บทที่ ๑ วันคืนหนาวเหน็บ(๓)

1473 Words
คนเป็นพ่อและคนเป็นแม่แทบถลาไปหาลูกชายทั้งสองคน แววตาเป็นคำถามมองไปยังลิ้นจี่ “อยู่ๆ ก็ร้องค่ะ” พี่เลี้ยงกิตติมศักดิ์ทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้ “โอ๋...ลูกเฟนย์ ลูกฟิวส์ ไม่ร้องนะคะคนดี” เสียงคนเป็นแม่ปลอบโยน แต่ลูกทั้งสองคนยังส่งเสียงร้องโยเยไม่หยุดหย่อน เสียงร้องของหลานตัวน้อยในห้องนอนนั้นทำให้พ่อเพลิงอาจมองใบหน้าของคนเป็นพ่อในกระจกกรอบรูปขนาดใหญ่ ก่อนจะลูบหลังมือไปกับใบหน้าของท่าน “พ่อครับ หลานร้องไห้ไม่หยุด ดูท่าทางจะรักคุณพ่อมากนะครับ คุณพ่อไม่ต้องห่วงผมจะดูแลทุกคนเป็นอย่างดี” โอว... ประหลาดเหลือเกินลมพัดลู่แนบกายของทุกคนจนเย็นเฉียบ พอๆ กับเด็กสองคนที่หยุดส่งเสียงร้องไห้ ชั่ววินาทีเสียงหัวเราะดีอกดีใจก็เข้ามาแทนที่ เนย์ญรินทร์มองหน้าคนเป็นสามีก่อนจะทำตาปริบๆ หลังจากนั้นจุมพิตแผ่วเบาก็เคลื่อนแตะขมับของลูกรัก เธอยังจำเรื่องราวของคุณปู่อินทร์จากปากคนเป็นสามีได้เป็นอย่างดี ท่านลึกลับเหมือนมีสัมผัสวิเศษ เธอได้พบท่านก็เมื่อเวลาหมดลมหายใจกลายเป็นเถ้ากระดูก แต่ก็พอรู้มาว่า คุณไฟและคุณพ่อเพลิงอาจเคยพาเจ้าตัวเล็กไปกราบท่านมาแล้ว...เมื่อครั้งบุตรชายทั้งสองมีอายุครบหนึ่งขวบเต็ม ในเวลานั้นความลับก็ยังเป็นความลับอยู่เช่นนั้น นอกจากสองคนพ่อลูกแห่งไร่ศิรานนท์และหน่วยพยัคฆ์แล้วไม่มีใครล่วงรู้ว่าคุณปู่อินทร์ยังมีชีวิตอยู่ แต่นั่นยังยกเว้นเธอไว้อีกหนึ่งคน พอท่านเสียชีวิตเรื่องราวจึงถูกเปิดโปง คนงานหลายคนต่างหลั่งน้ำตาให้กับการสูญเสียในครั้งนี้ เพราะก่อนที่เรื่องราวของท่านจะหายไปจากความทรงจำของใครหลายๆ คน ‘ชื่อเสืออินทร์ยังอยู่ในความทรงจำของคนรุ่นพ่อ’ “หือ...ทำไมคุณชายของลิ้นจี่อารมณ์ดีจัง” พี่เลี้ยงจำเป็นส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจ เมื่อสักครู่ยังกรีดร้องไม่หยุด ตอนนี้แปรเปลี่ยนหัวเราะยกใหญ่ คงเป็นเพราะได้เห็นใบหน้าของคนเป็นแม่ ซึ่งไม่ใช้ใบหน้าของนางสาวลิ้นจี่คนนี้ “ว่าไงล่ะ แกล้งอะไรลูกของพี่” เพลิงอินทรีหาเรื่อง คนโดนหาเรื่องตาขวางทันที “ลิ้นจี่ไปหาพี่กล้าดีกว่า พี่เนยลิ้นจี่ไปก่อนนะคะ ต้องไปทำกิจวัตรประจำวัน” คนเปรียบเสมือนน้องสาวไม่ให้คำตอบ หนำซ้ำยังหันไปเอ่ยยิ้มๆ กับคนที่เคารพรักอย่างพี่สะใภ้หน้าตาเฉย “จะไปปล้ำต้นกล้ารึไง” เสียงเข้มๆ ดังขึ้นไล่หลัง ลิ้นจี่ค้อนขวับก่อนจะปั้นปึ่งจากไป “คุณพ่อนิสัยไม่ดี