ไวน์มันก็แปลกอยู่เหมือนกัน แต่จะเรียกว่าไม่กลัวเลยก็ไม่ถูก ยังไงถ้ามากกว่านี้ฉันก็มีความกลัวอยู่ดี "งั้นก็ปล่อยหนูสิ" หลังจากที่พี่ไวน์ปล่อยฉันก็รีบวิ่งไปหลังผับทันที โดยมีพี่ไวน์เดินตามมาด้วยสีหน้าหงุดหงิด เหตุการณ์ตรงหน้าที่มีผู้หญิงสองคนยืนกอดกัน หนึ่งในนั้นคือแฟนพี่ติณ ฉันเดินไปหยิบมีดขึ้นก่อนพบว่ามันคุ้นๆเหมือนเคยเห็นที่ไหน "พี่ติณข้าวขอมีดนะ" พี่ติณหันมามองฉันก่อนจะเลิกคิ้วสงสัย "เอาไปทำอะไร" และนี่เป็นเสียงพี่ไวน์ "ถ้าอยากรู้คืนนี้ก็ไปที่ห้องข้าวสิ" พี่ไวน์ยกยิ้มมุมปากทันที ฉันพูดอะไนผิดหรอในเมื่อรายงานพิสูจณ์หลักฐานมันอยู่ที่ห้องฉัน หลังจากฉันรู้ว่าผู้หญิงที่ชื่อน้ำตาลพยายามฆ่าตัวตายเพราะพ่อติดหนี้เงินกู้นอกระบบ เธอน่าสงสารนะ ดูเธอไม่มีความสุขเลยเห็นบอกว่าเธอก็เรียนแพทย์นี่ นอกจากเครียดเรื่องเรียนแล้วยังต้องมาเครียดเรื่องพ่ออีก "เดี๋ยวพี่ไปส่ง" ขณะที่ฉันกำลังยืนรอแท็กซี่ จู่ๆ ก็มีรถปอร์เช่สีดำคันหนึ่งมาจอดอยู่ตรงหน้า "ไม่เป็นไร  หนูกลับแท็กซี่ก็ได้" จริงๆ ฉันว่าจะไปโรงพยาบาลแปปหนึ่ง เพราะมีบางอย่างที่สงสัย "ขึ้นมา อย่าดื้อ" น้ำเสียงเรียบนิ่งแสดงถึงอารมณ์หงุดหงิดดังขึ้น ฉันก็รีบขึ้นรถปอร์เช่ราคาเหยียบล้านทันที ยอมรับว่ากลัวสุดๆเลย "เอ่อ พี่ไวน์ไปส่งหนูที่โรงพยาบาลตำรวจก็แล้วกันค่ะ" พี่ไวน์ขมวดคิ้วโดยที่สายตายังจับจ้องไปทางถนน "ไปทำอะไรตอนดึกแบบนี้" หึ้ย พี่ไวน์พูดเป็นประโยคเลยแหะ ปกติไม่เกินสี่คำ "พอดีว่าจะเอาของบางอย่างให้พี่หนิ๋งตรวจดูหน่อยค่ะ" พี่ไวน์พยักหน้าก่อนที่รถจะจอดที่ลานจอดรถโรงพยาบาล "ขอบคุณนะคะที่มาส่ง" ฉันลงจากรถก่อนจะเดินมุ่งไปห้องทำงานพี่หนิ๋ง แต่ก็ต้องชะงักเมื่อพี่ไวน์เดินตามหลังมา "มีอะไรหรือเปล่าคะ" ฉันหันไปถามร่างสูงที่มีสีหน้าเรียบนิ่งเดินตามหลังมา "มันมืดเลยเดินมาเป็นเพื่อน" ฉันเลิกคิ้วทันที เข้าใจนะว่าทางเดินมาห้องพี่หนิ๋งมืดคาดว่าพี่หนิ๋งจะกลับแล้ว แต่ไม่ต้องมาส่งก็ได้ "ข้าวไม่กลัวหรอกค่ะ พี่กลับไปเถอะ" "ไล่" "ไม่ใช่นะค่ะ คือ..งั้นถ้าพี่ไวน์อยากตามมาก็แล้วแต่เลยค่ะ" ฉันพูดปัดๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องทำงานของพี่หนิ๋ง ก่อนจะนำมีดใส่ถุงพร้อมกับดึงกระดาษมาจดข้อความแปะไว้ "ปิดเทอมนี้พี่ไวน์จะทำอะไรเหรอคะ" ภายในรถตกอยู่ในบรรยากาศที่เงียบเกินไป ฉันก็เลยเป็นฝ่ายชวนคุย "คงจะไปดูแลสนามแข่งรถ"  ฉันพยักหน้าเชิงเข้าใจ เคยได้ยินยัยฝ้ายเล่าในฟังว่าพี่ไวน์เป็นเจ้าของสนามแข่ง แถมเจ้าตัวยังชอบแข่งรถอีก "อ๋อ..." ฉันหยุดประโยคทันทีเพราะไม่รู้จะถามอะไรต่อ "ทำไมไม่ย้ายหอ" "คะ" ฉัน งง กับคำถามของพี่ไวน์สุดๆ "ทางเข้าหอมันอันตรายเกินไป วัยรุ่นจับกลุ่มกันเยอะแบบนี้ไม่กลัวหรือไง" ฉันมองไปทางเข้าซอยก็พบว่ามีพวกวัยรุ่นชายจำนวนมากนั่งรินเหล้ากันอยู่ ดูมันค่อนข้างเถื่อนก็ว่าได้ "อ๋อ ไม่กลัวหรอกค่ะ หนูอุ่นใจมากกว่าถ้าได้เห็นพวกพี่ๆ" พี่ไวน์ขมวดคิ้วทันที "ทำไม" "พวกพี่เขาเป็นวินมอเตอร์ไซค์ค่ะ เคยมีครั้งหนึ่งที่หนูถูกฉกกระเป๋า แต่โชคดีมีพวกพี่ๆช่วยจับขโมยเอาไว้ เห็นแบบนี้พี่เขาไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพักนั้นเลยนะ" "แต่ก็ไม่ควรไว้ใจ" "แรกๆ หนูก็ไม่ไว้ใจหรอกค่ะ แต่เวลาหนูกลับดึกๆ พวกพี่ๆจะคอยคุ้มครองความปลอดภัยให้ตลอด พี่ๆบอกว่าหนูก็ไม่ต่างกับน้องสาวคนหนึ่ง" ฉันลงจากรถก่อนจะเอ่ยขอบคุณพี่ไวน์ "เอ้า ไอ้ข้าวกลับดึกนะ" เสียงพี่บินหนึ่งในกลุ่มวงเหล้าพูดขึ้น ก่อนจะเดินมาหาฉันโดยเว้นระยะห่างพอสมควร "ก็ปกติไหมพี่" ฉันมักจะพูดกับพี่ๆเขาแบบนี้แหละ เคยพูดมีคำสุภาพลงท้าย แต่พี่ๆบอกว่ามันรู้สึกแปลกๆ "แล้วนั่นรถใคร ผัวเหรอวะ" "มันใช่ที่ไหนล่ะ รุ่นพี่ข้าวเอง" ไม่นานพี่ไวน์ก็เดินลงจากรถ สงสัยจะเห็นฉันไม่ขึ้นห้องสักที "ทำไมไม่รีบขึ้นห้อง" "เอ้า ไอ้น้องผัวไอ้ข้าวเหรอ รวยดีนี่ ถ้าหวังจะมาแค่ฟันน้องสาวพี่ข้ามศพพี่ก่อนนะ" ไปกันใหญ่แล้ว "เอ่อ พี่บินกลับไปอยู่กับเพื่อนๆได้แล้ว ข้าวจะขึ้นห้องแล้ว" "เออ รีบไป ไอ้น้องกลับได้แล้ว" ระหว่างทางฉันขึ้นห้องก็เลือบไปมองพี่ไวน์เป็นระยะ ซึ่งเขากำลังมองฉันอยู่ก่อนที่พี่ไวน์จะขึ้นรถเมื่อเห็นว่าฉันขึ้นห้องแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD