หลังจากที่เธอทำใจอยู่ตรงระเบียงนานพอสมควรก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะเดินกลับไปใน ห้องนอน หญิงสาวไปนั่งลงข้างเตียงก่อนจะยื่นมือไปเกลี่ยปอยผมให้ชายหนุ่มอย่างเบามือ
"ดิวจะไม่ทำให้พี่น้ำเหนือเดือดร้อนเด็ดขาด ถ้าวันหนึ่งครอบครัวของดิวมาสร้างปัญหาให้พี่ ดิวจะเป็นฝ่ายไปเองค่ะ"
เธอยิ้มออกมาก่อนจะก้มหน้าลงไปหอมแก้มชายหนุ่ม จากนั้นเธอก็นอนลงข้างเขาก่อนจะซุกตัวเข้าไปในอ้อมกอดอันอบอุ่นของเขา น้ำเหนือค่อยลืมตาขึ้นช้าก่อนจะดึงหญิงสาวมากอดไว้แนบอก
'เขาไม่รู้หรอกว่าครอบครัวเธอมีปัญหาอะไร แต่เขาจะรอวันที่เธอยอมพูดออกมาเองซึ่งระหว่างนี้เขาจะคอยดูอยู่ห่างๆ'
และช่วงบ่ายทั้งสองคนก็พากันออกมาเดินเล่นในสวนดอกไม้อำเภอข้างๆ วันนี้เขารับเป็นช่างภาพส่วนตัวให้หญิงสาว เขาพาเธอมาทานบุฟเฟ่ต์สเต็กแล้วก็แวะมาถ่ายภาพวิวสวยๆ
"มงกุฎดอกไม้สวยมาก เหมาะกับเรานะ"
เขาเดินไปซื้อมงกุฎดอกไม้มาสวมไว้บนหัวของหญิงสาว เธอเดินวิ่งไปทั่วไร่ส่วนน้ำเหนือก็ตามถ่ายภาพให้ไปเรื่อยๆ ได้ทั้งภาพแบบตั้งใจและทีเผลอแต่ด้วยความที่เธอสวยอยู่แล้วจะถ่ายมุมไหนก็สวยมาก
"น่ารักที่สุดเลย"
"ถ่ายด้วยกันมั้ยคะ"
"เอาสิ มานี่มา"
เขาเอากล้องคล้องคอไว้ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มาเปิดกล้องหน้าเพื่อถ่ายภาพด้วยกันหลายภาพ มีทั้งกอดทั้งหอมแนบชิดกันหวานเยิ้ม จนคนอื่นๆที่เห็นต่างพากันอิจฉาในความหวานของคู่นี้
"พี่น้ำเหนือหล่อจัง"
"แน่นอนสิ ได้พ่อมาเยอะ"
เขายิ้มมุมปากออกมาก่อนจะโอบเอวหญิงสาวแล้วพาเดินออกไปตามทาง ตอนนี้ได้เวลาทานข้าวแล้วเขาพาหญิงสาวมายังร้านสเต็กบนดาดฟ้า เป็นร้านที่วิวสวยมากสามารถทานไปมองดูบรรยากาศภายในไร่ได้อย่างสบายตา
"หูย! สวยมากเลยค่ะ ที่ไร่พี่น้ำเหนือก็มีแบบนี้นี่คะ"
"มีสิ พี่พาเราไปดูอยู่ไม่ใช่เหรอ เพียงแต่ที่ไร่เราไม่รับคนเข้ามาเที่ยวหรือศึกษาดูงาน เพราะแปลงผลไม้ของเราดูแลอย่างดี ไม่อยากให้ใครเข้ามาวุ่นวาย"
"อ่อ แบบนี้นี่เอง เอาจริงๆถ้าไร่คาวีวิลล่าเปิดให้คนเข้าชมน่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นเยอะมากเลยนะคะ"
หญิงสาวเอ่ยออกมาเสียงสดใส เขาไม่มีความคิดจะทำแบบนั้นเหตุผลเพราะถ้าเราปล่อยให้คนนอกมาเข้าชมอาจจะเกิดความเสียหายต่อแปลงผลไม้แต่ละพันธุ์ เพราะที่เขาปลูกส่วนใหญ่จะส่งออกต่างประเทศไม่ได้เน้นขายในประเทศ ทุกอย่างจึงต้องดูแลทะนุถนอมอย่างดีที่สุด จะมาแลกกับเงินที่เข้ามาเยี่ยมชมไม่กี่พันกี่หมื่นไม่คุ้มหรอก
"ถ้าคนเข้าชมไปเหยียบแปลงผลไม้ของไร่ หรือเด็ดผลไม้ชิมจะทำให้แปลงที่ไร่เสียหายได้ พี่เลยไม่ให้ใครเข้าชม"
"แล้วแบบนี้ตอนที่ดิวไปเก็บเด็ดชิมเยอะเลย ทำไมพี่ไม่บอกดิวเล่า"
หญิงสาวขยับเข้าไปใกล้ก่อนจะกอดแขนชายหนุ่มอย่างรู้สึกผิด เธอชอบทำนิสัยแบบนั้นด้วยสิหลายครั้งด้วยไม่รู้ว่าแปลงเขาจะเสียหายรึเปล่า
"เราอยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ มันไม่ได้เสียหายอะไรหรอก พี่แค่คิดเผื่อไว้เฉยๆเค้าเรียกตัดไฟตั้งแต่ต้นลม มาแล้วสเต็กปลาแซลมอน ของใครนะ"
"ของดิวเองค่ะ"
หญิงสาวยิ้มออกมาก่อนจะใช้ส้อมจิ้มไปป้อนใส่ปากชายหนุ่มเพื่อให้เขาชิม
"อร่อยมั้ยคะ"
"อืม อร่อยดีกินเยอะๆนะเรา"
"ค่ะ"
หญิงสาวหันไปสนใจอาหารตรงหน้าต่อ นี่ก็หลายเดือนแล้วที่เธออยู่กับเขาที่นี่ ตอนแรกมันมีความสุขมากไม่มีอะไรให้ต้องกังวลจนถึงตอนนี้ที่ไร่เธออยู่อย่างสบายใจทุกอย่าง แต่ที่ไม่สบายใจนั้นคือครอบครัวของเธอเองที่เอาความเครียดมาใส่หัวให้เธอ และก่อนออกมาเธอก็ได้รับข้อความจากแม่ว่าเอาเงินห้าหมื่นก็ได้ ซึ่งตอนนี้เธอโอนไปให้เรียบร้อยแล้ว และคิดว่าอีกไม่กี่วันก็คงจะโทรมาขออีก เธอได้จากพี่น้ำเหนือเดือนละสามหมื่นบาทแต่แม่ขอครั้งเดียวเท่ากับเงินรายเดือนเธอเกือบสองเดือน นี่ท่านกะว่าจะไม่ให้เธอได้เก็บไว้เลยเหรอไง นี่ถ้าไม่มีเงินเก็บไว้บ้างเธอจะใช้ชีวิตอยู่ยังไง เพราะเวลาพวกเขาเดือดร้อนเธอเป็นที่พึ่งให้ตลอด แต่ยามเธอต้องการที่พึ่งบ้างพวกเขาไม่เคยช่วยอะไรได้เลย มีแต่พี่น้ำเหนือและครอบครัวเท่านั้นที่คอยให้คำปรึกษาตลอดและช่วยเหลือทุกอย่าง พวกเขามีบุญคุณกับเธอมากที่สุดและเธอจะไม่มีทางทำความเดือดร้อนให้กับพวกเขา
"สลัดมั้ย อร่อยนะ"
น้ำเหนือป้อนหญิงสาวบ้าง เธออ้าปากงับก่อนจะพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
"อร่อยมากเลยค่ะ"
"กินเยอะๆ อ่อ พี่ว่าจะถามเรื่องเราซะหน่อย ไม่ไปเยี่ยมครอบครัวบ้างเหรออยากไปมั้ยพี่จะไปส่ง"
เขาเอ่ยถามเป็นเชิงคุยทั่วไป ก็แค่ไม่อยากกดดันให้เธอต้องตอบคำถามแค่นั้น เขาดูว่าแม่ของเธอน่าจะสร้างความลำบากใจให้ลูกหลายอย่าง ดูจากครั้งแรกที่เจอคือไม่ได้มีความรักและห่วงลูกเลย แต่ช่วงนี้โทรมาบ่อยมากไม่รู้ว่ากำลังคิดจะทำอะไรให้ลูกสาวลำบากใจรึเปล่า รายนี้ก็ไม่ยอมพูดด้วยเขาก็ไม่อยากถามเพราะคิดว่าถ้าเธออยากบอกคงพูดออกมาแล้ว
"พ่อกับแม่ดิวไม่ว่างหรอกค่ะ ต่างฝ่ายต่างมีครอบครัวใหม่ไปแล้ว ทุกวันนี้ดิวอยู่คนเดียวมาตลอดจะมีแค่ทักมาโทรมาบ้างตามประสาเท่านั้นค่ะ"
เธอเอ่ยออกมาเสียงเศร้า ที่พวกเขาโทรมาเพราะเธอมีผลประโยชน์ ลองเธอกลับไปตัวคนเดียวดูสิไม่มีทางจะติดต่อมาหรอก
"ตัวคนเดียวที่ไหน ดิวเอาพี่ไปไว้ตรงไหนอ่ะ"
เขาเอ่ยออกมาอย่างน้อยใจ ทุกวันนี้เธอไม่ได้ตัวคนเดียวเลยซักนิด มีเขาอยู่เคียงข้างคอยช่วยเหลือตลอด แต่เป็นเธอเองที่ไม่ยอมพูดและขอความช่วยเหลือจากเขาเลย
"ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ ดิวหมายถึงว่าครอบครัวของดิวที่มีพ่อแม่ลูกมันไม่ได้มีแบบนั้นค่ะ ที่ตรงนั้นดิวเหลือตัวคนเดียว แต่ที่ตรงนี้ดิวมีพี่น้ำเหนือแล้วพี่อยู่ตรงนี้ข้างๆดิว แค่นี้ดิวรู้สึกดีมากแล้วค่ะไม่โดดเดี่ยวเลยซักนิด"
หญิงสาวกอดแขนชายหนุ่มก่อนจะซบหน้าลงกับไหล่กว้างอย่างทีที่พึ่งพิง
"ไม่อยากจะคิดวันที่พี่ทิ้งดิวไปเลย"
เธอเอ่ยออกมาเสียงเบาหวิว แค่คิดก็เศร้ามากแล้วไม่อยากจะจินตนาการต่อถึงจุดนั้นเลย น้ำเหนือลูบผมหญิงสาวก่อนจะดึงเธอมากอดไว้แนบอก
"มีอะไรให้บอกพี่ทุกอย่างนะดิว พี่ช่วยเราได้ทุกเรื่องและพี่จะอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหนหรอก ขอแค่เราอย่าทำเหมือนพี่เป็นคนอื่นเลย"
เขาแค่อยากให้เธอเชื่อใจและยอมพูดในสิ่งที่เธอเก็บเอาไว้ออกมา ไม่ว่ามันจะเป็นอย่างไรเขาจะหาทางช่วยเหลือและจัดการทุกอย่างให้มันเรียบร้อย ไม่มีอะไรแก้ไขไม่ได้หรอกทุกสิ่งมันมีทางออกแน่นอน แต่หญิงสาวไม่ได้คิดแบบนั้น การที่ครอบครัวของเธอมาสร้างความเดือดร้อนให้ชายหนุ่มนั้นเป็นสิ่งเธอยอมรับไม่ได้ เขาไม่ควรได้เจอกับเรื่องแบบนี้
'และเธอยังยืนยันว่าถ้าพ่อกับแม่ยังไม่หยุดแล้วล้ำเส้นมาวุ่นวายกับครอบครัวของพี่น้ำเหนือ เธอจะเป็นฝ่ายเดินออกไปเอง'