ตอนที่ 4 : นางตั้งครรภ์ลูกของเขา

1752 Words
ตอนที่ 4 นางตั้งครรภ์ลูกของเขา  เช้าวันใหม่ เยว่มี่ฮวาตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการเวียนหัวคลื่นไส้อย่างไม่ทราบสาเหตุ ทั้งร่างรู้สึกไร้เรี่ยวแรงและอ่อนเพลียจนไม่สามารถลุกออกจากเตียงได้ ก่อนที่จินเถา สาวใช้คนสนิทของนางจะเดินเข้ามาเห็น และรีบวิ่งออกไปตามหมอมารักษาอาการของนาง ท่านหมอตรวจดูอาการป่วยของนางสักพัก พร้อมกับจับชีพจรดูอีกครั้ง ก่อนจะสรุปได้ว่านางกำลังตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว ทำให้หญิงสาวรู้สึกตกใจอยู่ไม่น้อย พลางนึกไปว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อตลอดเวลาที่ผ่านมานางมิได้มีอาการอะไรที่บ่งบอกว่าท้องเลยเสียด้วยซ้ำ เมื่อหมอกลับไปแล้ว นางก็ตระหนักได้ในทันทีว่า นางในเวลานี้ไม่ใช่ตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้ว แม้จะยังสับสนอยู่บ้างว่านางจะตั้งครรภ์ได้อย่างไร แต่นางก็กำลังจะมีอีกหนึ่งชีวิตที่ต้องดูแล และนั่นคงจะเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้นางอยากมีชีวิตอยู่ต่อ เพื่อเลือดเนื้อเชื้อไขของนาง “จินเถา เห็นทีเราจะอยู่ที่นี้ต่อไปไม่ได้แล้ว รีบออกเดินทางกันเถอะ ข้ารู้สึกสังหรณ์ใจมิค่อยดี” คล้ายลางสังหรณ์ของนางจะเป็นจริง เมื่อคล้อยหลังนางไปได้ไม่นาน เหล่าองครักษ์ส่วนพระองค์ก็ตามมาจนทัน โชคยังดีที่นางไหวตัวทัน ทำให้รอดพ้นจากการถูกจับได้อย่างฉิวเฉียด แม้จะมิรู้ว่าพวกเขาจะมาดีหรือมาร้าย แต่นางในเวลานี้จะมามัวมองโลกในแง่ดีอีกมิได้แล้ว การเดินทางครั้งนี้ของนางค่อนข้างลำบากอยู่พอสมควร นางขึ้นเรือมาได้เพียงไม่นาน อาการคลื่นไส้ของนางก็กลับมาอีกครั้ง ทำให้ จินเถาเป็นห่วงไม่น้อย นางรู้สึกเวียนหัวจนแทบทนไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องนอนซมอยู่ในห้องที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้ อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นเรื่องดีที่นางยอมจ่ายเยอะกว่าผู้โดยสารคนอื่น ๆ และแม้จะรู้สึกอ่อนเพลียมากแค่ไหน นางก็ต้องอดทนเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย หลังจากที่เดินทางมานานร่วมเดือน ในที่สุดนางก็มาถึงแคว้น หมิงเวย แคว้นที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย แม้จะดูวุ่นวายไปบ้าง แต่อย่างน้อยก็เหมาะจะเป็นที่ซ่อนตัวของนางได้เป็นอย่างดี “คุณหนูเจ้าคะ เราจะทำอย่างไรกันต่อไปดีเจ้าคะ” จินเถาเอ่ยถามผู้เป็นนายของตน พร้อมกับสอดส่องสายตามองไปทั่ว “นั่นสินะ” นางครุ่นคิดอยู่สักพักว่าจะเอาอย่างไรต่อไป “คืนนี้เราจะพักที่โรงเตี๊ยมกันก่อน แล้วค่อยมาคิดหาทางออกกันอีกที” นับจากนี้เป็นต้นไป นางจะลงหลักปักฐานอยู่ที่แคว้นหมิงเวยกับลูกของนาง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นางก็จะไม่มีวันให้คนผู้นั้นได้รู้อย่างเด็ดขาดว่านางตั้งท้องลูกของเขาอยู่ ในเมื่อเขาและนางสิ้นวาสนาต่อกันแล้ว ก็ขออย่าได้มามีส่วนเกี่ยวข้องกันอีกเลย นางเจ็บมามากเกินพอแล้ว สามปีต่อมา “ฮูหยินเจ้าขา ข้ากลับมาแล้ว” “กลับมาแล้วรึ เหนื่อยหน่อยนะ” นางเอ่ยขึ้นโดยที่ไม่ได้หันมามอง เพราะกำลังยุ่งอยู่กับการปรุงยา “เจ้าค่ะ วันนี้ยาสมุนไพรที่ฮูหยินทำขายได้ราคาดีมากเจ้าค่ะ เห็นเถ้าแก่เนี้ยบอกว่าวันนี้มีคนมาเหมาไปหมดเลย แล้วเขาก็ยังสั่งเพิ่มอีกนะเจ้าคะ” จินเถาพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี “ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ไปพักเถอะ เด็กสองคนนั้นถามหาเจ้าตั้งแต่เช้าแล้ว” “เจ้าค่ะฮูหยิน” หลังจากที่จินเถาออกไปสักพัก เยว่มี่ฮวาก็ทำยาเสร็จ จึงออกมานั่งรับลมอยู่ริมสระน้ำ พร้อมกับจิบน้ำชาเพื่อบรรเทาความเหนื่อยล้าบนร่างกายให้รู้สึกผ่อนคลาย นางนั่งมองบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสงบสุขอย่างแท้จริง ตั้งแต่วันที่นางออกมาจากที่นั่น เวลาก็ล่วงเลยผ่านมานานถึงสามปีแล้ว นางมิเคยได้รับรู้เรื่องราวของคนผู้นั้นอีกเลย นางปิดกั้นตัวเองออกมาอย่างสิ้นเชิง พลางนึกไปถึงเรื่องราวในอดีตตั้งแต่วันที่นางหนีตายมาอยู่ที่ชายแดนใต้แคว้นหมิงเวย นางจงใจเลือกมาอยู่ที่หมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง เพราะมันเหมาะสำหรับซ่อนตัวได้เป็นอย่างดี แม้จะลำบากไปบ้าง แต่สำหรับคนที่ใช้ชีวิตง่าย ๆ อย่างนางไม่ได้เป็นอุปสรรคมากนัก ในสมัยที่อยู่โลกนู้น นางลำบากกว่านี้เสียอีก ในวันที่นางตัดสินใจเลือกที่นี่ นางก็ใช้เงินเก็บก้อนสุดท้ายซื้อบ้านหลังนี้เอาไว้ แม้มันจะดูเล็กแต่นางก็ชอบมัน เพราะบรรยากาศ รอบ ๆ บ้านเหมาะจะเป็นที่วิ่งเล่นของลูกที่กำลังจะเกิดมาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ แต่การใช้ชีวิตของนางก็เป็นไปอย่างทุลักทุเล เนื่องจากนางไม่มีเงินเหลือมากพอจะใช้ในชีวิตประจำวันมากนัก ทว่าโชคชะตาก็มิได้ทอดทิ้งนางเสียทีเดียว เมื่อวันหนึ่งนางได้ค้นพบว่า พื้นที่หลังบ้านของนางมีสมุนไพรที่ขึ้นเองตามธรรมชาติอยู่มากนัก นางจึงได้เก็บสมุนไพรเหล่านั้นมาทำเป็นยา และให้จินเถานำไปขายในเมือง ผลปรากฏว่ายาที่นางทำนั้นเป็นที่ต้องการของแม่ค้าและพ่อค้า ทำให้ครอบครัวของนางพอที่จะมีรายได้เข้ามาบ้าง หลังจากนั้นอีกไม่กี่เดือนต่อมา เยว่มี่ฮวาก็กำเนิดลูกแฝดออกมาทั้งชายและหญิง นางรู้สึกตื่นเต้นยินดีที่ได้มีลูกถึงสองคน นางตั้งชื่อให้กับพวกเขาว่า ‘เยว่เฟยเทียน’ และ ‘เยว่ฟางเซียน’ จนเวลาล่วงเลยผ่านไปนานถึงสามปี ตอนนี้ลูกชายและลูกสาวของนางเติบโตขึ้นเป็นเด็กน้อยวัยสองขวบเศษ อยู่ในวัยกำลังซุกซนและอยากรู้อยากเห็น แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังเป็นเด็กดี เป็นเด็กที่น่ารักและฉลาด เฟยเทียนพี่ชายคนโตมีนิสัยสุขุมเยือกเย็นและมีความเป็นผู้นำ แต่อีกด้านเขาก็มีนิสัยเจ้าเล่ห์และเป็นนักวางแผนตัวยง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีมุมที่อ่อนโยนอยู่บ้าง ถึงจะเป็นแค่กับน้องสาวตัวแสบของเขาก็เถอะ ส่วนฟางเซียนผู้เป็นน้องสาว นางมีนิสัยร่าเริงแจ่มใสยิ้มเก่ง เป็นเด็กที่นิสัยค่อนข้างเข้ากับคนได้ง่าย แม้จะไม่เคยทันเล่ห์เหลี่ยมของพี่ชาย แต่นางก็มีความสามารถมากพอที่จะหว่านล้อมให้พี่ชายของนางให้อยู่ในโอวาทได้เสมอ “ท่านแม่” เสียงหวานใสดังขึ้น เรียกให้ผู้เป็นแม่สะดุ้งตื่นจากภวังค์ ก่อนจะหันไปตามเสียงเรียก “ว่าไงจ๊ะ ลูกแม่ไปวิ่งเล่นที่ไหนมา” นางลูบหัวลูกสาวที่วิ่งเข้ามากอดอย่างรักใคร่ “ท่านน้าจินเถาพาพวกเราไปเก็บเห็ดที่เชิงเขามาเจ้าคะ ข้ากับท่านพี่เก็บมาได้เยอะเลย” ฟางเซียนยิ้มอย่างเอาใจ “เก่งมากจ้ะลูกแม่” “เดี๋ยววันนี้แม่จะทำต้มยำเห็ดของโปรดของลูกให้กินก็แล้วกันนะ” “ขอรับ/เจ้าค่ะท่านแม่” เมื่อลูก ๆ ออกไปแล้ว นางก็เริ่มลงมือทำอาหารให้เด็กน้อยทั้งสองอย่างมีความสุขโดยมีจินเถาคอยช่วยหันผักอยู่ข้าง ๆ “คุณชายน้อยและคุณหนูเล็ก ยิ่งโตหน้าตายิ่งเหมือนกับฝ่าบาทนะเจ้าคะ” จินเถาเอ่ยขึ้นขณะกำลังหั่นผัก อืม มันก็จริง เรื่องนี้นางไม่เถียง “แต่ข้าเกรงว่าถ้าสักวันองค์จักรพรรดิรู้เรื่องนี้เข้า คงไม่ดีแน่เจ้าค่ะ” “เขาจะไม่มีวันหาพวกเราเจอ และข้าก็จะไม่มีวันให้เขามาแย่งลูกไปจากข้า” นางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง แม้นางจะหลบซ่อนตัวมาได้สามปีแล้ว แต่อย่างไรสักวันพวกเขาก็ต้องหานางเจอ และนางก็มิอาจรู้ได้ว่า ถ้าเขารู้ว่านางให้กำเนิดลูกของเขา เขาจะพรากลูกไปจากนาง หรือจะฆ่าทิ้งนางหรือไม่ หากเวลานั้นมาถึงจริง ๆ นางก็จะเอาชีวิตเข้าแลก ปกป้องลูกจนวินาทีสุดท้าย “อย่าเพิ่งคิดเรื่องนั้นเลย แค่ตอนนี้เห็นพวกเขามีความสุข ข้าก็ดีใจแล้ว” “คุณชายน้อยเป็นเด็กฉลาดเจ้าค่ะ ข้ามั่นใจว่าเขาจะต้องเอาตัวรอดได้” จินเถาเอ่ยขึ้น ก่อนจะมองผู้เป็นนายอย่างนึกเป็นห่วงและเข้าใจความรู้สึกนาง ขอให้ฮูหยินของนางผ่านเคราะห์กรรมนี้ไปเสียทีเถิด... “ท่านพี่ ข้าอยากรู้จังเลยว่าหน้าตาของข้ากับท่านพี่เหมือนใคร ทำไมเราหน้าตาไม่เหมือนกับท่านแม่เลย” ฟางเซียนถามพี่ชายของตนขณะที่กำลังนั่งให้พี่ชายสางผมของตัวเอง “พี่เองก็ไม่รู้เหมือนกัน” เฟยเทียนตอบ “ท่านพี่ ข้าอยากรู้จังเลย ว่าท่านพ่อของเราเป็นใคร ข้าเองก็อยากมีพ่อเหมือนกับเด็กคนอื่น ๆ บ้าง” ฟางเซียนหันกลับไปมองพี่ชาย หวนคิดถึงเวลาเห็นเด็ก ๆ คนอื่นเดินจูงมือบิดาและหัวเราะอย่างมีความสุข เฟยเทียนชะงักไป เพราะเขาเองก็มีความคิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่เขาก็มิได้แสดงอาการอะไรออกมา และท่านแม่เองก็มิเคยพูดถึงบิดาเลย “ฟางเซียน เราอย่าไปพูดเรื่องนี้กับแม่เลยนะ แม่เลี้ยงพวกเรามาอย่างยากลำบาก พี่มิอยากให้ท่านแม่ต้องคิดมาก” “ถ้าข้าพูดท่านแม่จะเสียใจใช่ไหมเจ้าคะ” “ใช่ อย่างน้อยเจ้าก็ยังมีท่านแม่ มีพี่ และมีท่านน้าจินเถานะ ไปหาท่านแม่กันเถิด อย่าปล่อยให้ท่านแม่รอนานเลย” เฟยเทียนยิ้มอย่างอ่อนโยน พร้อมกับเดินจูงมือน้องสาวตัวน้อยออกไปหาท่านแม่ที่รออยู่ก่อนแล้ว...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD