ตอนที่ 3
“ข้าว่าคงจะอยู่ยากแล้วล่ะทีนี้” สองพี่น้องกระซิบกระซาบกัน แต่ทว่าคนทำให้ท่านกุนซือหน้าถอดสีไม่น้อย
“ราชโองการ แต่งตั้งขุนนางเกา” ฮ่องเต้คิดจะเล่นงานขุนนางผู้นี้แล้ว
จึงได้กระซิบกงกงให้หยิบม้วนราชโองการที่พระองค์ทรงจรดมือเขียนอักษรทั้งหลาย ไม่ถึงอึดใจก็ให้กงกงชราเอ่ยราชโองการแก่ขุนนางผู้สามหาว
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” ขุนนางเกาก้มลงรับราชโองการด้วยสีหน้าหวาดหวั่น เมื่อคิดได้ก็สายไปเสียแล้ว
“ขุนนางเกามีความรู้ ความสามารถมากมาย อีกทั้งยังเก่งกล้าทัดเทียมกับท่านแม่ทัพหยางที่จับดาบออกศึกมานานหลายปี บัดนี้มีกลุ่มโจรป่า แดนเหนือออกอาละวาด
ให้ขุนนางเกาและทหารอีกสามสิบนายไปปราบกองโจร อีกทั้งคุณชายเกาและคุณหนูเกา ร่วมเดินทางช่วยเหลือบิดาในครั้งนี้ด้วย จบราชโองการ” กงกงชรา
ถ่ายทอดราชโองการม้วนสีทองเหลืองอร่าม ด้านหลังปักลายมังกรเอาไว้อย่างงดงาม
ขุนนางเกาล้มทั้งยืนตั้งแต่ที่รู้ว่าตัวเองถูกเล่นงานเข้าให้ ขุนนางที่อยู่ในท้องพระโรงต่างเกรงกลัวพระอาญาไม่น้อย
เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าฮ่องเต้นั้นทรงเอ็นดูท่านแม่ทัพหยางขนาดไหน ไหนเลยจะกล้ารายงานเรื่องไร้สาระนี้ได้
พวกเขาเก็บปาก เอาไว้กินข้าวดีกว่าถูกส่งให้ไปปราบโจรเหมือนขุนนางเกา ผู้ไม่รู้ที่ต่ำที่สูงแต่ดันพาลูกซวยไปด้วย
ก็เพราะปากพล่อย ๆ เช่นนี้ จะมีใครหน้าไหนเอ่ยทัดทานขึ้นอีกเมื่อเห็นว่านั่นคือบทเรียนราคาแพง และไม่อาจจะมีชีวิตรอดกลับมา
“แม่ทัพหยางกลับมาเหนื่อย ๆ ก็ไปพักผ่อนเถิด หากว่างเมื่อไหร่ก็ให้มาหาเจิ้นบ้าง” ฮ่องเต้เอ็นดูนางมาก นางก็เป็นเหมือนหลานสาวของพระองค์
บิดาของนางและเขานั้นสนิทสนมกันดี ร่วมฝ่าฟันกันมาหลายปีกว่าจะอยู่อย่างร่มเย็นนั้นก็ใช้เวลานานมากโข
ยามเมื่อนางเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ น่ารักก็ยังมานั่งตักของเขาอยู่บ่อยครั้ง
“เพคะ ฝ่าบาท” หลิวชิงระบายยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นยอบกาย แล้วจากมาหลังจากจบการประชุมในวันนี้ เพียงแค่นางระบายยิ้มเล็กน้อย หาได้อารมณ์ดีไม่ เจ้าพวกนี้ก็ตามนางไม่เลิกรา
“ข้าจะไปอยู่ที่จวนกับเจ้า” อ๋องโจวรีบเอ่ยขึ้นคนแรก เขาจะไม่ยอมปล่อยภรรยากับลูกอยู่ตามลำพัง ในตระกูลของหลิวชิงนั้นหามีสตรีไม่
สตรีพวกนั้นต่างก็อยู่ที่อารามหรือไม่ก็กลับไปอยู่ตระกูลเดิมของพวกนาง ด้วยเพราะท่านแม่ทัพหยางนั้นจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ หลงเหลือเพียงบุตรีคนเดียว
“ข้าด้วย” องค์ชายสามปากบอกว่าจะรอให้นางคลอดเสียก่อน แต่เมื่อเห็นพี่ชายที่ไม่มีทีท่าว่าจะยอม เช่นนั้นเขาจะยอมได้อย่างไรกัน
คืนนั้นเขาปีนเตียงนางนอนอยู่ครู่ใหญ่ เขาไม่รู้ว่าตนเองได้กระทำอะไรลงไปหรือไม่ ด้วยความเมามายในสุราที่หวานชื่นใจ แต่แฝงไปด้วยความร้อนแรง ทำให้มึนเมาไม่รู้ตัว
“ข้าด้วย” กุนซือรีบเอ่ยขึ้นอีกคน แต่ท่านรองแม่ทัพกลับไม่กล้าเอ่ยปากขอไปอยู่ที่จวนเกรงว่าจะสร้างความรำคาญให้นาง
“พวกท่านหยุดสักทีได้หรือไม่ รำคาญนัก ไสหัวไปให้หมด อย่ามาวุ่นวายกับข้า” หลิวชิงไม่เข้าใจพวกเขาสักนิด
เหตุใดนางพยายามบอกกี่ครั้ง กี่หนว่าไม่ใช่ลูกของพวกเขา แต่ก็ยังตามราวีนางไม่เลิกสักที หรือว่านางทำอะไร
ไม่กระจ่างกันแน่ คืนนั้นพวกเขาก็พากันปีนเตียงนาง
นางก็ถีบลงทุกคน ยกเว้นเพียงเขาคนนั้น ที่ถีบลงไปไม่รู้กี่ครั้งก็ขึ้นมานอนจนได้
เขายังจูบนางอย่างหน้าด้านไร้ยางอาย นางหรือจะปล่อยไปในเมื่อเขาจูบนาง นางก็จูบตอบไม่คิดที่จะเสียเปรียบแม้แต่น้อยนิด
แต่ที่ไหนได้ที่ไม่ยอมเขา แต่นางกลับเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำเสียตัวให้เขาเสียนี่ แถมยังฝากเจ้าก้อนแป้งทั้งสองไว้ในท้องนางอีกด้วย
“ข้าบอกพวกท่านแล้วอย่างไร ว่าลูกของข้าหาใช่ของพวกท่านไม่ ทำไมไม่เชื่อกันบ้างเล่า มีใครจำได้ว่า จูบข้า นอนกับข้า มีหรือไม่” คนท้องเริ่มโมโห
“มี ข้าจูบเจ้า” อ๋องโจวเอ่ยขึ้นทันควัน คืนนั้นเขาจูบนางแล้วก็จำอะไรไม่ได้
“ท่านละเมอ” หลิวชิงตัดบทไป ใช่เขาจูบนาง แต่จูบที่แก้มมิใช่ที่ปาก หลังจากนั้นเขาก็หลับไปนางก็ถีบเขาลงไปนอนข้างล่างเช่นเดิม
“ข้าขึ้นไปนอนบนเตียงกับเจ้ายันเช้า ข้าจำได้” องค์ชายสามผู้ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา
“ท่านจะบ้าหรือ นอนบนเตียงกับข้า แล้วจำได้หรือไม่ว่าทำอะไรข้าบ้าง ท่านจะจำได้อย่างไร นอนกรนเสียงดังขนาดนั้น” หลิวชิงระอาใจนัก
บุรุษคนนั้นอุ้มนางไปที่ห้องของเขา แล้วก็ทำอะไรต่อมิอะไรไปหลายรอบ
เป็นนางที่แอบย่องกลับมานอนที่ห้อง แถมคนพวกนี้ก็พากันปีนขึ้นเตียงนางมานอนอยู่ก่อนหน้าที่นางจะกลับมา
แล้วจะให้นางนอนที่พื้นหรือ ฝันไปเถอะเตียงของนาง นางก็จะนอน เช่นนั้นก็แค่ถีบเจ้าพวกหน้าด้านลงไปจากเตียงของนางให้หมด
แต่พอลืมตาขึ้นมา ก็พบว่า คนพวกนี้ยังนอนอยู่บนเตียงของนางอีกเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าพากันปีนขึ้นมานอนตั้งแต่เมื่อไหร่
“แล้วใครเป็นพ่อของลูกในท้องเจ้า หลิวชิงเจ้ายอมบอกพวกข้ามาเถิด” อ๋องโจวเอ่ยขึ้น เขาอยากรู้จริง ๆ แต่เหมือนว่าทุกคนคงจะลืมใครไปหรือไม่
พวกเขาเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ออกตัวว่าเป็นบิดาของเจ้าก้อนแป้งในท้องนาง แต่หลงลืมใครไปบางคน
“ก็ได้ หากข้าบอกไปแล้ว พวกท่านก็เลิกรังควานข้าเสียที” หลิวชิงมิได้ยิ้มหรือชอบใจนัก
สีหน้าของนางเย็นชาดุจน้ำแข็งพันปีก็ว่าได้ รูปโฉมของนางไม่ได้งดงามมากนัก ผิวพรรณของนางคล้ำแดดไม่น้อย
มือไม้ของนางก็หยาบกร้านเพราะจับแต่เหล็กกล้าเนื้อดีอยู่ทุกวัน หมั่นฝึกฝนแต่ติดที่ท้องนางจึงได้ลดลงไปเพื่อลูกในท้องของนางเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย
“เร็วเข้า เป็นใครกัน” องค์ชายสามกระหยิ่มยิ้มย่องคิดว่าเป็นตนเองแน่แท้
กุนซือ กับท่านรองนั้นลุ้นจนตัวโก่งว่าเป็นเขาหรือไม่
สีหน้าของแต่ละคนนั้นไม่ต่างกันสักนิด เหล่าบุรุษทั้งสี่คนยืน
รอฟังข่าวดี ที่จะออกจากปากของนาง