Chapter 5 อสุรกายร้าย

1239 Words
Chapter 5 อสุรกายร้าย ท่านเคานต์ผู้แสนอ่อนโยนและมีเมตตาเปลี่ยนไป เพราะน้ำสีเหลืองอำพันและผู้หญิงแพศยาคนนั้น นับตั้งแต่วาเนสซาเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ ท่านเคานต์ก็แทบไม่เคยออกไปเยี่ยมเยียนถามไถ่สารทุกข์สุขดิบของประชาชน ไม่แม้แต่จะสาวใช้ด้วยความอ่อนโยนอย่างที่เคยปฏิบัติเสมอมา หลายครั้งที่เธอแอบเห็นวาเนสซาใส่อะไรบางอย่างลงไปในแก้วสุราของท่านเคานต์ เธอพยายามบอกใครๆ แต่ทุกคนก็ไม่มีใครเชื่อ มิหนำซ้ำยังบอกให้เธอเอาใจวาเนสซา เพราะดูอย่างไรผู้หญิงคนนี้คงจะได้ขึ้นเป็นเคานต์เตสเคียงคู่ท่านเคานต์กาแอลอย่างไม่ต้องสงสัย ทว่ามิรันดาไม่อาจยอมรับผู้หญิงคนนี้ หรือเพราะว่าเด็กสาวมอบหัวใจรักให้เจ้าชีวิตไปจนหมดสิ้นแล้ว “ไหนท่านเคานต์บอกว่าจะสอนข้าขี่ม้า สอนข้ายิงธนู ท่านลืมแล้วหรือ...” เด็กสาวตัวน้อยยกหลังมือขึ้นเช็ดหยาดน้ำตา แม้จะผิดหวังในตัวเจ้านายเหนือหัว แต่ด้วยความรัก ความเคารพเทิดทูนที่มีอยู่อเนกอนันต์กลับทำให้เธอไม่อาจทนเห็นเขาถลำลึกไปมากกว่านี้ แต่เด็กตัวเล็กๆ อย่างเธอจะทำอะไรได้ นอกเสียจากเฝ้ามองด้วยความหวัง หวังว่าท่านเคานต์ผู้แสนอบอุ่นจะกลับมาเป็นคนเดิม ขณะเคานต์หนุ่มกระแทกเอวสอบเข้าออกด้วยจังหวะรัวเร็ว จู่ๆ พื้นดินก็เลือนลั่นราวกับเกิดแผ่นดินไหว ก่อนจะมีควันสีดำแผ่กำจายเข้ามาในห้องจนมืดมิด เพียงชั่วพริบตาเดียวกลุ่มควันสีดำก็ประกอบรวมกันเป็นร่างหญิงสาว เธอแต่งกายแลคล้ายกับหญิงชาวบ้านทั่วไป แต่การปรากฏตัวฉายชัดว่าเธอไม่ใช่มนุษย์ทั่วไปแต่เป็น...แม่มด! กรี๊ด! วาเนสซาผละออกจากชายหนุ่ม หมายจะวิ่งหนีเอาตัวรอดทว่าแค่เพียงผู้มาใหม่โบกมือเบาๆ หญิงสาวจอมร่านก็ถูกเส้นใยสีขาวพันรัดรอบตัวเอาไว้แน่น “ข้าเคยเชื่อมั่นในตัวท่าน เชื่อ! ว่าท่านจะเป็นผู้ปกครองที่ดีมีความเมตตา ข้าจึงย้ายมาอยู่ที่นี่อย่างสงบสุข แต่ท่านกลับใจคอโหดเหี้ยมสั่งเผาข้าทั้งเป็น” ทันทีที่หญิงสาวเอื้อนเอ่ยวาจา ร่างที่เคยสาวสวยก็ค่อยๆ ค้อมตัวลงกลายเป็นหญิงแก่ชราผมขาวโพลนทั้งศีรษะ “ท่าน! ควรได้รับบทเรียน นับจากนี้ท่านจะกลายเป็นครึ่งคนครึ่งสัตว์ มีชีวิตอยู่นิรันดร์เพื่อพบกับความเจ็บปวดทรมานอย่างสาสม” นางแม่มดประกาศกร้าวอย่างโกรธเกรี้ยว ขณะกำลังจะร่ายคาถาเพื่อออกไปจากสถานที่แห่งนี้ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นสาวน้อยนางหนึ่ง มองลึกเข้าไปจนเห็นถึงความรู้สึกที่ฉายชัดในดวงตา แม่มดยิ้มที่ริมฝีปาก แล้วตัดสินใจพูดต่อไปว่า “หนทางเดียวที่ท่านจะกลับเป็นมนุษย์ดังเดิมได้ ก็ต่อเมื่อท่านได้รับและได้มอบสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดให้กับหญิงสาว” พูดจบหญิงชราก็กลายเป็นควันลอยหายไปในอากาศ นับจากวันนั้นท่านเคานต์กาแอลก็เก็บตัวเงียบ วาเนสซาถูกจับได้ว่าผสมยาเสน่ห์ปลุกความกำหนัดลงในสุรา เธอถูกส่งต่อให้ทางการดำเนินคดี คฤหาสน์เริ่มรกร้างและแห้งแล้ง ประชาชนย้ายถิ่นฐานไปยังถิ่นอื่นด้วยหวาดกลัวผู้ปกครองมนุษย์หมาป่า มีเพียงมิรันดาที่ยังคอยดูแลเขาอย่างใกล้ชิด และทหารอีก 2 นายที่ถูกแม่มดสาปให้เป็นครึ่งคนครึ่งสัตว์เพราะบังอาจเผาบ้านของนาง จึงนับว่ามิรันดาคือมนุษย์เพียงคนเดียวที่อาศัยอยู่กับอสุรกายทั้งสามตน จนกระทั่ง... “เจ้าจะจากข้าไปงั้นหรือมิรันดา...” เจ้าของดวงตาสีแดงเพลิงจากคำสาปร่ำไห้ มองหญิงชราอายุแปดสิบกว่าด้วยความรวดร้าว “ข้าอยากอยู่กับท่านเคานต์ให้นานที่สุด แต่ข้าไม่อาจฝืนสังขารได้” มิรันดาอยากจะบอกรักเคานต์กาแอลเหลือเกิน ในนาทีสุดท้ายของชีวิตเธออยากให้เขาได้รับรู้ความในใจของเธอ ทว่า...ยามนี้เธอเป็นหญิงชราหน้าตาเหี่ยวย่นน่าเกลียด แตกต่างจากเขาซึ่งยังคงหนุ่มแน่นราวกับกาลเวลามิอาจพรากความเยาว์วัยไปจากเขาได้เลย เธอไม่กล้าที่จะเอื้อนเอ่ยคำนั้นออกไป ได้แต่ยิ้มบางๆ ที่มุมปากก่อนจะจากโลกนี้ไปอย่างสงบโดยมีอ้อมแขนอบอุ่นของผู้เป็นนายเหนือหัวอันเป็นที่รักโอบกอดเอาไว้แนบแน่น ความทรงจำยังคงแจ่มชัด ร่างหมาป่าค่อยๆ กลับกลายเป็นมนุษย์อีกครั้ง กาแอลทรุดตัวลงนั่งบนชะง่อนผา ก่อนจะร้องไห้ออกมาด้วยความโศกเศร้าที่กัดกินหัวใจจนขาดวิ่น โดดเดี่ยวและอ้างว้างเหลือเกิน คิดถึงผู้หญิงแสนดีที่จากเขาไปตลอดกาล... ผู้หญิงที่ยืนหยัดคอยดูแลเขาโดยไม่ปริปากบ่น หลายครั้งที่เขาอารมณ์ร้ายทำลายข้าวของ หรือขับไล่เธอไปให้พ้นด้วยต้องการอยู่คนเดียว แต่เธอก็ไม่เคยทิ้งเขาไปไหน ยังคงยืนยิ้มเป็นกำลังใจให้เขาเสมอมา “มิรันดา...ดวงวิญญาณบนสรวงสวรรค์ของจ้าโปรดจงรับรู้ว่าข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน” มีเรื่องเล่าขานสืบต่อกันมาหลายสิบปี ในป่าดงดิบใกล้ชายแดนพม่าของไทย มีอสุรกายร้ายเร้นกายหลบซ่อนอยู่ หากผู้ใดอยากมั่งมีเงินทองให้นำหญิงพรหมจารีไปเซ่นไหว้บูชา แล้วสวดอ้อนวอนขอในสิ่งที่ต้องการก็จะสุขสมดั่งคำปรารถนา เมื่อครบ 7 วันหญิงสาวซึ่งถูกพร่าผลาญพรหมจารีจะถูกปล่อยตัวกลับออกมาจากป่าพร้อมกับความทรงจำที่ขาดหาย บ้างก็พบเพียงศพนอนเปลือยเปล่าอยู่ในป่ารกร้าง... ‘แกจะทำอะไรฉัน ปล่อยฉันนะ ฉันบอกให้ปล่อย!’ หญิงสาววัย 18 ปีหวีดร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆ พ่อเลี้ยงก็ปราดเข้ามาจับแขนทั้งสองข้างของเธอบิดแรงแล้วไพล่ไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว ‘ฉันเลี้ยงแกมาหลายปี ถึงเวลาแล้วที่แกจะต้องตอบแทนบุญคุณฉันบ้าง’ ยศพลหัวเราะเหี้ยมขณะใช้เชือกเส้นใหญ่มัดรอบข้อมือของหญิงสาวเอาไว้อย่างแน่นหนา แม้ลูกเลี้ยงสาวจะพยายามดิ้นรนขัดขืน แต่รูปร่างบอบบางหรือจะสู้ชายฉกรรจ์ที่ทำงานหนักแบกหามไม่ต่างจากกุลีอย่างเขาได้ ‘ปล่อยฉัน ถ้าแม่รู้แม่เอาแกตายแน่!’ มนรดาตวาดแหวพยายามข่มขู่พ่อเลี้ยงใจทราม ทว่านอกจากจะไม่ได้ผลแล้วมันกลับหัวเราะราวกับขบขันเสียเต็มประดา ‘แม่มึงรักกูหลงกูจะตายไป กูแค่โกหกว่ามึงหนีตามผู้ชายไปเสียก็สิ้นเรื่อง’ หนุ่มใหญ่วัยกลางคนไม่พูดเปล่า คว้าเชือกอีกเส้นมัดข้อเท้าของหญิงสาวเอาไว้อย่างรวดเร็ว ใจจริงเขาอยากจะเก็บเด็กสาวคนนี้เอาไว้เสียเอง เพราะยิ่งโตเธอก็ยิ่งเป็นสาวสะพรั่งน่าหลงใหล แต่พอเขาได้ยินตำนานอสุรกายหมาป่าในวงเหล้า อีกทั้งยังมีคนที่ร่ำรวยจริงจากการเซ่นไหว้บูชาด้วยหญิงพรหมจรรย์ เขาก็เกิดความโลภ!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD