“อื้ม อร่อยเลยนะเนี่ย” พี่แทนไทยพูดขึ้นหลังจากกินอาหารคำแรกเข้าปาก และมันก็ทำให้ฉันดีใจ ที่คุณสามี(มโน)ของฉันชอบในรสมือของฉัน
“จริงหรอคะ หลอกกันหรือเปล่า”
“พูดจริง ไม่คิดว่าจะทำอาหารอร่อยขนาดนี้นะเรา”
“แค่พี่แทนชอบ อัญก็ดีใจแล้วค่ะ” ฉันแทบไม่ได้ทำอาหารให้ใครกินเลย ก็อย่างที่บอกว่าฉันอยู่คนเดียว ก็ทำกินเองคนเดียว ส่วนเพื่อนเวลามาหาก็มักจะออกไปกินข้างนอกกัน หรือไม่ก็ช่วยๆกันทำ
“แล้วพรุ่งนี้พี่แทนอยากไปเที่ยวไหนเป็นพิเศษคะ วัด ป่า เขา หรือตลาด” ฉันถามออกไปเพราะจะได้เลือกพาไปถูก คือต้องถามความชอบของเขาก่อน จะได้วางแผนถูก
“ไม่รู้เหมือนกัน เอาเป็นว่าอัญพาพี่ไปไหนพี่ก็ไปหมดนั่นแหละ” อืม ถ้าเขาพูดแบบนี้ฉันก็ไม่มีปัญหาอะไร จะได้จัดเรียงสถานที่ได้ถูกต้องไม่เสียเวลาไปๆมาๆ
“ค่ะ”
แล้วเราสองคนก็นั่งกินข้าวกันต่อ โดยมีการพูดคุยกันเรื่องทั่วไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้เบื่อ
“เดี๋ยวพี่ช่วยล้าง”
“ไม่ต้องเลยค่ะ ออกไปนั่งเล่นรอได้เลย ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของอัญเองนะคะ” ฉันรีบตัดบทออกไปอย่างเร็วหลังจากพี่แทนไทยช่วยเก็บจานหลังกินข้าวเสร็จ
“แต่พี่เกรงใจเรานะ ตั้งแต่มาเรายังไม่ได้หยุดเลย” น่ารักอีกแล้วสามี(มโน)ของฉัน
“ไม่ต้องเลยค่ะ ถ้าเกรงใจจริงๆก็ไปนั่งรอนะคะ” ฉันคงไม่ให้แขกมาทำอะไรแบบนี้แน่ ยิ่งเป็นแขกสำคัญด้วยแล้ว ฉันพร้อมจะดูแลเต็มที่ตลอดชีวิตค่ะ(หรอ)
“เห้อ รู้แบบนี้พี่ไปนอนโรงแรมดีกว่า อัญจะได้ไม่ต้องลำบาก”
“อย่าพูดแบบนี้สิคะ เรื่องแค่นี้เอง อีกอย่างอัญก็ทำทุกวันอยู่แล้ว ไม่ได้ลำบากอะไรเลย พี่แทนอย่าคิดมากนะคะ มาเที่ยวพักผ่อนให้สบายใจดีกว่า” ฉันไม่อยากให้เขาคิดมาก เพราะฉันบอกแล้วว่าฉันเต็มใจ เต็มใจจะทำทุกอย่างให้เขาเลยแหละ(ดูแรดจังฉันเนี่ย)
“อัญทำให้พี่รู้สึกไม่ดีเลย” เขาพูดขึ้นหน้าเศร้าๆ
“พี่แทนเป็นแขกที่อัญเต็มใจต้อนรับ และอัญก็เป็นผู้หญิง ที่สำคัญ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่พี่ต้องคิดมาก อย่าคิดแบบนี้นะคะ อัญกลัวว่าตัวเองจะทำให้พี่ไม่สนุกเอา” ฉันบอกออกไปตรงๆ ถ้าเกิดเขาเกรงใจฉันเกินไป มันจะทำให้เขาเองนั่นแหละที่กดดัน เพราะสำหรับฉันก็อย่างที่บอกไป ว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร และฉันก็เต็มใจ
“ก็ได้ครับ ถ้าเสร็จแล้วรีบตามออกไปนะ”
“ได้ค่ะ” ฉันส่งยิ้มให้พี่แทนไทยก่อนจะจัดการกับจานชามตรงหน้า
แต่ฉันไม่คิดว่าพอออกจากครัวมาจะเห็นพี่แทนไทยนั่งหลับที่โซฟา ฉันจึงเดินไปหาเขาเงียบๆเพราะไม่อยากกวน ก่อนจะออกไปปิดประตูบ้านเพราะว่าตอนนี้ก็ค่ำแล้ว
“อ้าว เสร็จแล้วหรอ” พอหันกลับมาคืนพี่แทนไทยก็ลืมตาขึ้นมาก่อนจะถามฉันออกมา
“ค่ะ พี่แทนไปอาบน้ำนอนไหมคะ จะได้พักผ่อนนอนสบายๆ” ฉันเป็นห่วงเขาจริงๆนะ เขาต้องขับรถมาตั้งหลายชั่วโมงด้วยตัวเอง แล้วไหนที่เขาต้องเร่งทำงานจนวันสุดท้ายก่อนจะมาที่นี่เลยโดยไม่ได้พักก่อนอีก
“อืม งั้นเดี๋ยวพี่ไปอาบน้ำก่อนดีกว่า”
“ค่ะ” ฉันยิ้มให้พี่แทนไทยก่อนจะเดินเข้าห้องตัวเองเพื่ออาบน้ำเหมือนกัน ก็ฉันทำนั่นทำนี่ตั้งหลายอย่าง ก็อยากล้างเนื้อล้างตัวหน่อยแหละ ถึงแม้ปกติฉันไม่ได้อาบน้ำเร็วขนาดนี้ แต่ตอนนี้มีผู้ชายที่หล่อมาก และฉันก็รักหลงมากอยู่บ้านหลังเดียวกับฉัน ฉันก็ต้องรีบอาบเพื่อไม่ให้มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ เดี๋ยวมันจะดูไม่ดีเอา
แทนไทย
หลังจากผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ผมก็เลือกออกจากห้องนอนเพราะเมื่อกี้ก็งีบไปนิดหน่อยแล้วเลยทำให้ไม่ยังไม่ค่อยง่วงและไม่อยากนอนเท่าไหร่ เลยตั้งใจออกมานอกห้อง
แต่พอออกมาข้างนอกกลับไม่เห็นใครอยู่ อัญญาต้องเข้าห้องของเธอแล้วแน่เลย ผมเลยไปเคาะห้องของเธอเพื่อจะชวนเธอออกไปเดินเล่นย่อยอาหารสักหน่อย
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
หลังจากเคาะไปแล้วก็เงียบไม่มีการตอบรับใดๆ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ผมเลือกจะเคาะอีกครั้ง แต่ก็ยังเหมือนเดิม ยังไม่มีเสียงตอบกลับ หรือว่าคนมาเปิดประตู
“หรือว่าจะเป็นอะไร” จะว่าหลับก็ไม่น่าใช่เพราะเธอน่าจะเข้าห้องหลังจากผมเข้าแน่ๆ คงไม่หลับเร็วขนาดนี้ จะอาบน้ำหรอก็อาจจะเป็นไปได้ แต่ถ้าไม่ได้อาบน้ำล่ะ...
“เปิดดูหน่อยแล้วกัน” เหมือนจะเป็นคนดีที่เป็นห่วงเธอเกินไปนะ แต่ไม่รู้ว่าในใจจริงๆแล้วมีอะไรแอบแฝงหรือเปล่า ไม่หรอก ผมเป็นคนดีจริงๆ
อ่า อาบน้ำอยู่จริงๆสินะ เพราะพอเปิดเข้าห้องมาผมก็ไม่เห็นอัญญาอยู่ในห้อง แต่ก็ได้ยินเสียงน้ำในห้องน้ำดังออกมา แต่พอผมคิดว่าจะออกไปรอเธอด้านนอก ก็ทำให้ผมเปลี่ยนใจกับสิ่งที่เห็น ผมเลือกจะเดินเข้ามาในห้องของเธอโดยไม่ออกไปอย่างเสียมารยาท
“ห้องน่ารักดีนี่” ผมพูดด้วยรอยยิ้มหลังจากเห็นห้องของอัญญาที่จัดแต่งได้เป็นสัดส่วนน่าอยู่มาก และที่ทำให้ดูดีมากขึ้นก็คงจะเป็นโปสเตอร์รูปผมที่ถูกแปะอยู่ตามผนังห้องนั่นเอง และยังมีแผ่นเล็กที่ถูกห้อยไว้กับไฟดวงเล็กที่หัวเตียงนั่นอีก นี่คือคงชอบผมมากๆเลยนะเนี่ย ถึงได้มีรูปผมแปะไว้เยอะแบบนี้ ไหนจะชั้นวางของที่มีรูปผมอยู่ในกรอบรูปนั่นอีก แต่พอผมเดินเข้าไปดูทำให้ผมยิ้มกว้างทันที
ผมรู้ว่าผมเป็นศิลปินดังที่มีแฟนคลับมาก แต่พอได้มาเห็นห้องนอนของแฟนคลับที่มีรูปและของที่เกี่ยวกับตัวเองกับตาแบบนี้มันก็ดูน่ารักปนแปลกๆเหมือนกัน แต่สำหรับห้องของอัญญานี่ ผมแทบจะพูดได้เลยว่าเป็นแกลเลอรี่สะสมทุกอย่างเกี่ยวกับผมได้เลย เพราะหันไปทางไหนก็เห็นหน้าตัวเองอยู่ทุกที่ทุกมุม
ผมเดินดูมาเรื่อยถึงชั้นมุมห้องก่อนจะเห็นสมุดไดอารี่ที่ด้านหน้าแปะรูปของผมไว้ ผมเลยเลือกหยิบไดอารี่เล่มนั้นออกมาดูอย่างเสียมารยาทแล้วเดินไปนั่งโซฟาปลายเตียงก่อนจะเปิดดูด้านใน ซึ่งคิดว่าด้านนอกมีรูปผมแล้ว ด้านในมันก็ต้องเป็นรูปของผมตามมาจริงๆนั่นเอง
มันเป็นรูปของผมที่ทั้งเหมือนถูกตัดมาจากหนังสือบ้าง นิตยาสารบ้าง ดูจากรูปไปแล้วรูปมีตั้งแต่สมัยผมเข้าวงการใหม่ๆเลยนะเนี่ย อย่าบอกว่าเธอเป็นแฟนคลับของผมตั้งแต่ต้นนะ
ผมเปิดไปเรื่อยๆก็อย่างที่คิดนั่นแหละครับ เพราะว่ารูปในไดอารี่เล่มนี้มันคงถูกสร้างขึ้นตึ้งแต่ผมเข้าวงการใหม่ๆ แถมแต่ละรูปก็มีคำบรรยายสั้นๆน่ารักๆตามอิริยาบถและสถานที่นั้นๆของผม ดูแล้วก็น่ารักดีนะเนี่ย
พอผมดูจบ ผมก็เอามันไปเก็บ และก็หยิบเล่มใหม่ขึ้นมานั่งที่เดิม ซึ่งมันถูกเรียงกันอยู่เป็นสิบๆเล่มได้ แล้วแต่ล่ะเล่มผมคิดว่าน่าจะเป็นเกี่ยวกับผมนะ พอเล่มที่สอง ก็เป็นอย่างที่ผมคิด เพราะว่ามันเป็นรูปของผมเหมือนเดิม แต่จะอัพเลเวลขึ้นมาหน่อย ตรงที่รูปในเล่มนี้มันไม่ได้ถูกตัดมาจากไหน แต่ถูกซื้อมาแทน เพราะมันเป็นคล้ายๆกับรูปที่มาจากพวงกุญแจอันสิบยี่สิบบาทแล้วแกะพวงออกเอาแต่รูปมาแปะ
ผมนั่งดูเรื่อยๆ อ่านข้อความๆสั้นๆที่อัญญาเขียนลงไปพร้อมกับรอยยิ้มประดับหน้าอยู่ตลอดเวลา ซึ่งแต่ละเล่มนี่ก็เป็นไปตามยุคตามสมัยจริงๆครับ เพราะเริ่มหยิบไล่ไปเรื่อยๆ มันก็ยิ่งเป็นเล่มที่ทันสมัยขึ้น จนมาถึงช่วงที่เป็นรูปแผ่นโฟลารอยด์ที่ดูภาพและสีทันสมัยและคมชัดขึ้น
ผมต้องภูมิใจแค่ไหนกันนะ ที่มีคนชอบผมตั้งแต่ผมยังไม่ดังมาก และติดตามผมมาตลอดจนถึงปัจจุบันแบบนี้ นี่ก็เกือบสิบปีแล้วนะที่ผมเข้าวงการ ผมนับถือความมั่นคงของเธอจริงๆ แบบนี้ผมต้องหาของสมนาคุณให้กับแฟนคลับผู้ซื่อสัตย์อย่างเธอหน่อยแล้วสิ
แต่ระหว่างที่ผมกำลังนั่งดูสมุอไดอารี่พวกนี้อยู่ด้วยรอยยิ้มจนเผลอลืมบางอย่างไปนั้น...
แกร็ก เสียงประตูห้องน้ำถูกบิดออกทำให้ผมจำได้ว่าผมเผลอเข้ามาอยู่ในห้องของอัญญานานเกินไป และเสียมารยาทดูของๆเธออย่างไม่ได้รับอนุญาต แต่ถ้าผมจะออกไปตอนนั้น ผมคิดว่ามันคงไม่ทันแล้ว...
“อร้าย!!!”
ตุบ!