ซายน์...
และแล้ววันแต่งงานของฉันกับพอสก็มาถึง ฉันยืนมองดูงานแต่งของตัวเองจากหน้าต่างห้องพักชั้นบนซึ่งใช้เป็นห้องแต่งตัวเจ้าสาว ฉันก้มลงไปมองรอบๆบริเวณงานจนฉันเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่านี่คืองานแต่งงานจริงๆหรือเปล่าคือถ้าไม่เห็นดอกไม้ไม่เห็นเวทีไม่เห็นป้ายชื่อเจ้าบ่าวเจ้าสาวฉันคิดว่าฉันมางานโอท็อปประจำจังหวัดเพราะคนมากันเยอะมากหลายร้อยคนไหนซึ่งแต่ละคนก็เป็นคนมีชื่อเสียงระดับจังหวัดทั้งนั้น ไหนจะซุ้มอาหารเครื่องดื่มจากโรงแรมดังระดับห้าดาวของเชียงใหม่ที่ตั้งเรียงรายเกือบร้อยซุ้มที่ตั้งตั้งแต่หน้าประตูทางเข้างานจนถึงสวนดอกไม้ด้านหลังรีสอร์ตที่ติดกับแม่น้ำปิงจนทำให้รีสอร์ตที่เราใช้จัดงานที่มีเนื้อที่หลายสิบไร่แคบไปถนัดตา
"พี่ซายน์ตื่นเต้นมากมั้ยคะ ตะวันเห็นแล้วยังตื่นเต้นแทนเลย" ตะวันพูดด้วย้ำเสียงตื่นเต้น
"อื้มมม^^" ฉันหันไปตอบตะวันที่วันนี้เธอมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้ฉันแม้ว่าตอนนี้ตะวันยังไม่ได้คืนดีกับซันแต่เธอก็ยังมาช่วยงานแถมยังมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้ฉันอีก ส่วนซันน้องชายฉันก็ไปเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้พอส ฉันไม่รู้ว่าพอสจะรู้สึกยังไงที่เห็นผู้หญิงที่เขารักมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวในงานแต่งงานของตัวเอง ถ้าให้เดาเขาคงจะเสียใจที่เจ้าสาวของเขาไม่ใช่ตะวันแต่เป็นฉันที่เขาไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยเลย ฉันทำได้แค่ขอโทษเขาในใจ
"ทำไมพี่ซายน์ไม่ค่อยยิ้มเลยคะวันนี้วันแต่งงานของพี่นะ"
"ตะวันจะให้พี่ยิ้มยังไงในเมื่อตะวันก็รู้ว่างานแต่งงานของพี่ไม่ได้เกิดจากความรัก"
"แต่พี่ซายน์ก็พอสไม่ใช่เหรอคะ"
"ตะวันรู้เหรอ"
"ตอนแรกก็ไม่รู้หรอกค่ะแต่ตะวันได้ยินแม่ของตะวันคุยกับแม่ฝนแล้วก็อาแพรวแม่ของพอส" ฉันไม่รู้จะพูดอะไร ฉันรู้สึกอายที่ตะวันรู้เรื่องนี้เพราะตะวันก็รู้อยู่แก่ใจว่าพอสรักตัวเอง
"แต่พอสเค้าไม่ได้รักพี่ เค้ารักตะวัน"
"พอสกับตะวันเราเป็นได้แค่เพื่อนกันเท่านั้นค่ะพี่ซายน์"
"สำหรับตะวันอาจจะคิดกับพอสแค่เพื่อนแต่สำหรับพอสตะวันคือรักแรกของเค้า"
"พี่ซายน์รู้ได้ยังไงคะว่าตะวันคือรักแรกของพอส"
"เค้าบอกกับพี่เอง"
"หึ พี่ซายน์ก็เชื่อที่พอสมันบอกเหรอคะ" ฉันไม่เข้าใจที่ตะวันพูดเท่าไหร่แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรกลับไป จนกระทั่งถึงเวลาที่ฉันต้องลงไปเข้าพิธีหมั้น แม่เข้ามาตามฉันก่อนจะเดินจูงมือฉันเดินลงมาโดยมีตะวันเดินตามหลังพร้อมกับช่วยถือปลายผ้าสะไบสีงาช้างที่ยาวถึงพื้นเพราะตอนนี้ฉันอยู่ในชุดไทยประยุกต์ ฉันเริ่มรู้สึกประหม่าเมื่อเดินลงมาถึงลานที่ใช้จัดพิธีหมั้นแล้วมีพอสรออยู่วันนี้เขาสวมชุดเจ้าบ่าวไทยประยุกต์สีขาวทำให้เขาดูหล่อกว่าทุกวัน ฉันรีบหลบสายตาของเขาที่มองมาแล้วมองไปดูแขกที่มาร่วมพิธี แขกมากมายหลายร้อยคนนั่งกันอย่างเป็นระเบียบ ด้านหน้าเวทีมีช่างกล้องอีกหลายสิบชีวิตที่ถือกล้องเพื่อเตรียมถ่ายภาพถ่ายวีดีโอ
"มานั่งตรงนี้ค่ะลูก" อาแพรวเรียกฉันให้มานั่งข้างๆพอส ฉันคลานเข่าเข้าไปเพราะมีแขกผู้ใหญ่นั่งขนาบสองข้าง ยิ่งมานั่งใกล้เขาฉันยิ่งรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง อยากจะบอกว่าหลายอาทิตย์ก่อนวันงานฉันกับพอสเราไม่ได้เจอหน้ากันเลย ล่าสุดที่เจอกันก็คือวันไปถ่ายภาพพรีเวดดิ้งหลังจากนั้นเราก็ไม่เจอห้นากันอีกจนกระทั่งวันนี้
หนึ่งชั่วโมงต่อมาหลังจากงานพิธีหมั้นเสร็จสิ้นลงฉันก็ขอตัวขึ้นไปพักเพราะรู้สึกปวดหัวขึ้นมาอีก ฉันหยิบยาไมเกรนออกมาจากกระเป๋าซึ่งช่วงนี้ฉันต้องใช้มันบ่อยกว่าปกติเพราะฉันเครียดจนนอนไม่หลับ บางคืนก็ต้องใช้ยานอนหลับช่วยเพราะนอนไม่หลับ
"พี่ซายน์หน้าซีดมากเลยนะคะเมื่อกี้" ตะวันเดินเข้ามาหาฉันเพราะเธอเห็นอาการของฉันไม่ค่อยสู้ดีตั้งแต่ตอนสวมแหวนหมั้น รู้ไหมว่าระหว่างพิธีฉันกับพอสเราไม่ได้คุยกันเลยเหมือนเราเป็นคนไม่รู้จักกันทั้งที่วันนี้คือวันแต่งงานของเรา
"พี่ไม่ค่อยสบายน่ะแต่กินยาแล้วเดี๋ยวคงดีขึ้น"
"พี่ซายน์กินยาอะไรคะ"
"ยาแก้ปวดหัวธรรมดาน่ะไม่มีอะไรหรอก"
"แน่ใจเหรอคะ ไหนขอตะวันดูหน่อย" เหมือนตะวันจะไม่เชื่อเธอเดินมาหยิบขวดยาที่ฉันเอาใส่ในกระเป๋าออกมาดู
"นี่มันยาไมเกรนนี่คะ พี่ซายน์เป็นไมเกรนเหรอ"
"อื้มม แต่ตะวันห้ามบอกใครนะพี่ไม่อยากให้ใครมาเป็นห่วง"
"แต่มันอันตรายมากเลยนะคะ พี่เป็นนานแล้วเหรอ"
"หลายปีแล้วล่ะ" ฉันสารภาพ คือฉันเริ่มเป็นตั้งแต่ก่อนไปเรียนเมืองนอกแล้วน่ะแต่ไม่เคยบอกใคร แต่ตั้งแต่ฉันไปเรียนเมืองนอกกลับมาอาการฉันก็ดีขึ้นแล้วนะจะมาก็ช่วงนี้แล่ะที่ต้องกลับมากินยา ฉันไม่อยากจะโทษว่าเป็นเพราะพอสที่ทำให้ฉันเครียด ถ้าจะโทษก็โทษที่ฉันเองนี่แล่ะที่ตัดใจจากเขาไม่ได้สักที
"พี่ซายน์ห้ามเครียดนะคะเข้าใจมั้ยเพราะมันอันตรายถึงชีวิตเลยนะ ตะวันเคยเห็นข่าวบางคนเครียดมากจนเส้นเลือดในสองแตกก็มี ตะวันว่าตะวันควรจะบอกให้พอสรู้มันจะได้ไม่ทำให้พี่เครียดเพราะต่อไปพี่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับมันไปทั้งชีวิต เพราะตะวันเชื่อว่าสาเหตุหลักที่พี่ปวดหัวจนต้องกินยาแบบนี้น่าจะมาจากพอสด้วย"
"ไม่เกี่ยวกับพอสหรอก พี่เครียดเรื่องเรียนเรื่องส่วนตัวน่ะ ตะวันสัญญากับพี่สิว่าจะไม่บอกใคร" ฉันจำใจต้องโกหกตะวันเพราะฉันไม่อยากให้พอสรู้ว่าฉันเป็นอะไรฉันไม่อยากให้เขาสมเพชฉันน่ะ
"แต่ว่า..."
"ถ้าตะวันรักพี่ตะวันต้องเชื่อที่พี่พูด ไม่ต้องบอกพอสหรือใครทั้งนั้นเข้าใจมั้ย"
"ก็ได้ค่ะ แต่ต่อไปตะวันอาจจะต้องโทรถามอาการพี่ซายน์บ่อยๆจนกว่าจะแน่ใจว่าพี่ดีขึ้น" ตะวันห่วงฉันฉันรู้ดี ตะวันน่ะดีกับฉันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วทำไมฉันจะไม่รู้
"ขอบใจนะตะวันที่ดีกับพี่ขนาดนี้ เพราะตะวันเป็นแบบนี้ไงพอสถึงรักตะวันน่ะ" ฉันไม่แปลกใจเลยที่มีแต่คนรักตะวัน ต่างกับฉันที่ไม่ว่าจะทำยังไงเขาก็คงไม่มีวันรัก
"รักแบบเพื่อนน่ะค่ะ มันไม่ได้รักตะวันแบบที่พี่เข้าใจหรอกเชื่อสิคะตอนนี้พอสมันอาจจะยังไม่รู้ใจตัวเองหรืออาจจะรู้แล้วแต่มันแค่ปากแข็งก็เท่านั้นเอง ตะวันเชื่อว่าสักวันพอสมันจะรู้ว่ามันควรจะรักใคร และคนๆนั้นไม่ใช่ตะวันอย่างแน่นอน" ตะวันพูดเหมือนกับว่าพอสรักฉันอย่างนั้นแล่ะแต่มันจะเป็นไปได้ยังไง มันไม่มีทางเป็นไปได้ ตะวันอาจจะแค่ปลอบใจฉันอยู่ก็ได้
พอส....
"กูไม่คิดเลยว่าสุดท้ายมึงจะมาเป็นพี่เขยกู"
"มึงคิดว่ากูอยากเป็นเหรอวะ"
"มึงทำไมพูดแบบนี้วะไอ้พอส มึงแต่งงานกับพี่กูมึงก็ต้องรักพี่กูดิ"
"มึงก็รู้ว่ากูรักใคร"
"กูรู้ว่ามึงรักตะวันแต่มึงอย่าลืมว่าตอนนี้มึงกำลังจะแต่งงานกับพี่สาวกู"
"กูไม่ลืมหรอก แต่กูแค่อยากจะบอกให้มึงรู้เอาไว้ว่าถึงกูจะแต่งงานกับพี่มึงแต่กูก็ยังรักตะวันเหมือนเดิม"
"ไอพอส!!!" ไอ้ซันมันตะคอกใส่ผมด้วยความโมโหที่ผมบอกว่าผมรักเมียมันแม้ว่าผมกำลังจะแต่งงานกับซ่ายน์พี่สาวมัน
"ถ้าวันนี้ไม่ใช่วันแต่งงานพี่สาวกู มึงถูกกูต่อยปากแตกแน่"
"อยากต่อยมึงก็ต่อยเพราะที่กูพูดมันคือความจริง"
"ถ้ามึงไม่ได้รักพี่กูมึงทำไมไม่ปฏิเสธการแต่งงานไปตั้งแต่แรกวะห๊ะ"
"ถ้ากูทำได้กูคงทำไปนานแล้วไม่รอให้มาถึงวันนี้หรอก"
"กูขอห้ามมึงเลยนะถ้ามึงไม่ได้รู้สึกอะไรกับพี่กูมึงห้ามล่วงเกินพี่สาวกูเป็นอันขาด"
"หึ มึงไม่ต้องห่วงกูไม่ทำอะไรพี่มึงหรอกเพราะกูไม่ได้รักพี่สาวมึง"
คำพูดที่เขาพูดกับซันเมื่อครู่เขาไม่รู้เลยว่ามีอีกหนึ่งคนที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้นทั้งหมดและจำมันได้ขึ้นใจนั่นก็คือคู่หมั้นของเขาเองที่กำลังจะเป็นเจ้าสาวของเขาในอีกไม่ช้า
โอ๊ยสงสารพี่ซายน์ ฮืออออออ อิพอสคนใจร้ายคนใจดำคนนิสัยไม่ดี
ใครจะด่าพี่พอสคนดีก็เชิญได้เลยค่ะไรท์อนุญาต55555
ปล.ตอนแรกไรท์จะให้พี่ซายน์เป็นหนักกว่านี้แต่กลัวจะดราม่าเกินไปเอาเป็นแค่ไมเกรนก็พอ