เฟนย์และฟิวส์อย่าเอาเป็นแบบอย่างนะลูก” คุณแม่ยังสาวหันไปฟ้องสองหนุ่มน้อย ที่หัวเราะคิกคักเมื่อโดนหยอกเย้า คนโดนว่าขานรีบก้าวเท้ามาหา ก่อนจะฉกหอมแก้มเมียคนสวยอย่างแผ่วเบา เคลื่อนผ่านไปหอมแก้มลูกแฝดทั้งสองคนก่อนจะส่งสายตาเจ้าเล่ห์ หลังจากนั้นก็เสหลบสายตาเอาเรื่องของเนย์ญรินทร์มาคลุกคลีกับเจ้าตัวเล็ก คงไม่ทันได้มองใบหน้าคนเป็นเมียว่าค้อนเข้าให้จนตาแทบกลับ วันเวลาหมุนเวียนผ่านไปอย่างรวดเร็ว หมู่มวลทุกชีวิตดำเนินไปตามกาลเวลา เคลื่อนผ่านจากชั่วโมงเป็นวัน เลื่อนจากวันเป็นเดือน เลื่อนจากเดือนเป็นปี และตอนนี้ผ่านมายี่สิบเจ็ดปีเต็มที่ไร่ศิรานนท์มีความสุขและสงบมาโดยตลอด ผู้คนในไร่มีแต่รอยยิ้มสดใส ตอนนี้ไร่ศิรานนท์และไร่ลีละเดชาก็ขยายกิจการส่งออกส้มจนใหญ่โต โดยมีเพลิงอินทรีเป็นผู้บริหารสูงสุด ทว่า...ไร่ลีละเดชานั้นกลับใช้ชื่อคนอื่นแฝงในการบริหาร ตามความต้องการของภรรยาสุดที่รัก ลูกชายคนโตที่โดนน้องชายถีบออกมาก่อนเพียงสามนาที เป็นคนรับหน้าที่ควบคุมและดูแลทุกอย่างไม่ต่างจากคนเป็นพ่อ หลังจากลูกรักกลับมาจากการเรียนบริหารจบปริญญาโทจากประเทศอังกฤษทั้งสองคน ซึ่งผลการเรียนไม่ได้สูงส่งจนต้องประกาศว่าดีที่สุดในประเทศ แต่แค่พอเอาชีวิตรอดและคว้าปริญญากลับมาเพียงเท่านั้น ส่วนน้องชายที่คลอดทีหลัง เมื่อคว้าปริญญากลับมาก็ขอเรียนวิชาของคนเป็นปู่ที่ทิ้งไว้ให้ เห็นเจ้าตัวบอกว่ารู้สึกเหมือนตัวเองมีสัมผัสที่ห้าหกเจ็ด คนเป็นพี่ก็เลยยอมปล่อยให้น้องชายได้ใช้ชีวิตหนุ่มโสดโจรเถื่อนเหมือนที่ต้องการมาสองปีเต็ม จนกระทั่งตอนนี้ดูเหมือนคนที่จะไม่ยอมอีกแล้วคงไม่พ้นคนเป็นย่าที่บ่นทุกวัน ไม่เว้นกระทั่งวันหยุดราชการ ร่างหนาสูงใหญ่ดิ้นพล่านอยู่บนเตียงกว้าง ขายาวๆ ถีบสะเปะสะปะมา มือทั้งสองข้างไขว่คว้าอากาศที่ว่างเปล่า เม็ดเหงื่อผุดพรายจนร่างกายเปียกชื้น ก่อนจะดีดเด้งลุกขึ้นนั่งบนเตียงกว้างอย่างรวดเร็วๆ “คุณปู่ทวด!” เพลิงอัคคีเอื้อนเอ่ยกับตัวเองก่อนจะหันมองรอบๆ ห้อง ใช่ เขาฝันไป ภาพสิ้นใจของคุณปู่ทวดยังติดตราตรึงใจราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ทั้งที่ความจริงเขายังอายุเพียงขวบเศษและไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยสักนิด ผ่านมายี่สิบหกปีเต็มความฝันแบบนี้ยังย้ำชัดตามติดมาทุกวันคืน ความฝันรอบที่เท่าไหร่ตัวเองก็จำไม่ได้ ตั้งแต่ความทรงจำถูกผนึกไว้ในรอยหยักของเส้นสมอง เพลิงอัคคีก็จำได้จนขึ้นใจว่าทุกวันพระขึ้นสิบห้าค่ำของเดือน ความฝันแบบนี้จะมาเยือนทุกครั้ง และทุกๆ ครั้งก็จะสะดุ้งตื่นมาท่ามกลางหยาดเหงื่อที่ท่วมกาย ราวกับคุณปู่ทวดยังไม่ไปไหน ท่านยังมีกังวล ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! ได้ยินเสียงเคาะประตูรอยยิ้มก็เปิดกว้างเต็มใบหน้า ก่อนร่างสูงใหญ่จะรีบลุกขึ้นไปเปิดประตูอย่างรวดเร็ว และใบหน้าของคนที่ยืนอยู่หน้าห้องนั้นทำให้เหงื่อเม็ดใหญ่หยุดไหล จนร่างกายกลับมาเป็นปกติ “ฝันอีกรึเปล่าเฟนย์” น้ำเสียงของมารดายังห่วงใยเสมอ เวลานี้ของคืนวันพระคุณแม่มักจะมาเคาะประตูห้องและปลอบโยนด้วยการโอบกอดที่แสนจะอบอุ่น ชายหนุ่มพยักหน้าเบาๆ เป็นการยอมรับ “ผมไม่เป็นอะไรครับแม่” คนเป็นลูกเปิดยิ้มหล่อบาดใจสาวส่งให้ “ตาฟิวส์ก็คงจะฝันเหมือนกัน นี่ถ้าอยู่บ้านนะแม่คงได้เห็นเม็ดเหงื่อท่วมตัวเหมือนกับเรา แต่เจ้าลูกตัวดีกลับหนีไปนอนเรือนไม้” คนเป็นแม่บ่น ลูกชายคนโตยิ้มแหยๆ นี่ถ้าหากว่าคุณแม่ทราบว่าเจ้าฟิวส์ตัวดีไปนอนอยู่ในถ้ำของคุณปู่ทวด ก็คงต้องรีบสั่งให้คุณพ่อไปจัดการแทบจะทันทีเป็นแน่ “น้องไม่เป็นอะไรหรอกครับ เจ้าฟิวส์ไม่เคยหวั่นอะไร” “ก็แน่ล่ะห่ามเสียขนาดนั้น ผมเผ้าก็ยุ่งเหยิงจนคนงานวิ่งหนีกัน คงคิดว่าเป็นโจรเถื่อน” เนย์ญรินทร์ยังบ่นไม่หยุด ก่อนจะเงียบเสียงลงเมื่อคนเป็นสามีก้าวเข้ามาในห้องของบุตรชาย “ไงไอ้เสือ ฝันอีกแล้วสิ” คนเป็นพ่อถาม “ครับพ่อ เหมือนเดิมทุกอย่าง” เพลิงอัคคีตอบบิดาก่อนจะหอมแก้มคุณแม่คนสวยเพื่อราตรีสวัสดิ์เรียกเสียงกระแอมขัดคอนิดๆ จากคนเป็นพ่อ จนต้องหันไปยิ้มร่าให้และก็เป็นดังคาดไม่ถึงวินาทีพ่อก็คว้าตัวคุณแม่สุดที่รักก้าวออกจากห้อง ชายหนุ่มยังจำได้ดีว่าคุณย่าก็บ่นเรื่องนี้ นิสัยคุณพ่อถอดออกมาจากคุณปู่ไม่มีผิด เพลิงอัคคียังนั่งคิดว่าเขาคงไม่คิดจะหวงผู้หญิงคนใดนอกจากคุณย่าแพรวและคุณแม่เนยเท่านั้น ผู้หญิงคนอื่นคงไม่มีใครจะทำให้เพลิงอัคคีที่โหมงานหนักได้เกิดอาการหวงเป็นแน่ ตั้งแต่รับหน้าที่ควบคุมทุกอย่างโดยมีคนเป็นพ่อเป็นที่ปรึกษา ภาระหน้าที่ที่หนักอึ้งนั้นทำให้ชายหนุ่มห่างเรื่องสตรีไป ยกเว้นก็ช่วงเวลาที่ร่ำเรียนอยู่ต่างประเทศ เรียกได้ว่าลูกพญาอินทรีใช้ร่างกายของตัวเองได้อย่างคุ้มค่า ไม่ต่างจากเจ้าน้องชายตัวดีที่หนีเข้าป่าปล่อยให้คนที่เกิดก่อนเพียงสามนาทีต้องรับหน้าที่นี้เพียงลำพัง แต่ก็เชื่อว่าอีกไม่นานน้องรักก็จะต้องก้าวออกจากถ้ำมาช่วยเหลือในเร็ววัน อย่างน้อยคนเป็นย่าก็ตามจิกแทบทุกเวลา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD