เหตุร้าย (50%)

1687 Words
เกาะมุกฟ้า ทะเลอันดามัน จักรพรรดิที่เพิ่งพานพบกับการสูญเสียครั้งใหญ่จนเกินจะรับไหว หอบลูกสาวตัวน้อยย้ายมาตั้งหลักที่เกาะมุกฟ้า เกาะส่วนตัวที่เป็นมรดกตกทอด เพราะไม่อยากให้ลูกอยู่ในสิ่งแวดล้อมเดิมๆ ที่มองไปทางไหนก็เจอแต่ภาพของนีรา และหวังว่ากาลเวลาจะช่วยเยียวยาให้ลูกสาวที่อยู่ในวัยกำลังจดจำลืมเลือนความเจ็บปวดไปในที่สุด “ปะป๊า…” “ขาลูก” “แม่จ๋า แม่จ๋าของฟ้าใจ๋ ปัยหนัย…” “แม่จ๋าของหนูไปเป็นนางฟ้าอยู่บนสวรรค์แล้วค่ะ” เสียงที่เปล่งออกมาจากปากหยักเต็มไปด้วยความขมขื่นและสะเทือนใจ “ฮึก…หยักหาแม่จ๋า จาเอาแม่จ๋า” เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นบาดหัวใจของคนเป็นพ่อที่กำลังกล่อมลูกนอน ถึงแม้จะร้องไห้จนเหนื่อย ตาแทบจะปิดอยู่รอมร่อ แต่ปากจิ้มลิ้มของเด็กน้อยที่เพิ่งสูญเสียแม่ไปหมาดๆ ก็ยังคงร่ำร้องหาแม่ “กอดน้องเสือ แล้วนอนนะคะคนดี” น้ำเสียงอ่อนโยนเปล่งออกมาจากปากหยัก ขณะหยิบตุ๊กตาเสือเน่าตัวโปรดส่งให้ เด็กน้อยเบ้หน้า ดึงตุ๊กตามากอด ไม่นานก็ผลักตุ๊กตาเจ้ากรรมออก แล้วพ้อเสียงเครือเจือสะอื้น “น้อนกอดม่ายอุ่น หยักกอดแม่จ๋า ฮึก…หยักหาแม่จ๋า จาเอาแม่จ๋า” “ชู่ว์…นอนนะคะคนดีของปะป๊า” จักรพรรดิดึงร่างกลมป้อมเข้าแนบอก ลูบแผ่นหลังน้อยเบาๆ ขณะกระซิบปลอบประโลม หนูน้อยฟ้าใสสะอื้นฮักๆ กับแผ่นอกกว้างอยู่นาน ก่อนจะผล็อยหลับไปท่ามกลางการถอนหายใจของคนเป็นพ่อ เมื่อแน่แก่ใจว่าหนูน้อยฟ้าใสหลับสนิทแล้ว ชายหนุ่มก็พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ยกมือลูบหน้าตัวเอง แล้วเรียกให้พี่เลี้ยงมาเฝ้าลูกสาว ก่อนจะเดินไปยังห้องทำงานที่มีลูกน้องคนสนิทสามคนรออยู่ก่อนแล้ว “ว่ามา” ทันทีที่ทิ้งตัวลงตรงเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานด้วยสภาพคล้ายคนหมดแรง จักรพรรดิก็เอ่ยขึ้น “พัดชาได้รับการประกันตัวแล้วครับ” สินที่ทำหน้าที่ทั้งบอดี้การ์ดและเลขาเอ่ยรายงาน “อิทธิพลของรัฐมนตรีสุชาติสินะ” คนที่มัวแต่ยุ่งกับการดูแลลูกสาวจนไม่มีเวลารับข่าวสารจากใครหน้าไหนทั้งสิ้นเอ่ยเสียงแข็งๆ “ครับ” “สารวัตรแคนเพิ่งโทรมาบอกว่าพัดชาอาจหลุดพ้นข้อกล่าวหา” “ทำไม?” “ตำรวจสืบพยานแวดล้อม พบว่าคนที่ลงมือน่าจะเป็นหัวหน้าพยาบาลประจำวอร์ดผู้ป่วยวิกฤตครับ” “งั้นไอ้กาจ มึงขึ้นไปกรุงเทพ แล้วสืบเรื่องนี้มาโดยละเอียด กูอยากรู้ว่ามีคนพยายามทำให้เราหลงประเด็น เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจไปจากพัดชาหรือเปล่า” จักรพรรดิหันไปสั่งกาจพลที่ยืนกุมมืออยู่ต่อหน้า จากนั้นก็สั่งงานสินที่ยืนอยู่ถัดไป ตบท้ายเป็นชายชาญ ที่ถูกสั่งให้ไปจัดการสืบเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกับการลงมือฆ่านีรา ตกเย็นสื่อทุกสำนักก็พร้อมใจกันตีข่าวออกมาว่าตำรวจได้เบาะแสใหม่ พบว่าพัดชา ‘อาจ’ ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการฆาตกรรมนีรา พร้อมกับขอให้สังคมอย่าเพิ่งด่วนตัดสิน ให้มองว่าพัดชาเป็นเพียงผู้ต้องสงสัย และตราบใดที่ยังไม่มีหลักฐานมัดตัวบ่งชี้ว่าพัดชาเป็นผู้ลงมือกระทำผิดจริง พัดชาก็ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ด้วยกระแสข่าวที่ร้อนแรง ทำให้คนที่จับตามองหันไปให้ความสนใจกับเบาะแสใหม่ที่ตำรวจกล่าวอ้าง เมื่อทนความสงสัยไม่ไหว ร้อนรนในใจ อยากถามแม่ให้แน่แก่ใจ แต่ติดต่ออีกฝ่ายไม่ได้ บูรณิมาจึงตัดสินใจกลับมาที่บ้าน เพราะคิดว่าเพิ่งผ่านไปแค่ไม่กี่วัน บางทีพ่อกับแม่อาจยังไม่ได้ย้ายไปไหน หลังลงจากแท็กซี่ที่หน้าบ้าน คิ้วโก่งเหนือดวงตากลมโตก็ต้องขมวดเข้าหากัน เท้าทั้งคู่พลันชะงัก เมื่อเห็นว่าประตูรั้วหน้าบ้านไม่ได้ล็อก เอ๊ะ! หรือว่าแม่กับพ่อยังอยู่ที่บ้านจริงๆ แม่กับพ่อไม่ได้หนีเธอไปไหน?! แค่คิดรอยยิ้มหวานก็ประดับใบหน้านวล ร่างอวบรีบผลักประตูรั้วบ้านให้เปิดออก จากนั้นก็กระวีกระวาดไปเปิดประตูบ้าน แล้ววิ่งตะโกนเสียงดังเข้าไปภายใน “พ่อ! แม่! นึกแล้วว่าพ่อกับแม่ต้องไม่กล้าทิ้งบี๋ พ่อกับแม่รักบี๋จะตาย…” น้ำเสียงเจื้อยแจ้วที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดีพลันชะงัก เมื่อดวงตากลมโตเหลือบไปเห็นร่างของพ่อกับแม่นอนเคียงข้างกันในสภาพเนื้อตัวซีดเผือด มุมปากของทั้งคู่มีคราบของฟองน้ำลาย “แม่! พ่อ!...” หลังจากนิ่งไปชั่วอึดใจด้วยความช็อก หญิงสาวก็ถลาเข้าไปหาร่างที่นอนอยู่บนพื้น ก่อนจะลนลานเขย่าร่างของทั้งคู่สลับกันไปมา พร้อมกับร้องตะโกนเรียกด้วยท่าทางสติแตก “แม่ฟื้นสิคะ! พ่อฟื้นสิ! ฟื้น…” เรียกอยู่หลายครั้งทั้งคู่ก็ไม่ไหวติง ทำให้บูรณิมารีบฟุบหัวลงไปแนบหูฟังบริเวณหน้าอกของทั้งคู่ เมื่อแน่ใจว่าพ่อกับแม่ยังหายใจอยู่ ถึงแม้จะผาดแผ่วจนน่าใจหาย แต่เธอก็ยังพอมีหวัง วินาทีถัดมาจึงลนลานหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรเรียกรถฉุกเฉินของโรงพยาบาลใกล้บ้าน หลังจากนั้นก็กลับมาเขย่าเรียกพ่อกับแม่อีกครั้ง “แม่คะฟื้นสิคะ พ่อฟื้นสิคะพ่อ ไม่เอา…พ่อกับแม่ห้ามทิ้งบี๋นะ ห้ามทิ้งบี๋ ฮึก…” น้ำเสียงสั่นเครือเปล่งออกมาจากปากสั่นระริก ท้ายประโยคเธอหลุดสะอื้นฮัก หยาดน้ำตาหยดแหมะ ด้วยความหวาดกลัวการสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว ทันทีที่รถฉุกเฉินมาถึงเจ้าหน้าที่ก็ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น แล้วรีบนำร่างของคนทั้งคู่ขึ้นรถฉุกเฉิน บูรณิมาที่นั่งมาด้วยตัวแข็งทื่อ เพราะเหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมากจนเธอตั้งรับไม่ทัน มิหนำซ้ำยังช็อกหนักเข้าไปอีก หลังจากได้ยินคำพูดจากปากหมอว่า พ่อกับแม่ของเธอกินยาพิษเข้าไป พ่อกับแม่กินยาฆ่าตัวตายอย่างนั้นหรือ!? ไม่! ไม่! เป็นไปไม่ได้! พ่อกับแม่จะทำอย่างนั้นทำไม พ่อกับแม่จะกล้าทิ้งลูกสาวคนเดียวอย่างเธอได้ยังไง หลังร่างไร้สติของพ่อและแม่ถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉิน บูรณิมาซึ่งถูกกันให้รออยู่ด้านนอกก็ยืนปักหลักอยู่หน้าห้อง ทันทีที่หมอมาถึงเธอก็ถลาเข้าไปหา พร้อมละล่ำละลักวิงวอนทั้งน้ำตา “หมอคะ ช่วยแม่กับพ่อหนูด้วยนะคะ ช่วยพวกเขาด้วย…ได้โปรด” หมอวัยกลางคนพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะรีบเดินเข้าห้องฉุกเฉินเพื่อทำหน้าที่ยื้อชีวิตคนไข้ ส่วนคนที่ยังคงร้องไห้น้ำตาไหลตลอดเวลาด้วยความหวาดกลัวการสูญเสียก็เดินกลับไปยืนเกาะประตูเฝ้ารออย่างร้อนใจ บ้างเดินไปเดินมาด้วยความกระวนกระวายใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่อาจทราบได้ แต่ทันทีที่ประตูห้องฉุกเฉินเปิดออก คนที่นั่งกุมมือตัวเองด้วยความกดดัน ร้อนใจ ทุกข์ระทม ก็ทะลึ่งพรวดขึ้นจากเก้าอี้ แล้วถลาไปหาหมอ พร้อมละล่ำละลักถามไถ่ “หมอคะ พ่อกับแม่หนูเป็นยังไงคะ พ่อกับแม่หนูรอดใช่ไหม หมอช่วยชีวิตได้…ใช่ไหม” แววตามีความหวังและเฝ้ารอคำตอบทำให้หมอนิ่งไปอึดใจ ก่อนจะเอ่ยอย่างนุ่มนวล ด้วยอดที่จะเวทนาเด็กสาวที่เอาแต่ร้องไห้ตลอดเวลาไม่ได้ “หมอเสียใจด้วยนะหนู หมอทำเต็มที่แล้ว” ขาดคำหมอก็ขอตัวไปดูคนไข้ที่เพิ่งถูกเข็นเข้ามาในห้องฉุกเฉิน แต่คนที่ได้ฟังคำตอบสุดช็อกกลับเหมือนถูกตรึงไว้ตรงนั้น โลกเหมือนหยุดหมุน ลมหายใจเหมือนถูกกระชากออกไปจากร่าง ไม่รู้ว่านานแค่ไหน เธอถึงได้ควานหาเสียงตัวเองเจอ “มะ…ไม่ ไม่จริง พ่อกับแม่ต้องไม่ทิ้งบี๋สิ ถ้าไม่มีพ่อกับแม่…แล้วบี๋จะอยู่กับใคร” ปากสั่นระริกขยับพร่ำรำพันราวกับคนเสียสติ ก่อนจะทรุดกายลงนั่งแหมะกับพื้นด้วยความเสียศูนย์อย่างถึงที่สุด ไม่เหลือแม้กระทั่งแรงที่จะทรงตัวอีกต่อไป จากนั้นหยาดน้ำตาก็พรั่งพรูออกมาอย่างสุดกลั้น ความรู้สึกตอนนั้นประหนึ่งโลกทั้งใบได้ถล่มทลายลงมาต่อหน้าต่อตา เธอไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง ต่อแต่นี้จะไม่มีพ่อกับแม่คอยอุ้มชู การเหลือตัวคนเดียว การที่ต้องใช้ชีวิตเพียงลำพังนับจากนี้เป็นต้นไปช่างน่าหวาดหวั่นยิ่งนัก หลังจากนั้นตำรวจก็เชิญบูรณิมาไปสอบปากคำที่โรงพักเกี่ยวกับการตายของพ่อกับแม่ และแจ้งให้เธอทราบว่าแม่ของเธอได้ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมนีรา ทำเอาบูรณิมาช็อกจนพูดไม่ออก เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นก็เท่ากับว่า แม่ของเธอ ‘อาจจะ’ ตั้งใจกินยาฆ่าตัวตายหนีความผิด ถึงแม้ตำรวจจะบอกว่าแม่ของเธอเป็นแค่ผู้ต้องสงสัย และ ‘อาจจะ’ ไม่ได้เป็นฆาตกรในคดีของนีรา แต่ไม่รู้เหตุใดใจเธอถึงได้สั่นไหวรุนแรง บูรณิมาเกรงว่าทุกอย่างมันอาจจะไม่ใช่แค่ข้อสันนิษฐาน ด้วยในช่วงระยะหลังๆ พฤติกรรมของแม่เปลี่ยนไปจนผิดสังเกต และมีอะไรน่าสงสัยหลายอย่าง ซึ่งตำรวจจะแจ้งให้เธอทราบในภายหลัง เพราะจะต้องมีการสืบสวนสอบสวน และหาหลักฐานอีกพอสมควร ถึงแม้แม่ของเธอจะตายไปแล้ว แต่ยังมีพยานแวดล้อม พยานบุคคล อีกทั้งตำรวจยังได้แจ้งว่าจะขอเข้าไปเก็บหลักฐานเพิ่มเติมในบ้านของเธอ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD