บทที่ 6

1413 Words
  การนินทาเป็นสิ่งที่น่ากลัว แก้วกานดามีประสบการณ์โดยตรง   ถ้าเพื่อนร่วมงานในบริษัทเห็นเธอไปทำงานกับรถของเจ้านายคนใหม่ เธอคงโดนข่าวลือต่างๆ นานาฟาดฟันจนตาย   ดังนั้น เมื่อกรขอให้เธอไปทำงานกับรถของเขา เธอจึงส่ายหัวและปฏิเสธโดยไม่คิด   แม้ว่าเธอจะไม่ได้นั่งรถของเขาไป แต่ทั้งสองก็มาถึงบริษัทเกือบจะพร้อมๆ กัน   แก้วกานดาและกลุ่มคนกำลังรอลิฟต์อยู่ กรซึ่งรายล้อมไปด้วยผู้ช่วยพิเศษสองคน เดินไปที่ลิฟต์พิเศษของเขาในฐานะบอสของบริษัท   เธอต้องการแสร้งทำเป็นไม่เห็นเขา แต่เธอรู้สึกว่าไม่เหมาะสมที่จะเมินเขาโดยสิ้นเชิง ดังนั้นเธอจึงปฏิบัติตามเมื่อกลุ่มคนรอบตัวเธอทักทายเขาอย่างสุภาพ “ผอ. กร อรุณสวัสดิ์ค่ะ/ครับ!”   “อรุณสวัสดิ์” กรตอบอย่างไม่ใส่ใจ เขามองไปรอบๆ และก้าวเข้าไปในลิฟต์ หันหลังให้กับพวกเขาอย่างเย็นชา   ความเฉยเมยของกรไม่ได้ทำลายความกระตือรือร้นของพวกเธอ และพวกเธอกำลังพูดถึงเขาอย่างกระหือรือ   แก้วกานดาไม่ได้มีส่วนร่วมในการสนทนาแต่รู้สึกขบขันในใจเล็กน้อย   สไตล์การแยกงานและชีวิตส่วนตัวของกรชัดเจนมาก   ในตอนนี้ เธอนึกถึงวลียอดนิยมที่บรรยายถึงกร—เจ้าชายแห่งความลุ่มหลง   ทันทีที่เธอเข้ามาในออฟฟิศ เธอตัดสินใจที่จะลืมความสัมพันธ์ของเธอกับกรโดยสิ้นเชิงและอุทิศตนให้กับงานของตัวเอง   ช่วงนี้ แก้วกานดาและเพื่อนร่วมงานหลายคนจากแผนกเดียวกันกำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมการประมูลของบริษัทสตาร์ โกลว์ คอร์ปอเรชั่น   เมื่อวันประมูลใกล้เข้ามา งานของแก้วกานดาก็เข้าสู่สภาวะตึงเครียด เมื่อเธอยุ่ง บางครั้งเธอก็ไม่มีเวลากินข้าวกลางวันด้วยซ้ำ   ในบริษัท แก้วกานดาเป็นที่รู้จักว่าเป็นคนบ้างาน เป็นเรื่องปกติที่เธอจะทำงานโดยไม่รับประทานอาหาร แต่ไม่มีใครสนใจเธอจริงๆ   วันนี้ ขณะที่แก้วกานดากำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ เธอได้รับโทรศัพท์จากกร   แก้วกานดามองไปรอบ ๆ และเห็นว่าไม่มีใครอยู่ที่นั่น จากนั้นเธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างระมัดระวัง "มีอะไรเหรอคะ?"   เธอรู้สึกว่าเขาไม่ควรโทรหาเธอตอนที่เธออยู่ในบริษัท เพราะอาจทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาหลุดออกสู่คนอื่นได้   เห็นได้ชัดว่ากรไม่คิดว่าแก้วกานดาจะตอบแบบนี้ หลังจากชะงักไป เขาพูดว่า "งานก็สำคัญ แต่เรายังควรกินข้าวนะ"   น้ำเสียงของเขายังคงนุ่มนวล แต่ฟังดูเป็นห่วงมาก   แก้วกานดาหน้าแดงและพูดว่า "ก็ได้ ฉันทราบค่ะ"   อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ กรไม่พูด แก้วกานดาไม่รู้จะพูดอะไรอีก หลังจากบอกลาเธอกำลังจะวางสาย   วินาทีสุดท้าย กรก็พูดว่า "ผมอยู่ห้อง 1808 ภัตตาคารใบทอง"   แก้วกานดาพยักหน้าตามสัญชาตญาณ “งั้นเชิญกินตามสะดวกเลยค่ะ ฉันไม่กวนแล้วนะคะ”   “แก้วกานดา!” น้ำเสียงของกรค่อนข้างรุนแรงเล็กน้อย หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เขาก็พูดว่า "ผมจะรอคุณ"   “ไม่จำเป็น...” แก้วกานดาปฏิเสธตามสัญชาตญาณ แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ เขาก็วางสายไปแล้ว   เมื่อมองไปที่หน้าจอมืดบนโทรศัพท์ของเธอ แก้วกานดาขมวดคิ้วเล็กน้อยและถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ เหตุใดเธอจึงต้องปฏิเสธการรับประทานอาหารกลางวันกับสามีหมาดๆ ของตัวเอง?   ภัตตาคารใบทองเป็นร้านอาหารระดับ 5 ดาวใกล้กับออฟฟิศ ซึ่งมีราคาแพงมาก ปกติแก้วกานดาจะไม่ไปที่นั่น เว้นแต่บริษัทจะเลี้ยงอาหารลูกค้าคนสำคัญ   เมื่อเธอมาถึงร้านอาหาร แก้วกานดาพยายามหลีกเลี่ยงการถูกจำได้ แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าเธอดันไปเจอกับผู้ช่วยพิเศษของกรอย่างอิงกมล เกียรติพร   แก้วกานดาแสร้งทำเป็นไม่เห็นเธอ แต่อิงกมลหยุดเธอ “คุณแก้วกานดา ผอ.กร ขอให้ฉันมารับคุณค่ะ”   เธอยิ้มอย่างเขินอายและรีบตามอิงกมลให้ทัน   เธอกับกรเป็นคู่สมรสที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ตอนนี้พวกเขาดูเหมือนเป็นชู้กัน น่าอายจริงๆ   เมื่อพวกเธอมาถึงห้องหมายเลข 1808 แก้วกานดาเห็นว่าผู้ช่วยพิเศษอีกคนของเควินคือณัท บุญสัตย์ก็อยู่ด้วย   กรย้ายไปเอาเสื้อคลุมของแก้วกานดาไปแขวนไว้บนไม้แขวนข้างๆ เขา เขาดึงเก้าอี้ออกมาให้เธอ จากนั้นเขาก็พูดว่า "อิงกมลและณัททำงานกับผมมาหลายปีแล้ว และพวกเขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเรา"   แก้วกานดาพยักหน้าและไม่พูดอะไร เธอเหลือบมองผู้ช่วยทั้งสอง   พวกเขาพยักหน้าตอบเธออย่างสุภาพ พวกเขาออกจากห้องไปพร้อมกันโดยไม่พูดอะไร   กรหยิบชามซุปแล้วยื่นให้แก้วกานดา "ช่วงนี้ผมทำธุรกิจค่อนข้างมาก เลยต้องการคนมาช่วย"   เมื่อได้ยินคำอธิบายของเขา แก้วกานดาก็ยิ้มเขินๆ ให้เขา “อืม ฉันเข้าใจค่ะ”   คนรับใช้จากบ้านของเขาส่งอาหารเช้าให้ ผู้ดีอย่างณัทและอิงกมล เป็นเพียงผู้ช่วยของเขา ภูมิหลังของกรอาจซับซ้อนกว่าที่แก้วกานดาคิดไว้   แก้วกานดาไม่ต้องการทำแบบนี้ เธอตกลงที่จะแต่งงานกับเขาแล้ว เธอแค่รู้สึกว่าคนๆ นี้รู้สึกดี ไม่ใช่เพราะภูมิหลังทางครอบครัวของเขา   แก้วกานดาไม่พูดอะไรมาก กรจึงไม่พูดมาก ทั้งสองกินข้าวกันอย่างเงียบๆ   ยิ่งไปกว่านั้น กรยังถูกสอนว่าไม่ให้พูดระหว่างทานอาหารตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ดังนั้นเขาจึงไม่ชินกับการพูดคุยบนโต๊ะ   มื้ออาหารเงียบมาก   เมื่อพวกเขาทั้งคู่วางช้อนลง กรก็พูดเบาๆ ว่า "ต่อไปคุณต้องกินไม่ว่างานจะยุ่งแค่ไหน"   แก้วกานดาพยักหน้า “ได้ค่ะ”   เมื่อได้ยินคำตอบลวกๆ ของเธอ ดวงตาของกรก็เข้มขึ้นภายใต้แว่นตากรอบทองของเขา เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจและพูดว่า "ต่อไปมากินข้าวกับผม"   น้ำเสียงของกรค่อนข้างเอาแต่ใจ แต่แก้วกานดาไม่ได้ไม่พอใจ เธอเงยหน้าขึ้นและยิ้มให้เขา “ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ ผอ.กร แต่...”   “ผอ.กร” กรเลิกคิ้ว “ในเมื่อคุณเรียกผมว่าผอ.กร คุณไม่อยากฟังสิ่งที่ผมในฐานะเจ้านายคนใหม่สั่งคุณเหรอ?”   ชายคนนี้ใช้ตัวตนของเขาเพื่อควบคุมเธอได้อย่างรวดเร็ว   แก้วกานดาทำงานที่อินโนเวทีฟเทคมาสามปีแล้ว ปกติเธอเป็นคนฉลาด แต่ตอนนี้เธอไม่รู้วิธีจัดการกับกรจริงๆ   กรใช้โอกาสนี้พูดต่อ "ต้องเปลี่ยนเป็นแบบนั้น"   แก้วกานดาไม่อยากเจอกรเพื่อกินข้าวเที่ยงทุกวัน แต่เธอหาข้ออ้างที่จะปฏิเสธไม่ได้จริงๆ เธอจึงต้องพยักหน้าเห็นด้วย   จากนั้นเธอก็ใช้ข้ออ้างเหลาะแหละเพื่อหลบไปอย่างรวดเร็ว   เมื่อมองไปยังแก้วกานดาที่รีบจากไป ดวงตาของกรก็เข้มขึ้้นเล็กน้อย และนิ้วที่เรียวเล็กของเขาแตะบนโต๊ะโดยไม่รู้ตัว ราวกับว่าเขากำลังวางแผนอะไรบางอย่าง   "นายน้อย" ผู้หญิงที่ดูเหมือนอายุสี่สิบหรือห้าสิบ มาเคาะประตูห้องและขัดจังหวะความคิดของกร   กรเงยหน้าขึ้นและดวงตาของเขาเย็นชา "มีอะไร?"   ผู้หญิงคนนั้นถาม "คุณชอบอาหารพวกนี้ไหมคะ"   กรเป็นคนเลือกกิน ดังนั้นเขาจึงแทบไม่ได้กินข้าวนอกบ้าน แต่ร้านอาหารแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรของเขา ลูกน้องของเขาได้จัดห้องส่วนตัวอันหรูหรานี้ขึ้นตามความชอบของเขา แน่นอนว่าต้องมีคนรับใช้และเตรียมอาหารของเขา   ผู้หญิงคนนี้รับผิดชอบอาหารของกรตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก เธอรู้จักต่อมรับรสของเขาดีที่สุด   "ต่อไปให้เตรียมอาหารสองจานสำหรับแต่ละมื้อ แต่อย่าเผ็ดเกินไป" กรไม่ตอบเธอแต่ให้คำสั่งนี้กับเธอแทน   เขาชอบอาหารรสจืด แต่แก้วกานดาชอบอาหารรสจัด เธอไม่เคยบอกเรื่องนี้กับเขา แต่กรรู้มาตลอด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD