บทที่ 7

1188 Words
เมื่อก้าวเดินเข้ามาในห้องบรรทมของพระบิดา ดวงเนตรคมกล้ามองไปยังศพของพระบิดาที่ตั้งอยู่กลางห้อง เจ้าชายคาริมก็เกิดการเปลี่ยนพระทัย ตรัสเรียกองครักษ์พร้อมกับสั่งว่า “เดี๋ยว! เจ้าไปบอกท่านลุงกับธิดาของท่านให้เข้ามาพบเราในห้องนี้แทน เราจะรอท่านลุงที่เคารพอยู่ในห้องบรรทมของท่านพ่อ” “พ่ะย่ะค่ะเจ้าชาย กระหม่อมจะทำตามที่พระองค์รับสั่งพ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์หนุ่มรับคำอีกครั้ง จากนั้นก็เดินออกไปทำตามคำสั่งของเจ้าชายคาริมในทันที เมื่อองครักษ์เดินออกไปจากห้องแล้ว เจ้าชายคาริมก็หันมาสั่งกับองครักษ์คนเก่าคนแก่ของพระบิดาด้วยความเป็นห่วง “อัลฮิม เจ้ากลับไปก่อน มันจะไม่ปลอดภัยสำหรับตัวเจ้า หากท่านลุงเห็นเจ้าอยู่กับเราที่นี่” “กระหม่อมขออยู่กับเจ้าชายได้ไหมพ่ะย่ะค่ะ เพราะยังไงๆ เจ้าชายฮัสซันก็ย่อมรู้อยู่แก่ใจว่ากระหม่อมจงรักภักดีต่อฝ่าบาทและเจ้าชายตลอดชั่วชีวิตของกระหม่อม” ผู้เฒ่าอัลฮิมเอ่ยออกมาด้วยความสัตย์จริง ไม่ใช่แค่เพียงความจงรักภักดีเท่านั้นที่เขาจะมอบให้กับเจ้าชายคาดีมผู้ล่วงลับและเจ้าชายคาริมผู้เป็นโอรส แม้แต่ชีวิตของเขา...เขาก็ถวายให้กับเจ้าเหนือหัวทั้งสองพระองค์นี้ได้ “เรารู้ อัลฮิม เรารู้ว่าเจ้าจงรักภักดีต่อท่านพ่อและเรามาก ซึ่งตอนนี้คงหาคนที่จงรักภักดีต่อเราแทบไม่ได้แล้ว แต่เราไม่ต้องการให้ท่านลุงเห็นเจ้าในตำหนักของท่านพ่อ เราไม่อยากให้เจ้าสิ้นลมก่อนทันได้เห็นเราขึ้นครองราชย์แทนท่านพ่อ” เจ้าชายคาริมตรัสบอกอย่างมีเหตุผล และเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นติดกันหลายครั้ง ก็ออกคำสั่งแกมไล่ผู้เฒ่าอัลฮิมอีกครา “ไปได้แล้วอัลฮิม” ถูกเจ้าเหนือหัวตรัสไล่ แถมยังจ้องมองเขม็งอย่างไม่กะพริบตา ทำเอาผู้เฒ่าอัลฮิมต้องทำตามคำสั่งอย่างไม่มีทางเลี่ยง “ถ้ายังงั้นกระหม่อมกลับก่อนนะพ่ะย่ะค่ะ” ผู้เฒ่าอัลฮิมโค้งคำนับให้กับเจ้าชายคาริม และก่อนจะเดินออกไปจากห้องก็ไม่ลืมหันมาสั่งองครักษ์รามีลด้วย “รามีล อารักขาเจ้าชายให้ดีที่สุด” “ด้วยชีวิตของผมเลยครับ” องครักษ์รามีลรับคำสั้นๆ ทว่าสร้างความพึงพอใจให้กับผู้ที่ได้ยินยิ่งนัก ทั้งผู้เฒ่าอัลฮิมและเจ้าชายคาริมยิ้มออกมากับคำพูดที่เป็นไม่ต่างจากคำสัตย์สาบานขององครักษ์รามีล “รามีล เจ้าไปเปิดประตูได้แล้ว เราอยากเห็นใบหน้าของคนใจอำมหิตอย่างเจ้าหญิงไนย์ดาจนแทบทนรอไม่ไหวแล้ว” เจ้าชายคาริมตรัสสั่ง เมื่อผู้เฒ่าอัลฮิมเดินออกจากห้องบรรทมไปทางประตูหลังเรียบร้อยแล้ว “กระหม่อมก็อยากเห็นโฉมหน้าของเจ้าหญิงพระองค์นี้เช่นเดียวกันพ่ะย่ะค่ะ” เอ่ยบอกเจ้าเหนือหัวไปแล้ว องครักษ์รามีลก็เดินตรงไปยังประตูห้อง ขณะเอื้อมมือไปเปิดประตูก็คิดว่าคงได้เห็นโฉมหน้าที่อัปลักษณ์ไม่ต่างจากจิตใจอันแสนโหดเหี้ยมของเจ้าหญิงไนย์ดา แต่พอประตูถูกเปิดออกกว้าง องครักณ์รามีลก็มีอันต้องนิ่งงันไปชั่วครู่ เมื่อดวงตาทั้งคู่มองปะทะกับเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์ที่ยืนอยู่ข้างๆ เจ้าชายฮัสซัน “ไอ้ขี้ข้า ทำไมถึงมาเปิดประตูช้านัก” เป็นคำแรกที่องครักษ์รามีลได้รับการทักทายจากเจ้าชายฮัสซัน และถ้อยคำที่ตะโกนด่าอย่างไม่ไว้หน้า ช่วยให้องครักษ์รามีลหลุดพ้นจากอาการตกตะลึงในก่อนหน้านี้ “เจ้าชายทรงรออยู่ข้างใน เชิญเจ้าชายฮัสซันและเจ้าหญิงไนย์ดาพ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์รามีลหลีกทางให้ราชิกุลทั้งสองพระองค์ได้เดินเข้าไปภายในห้องบรรทมของเจ้าชายคาดีม ขณะมองตามหลังก็ไม่นึกว่าเจ้าหญิงผู้มีสิริโฉมงดงามอย่างเจ้าหญิงไนย์ดาจะเป็นฆาตกรฆ่าคนได้ เจ้าหญิงไนย์ดายอมรับว่าตื่นเต้นกับการเดินทางมายังตำหนักของเจ้าชายคาดีมผู้สิ้นพระชนม์ไปแล้ว ทว่าที่ทรงตื่นเต้นนั้นหาใช่เพราะต้องการเห็นสีพระพักตร์อันหล่อเหลาของเจ้าชายคาริมไม่ แต่ทรงต้องการเห็นสีพระพักตร์อันเต็มได้ด้วยความผิดหวัง เมื่อรู้บัลลังก์รัฐไบลาร์ไม่ได้เป็นของเจ้าชายคาริมอีกต่อไปแล้ว แต่การยืนหันหลังของเจ้าชายคาริมซึ่งแสดงออกว่าไม่สนใจถึงการมาเยี่ยมเยียนของพระองค์ ทำเอาเจ้าหญิงไนย์ดารู้สึกขัดใจอยู่ไม่น้อย จนต้องเค้นสุรเสียงเรียกราชนิกุลหนุ่มด้วยสุรเสียงแข็งห้วน แฝงไปด้วยอำนาจบารมีเท่าที่ตนเองจะสามารถทำได้ “เจ้าชายคาริม อัลมาส ไคยล์ หม่อมฉันเจ้าหญิงไนย์ดาเสด็จมาเยี่ยม” เจ้าชายคาริมซึ่งยืนหันหลังให้ประตูทางเข้าห้องบรรทม ดวงเนตรทั้งสองกำลังจ้องมองไปยังศพของพระบิดา พอได้ยินสุรเสียรตรัสเรียกอย่างห้วนจัดก็ยิ้มเยาะตรงมุมโอษฐ์ ก่อนจะหันพระพักตร์อย่างช้าๆ มาจ้องมองเจ้าหญิงนอกสายเลือดที่ตรัสเรียกพระองค์ เมื่อดวงเนตรคมกล้าทั้งสองปะทะกับความงดงามของเจ้าหญิงไนย์ดา ก็มีอันต้องนิ่งงันหายใจติดขัดไปชั่วขณะ แต่กระนั้นก็เรียกสติกลับคืนมา พร้อมกับตรัสทักทายสุรเสียงเย็นยะเยือก “สวัสดี เจ้าหญิงไนย์ดา ศิริ อัลมาส ไคยล์” เจ้าชายคาริมเหยียดยิ้ม ดวงเนตรคมกล้าเยาะหยันเจ้าหญิงนอกสายเลือดที่ยืนเชิดหน้าอย่างเย่อหยิ่งต่อหน้าพระองค์ และยิ่งสะใจมากยิ่งขึ้น เมื่อเห็นสีหน้าอันเต็มไปด้วยความงุนงงกับคำพูดบางคำที่พระองค์ได้เน้นสุรเสียงมากเป็นพิเศษ เจ้าหญิงไนย์ดารู้สึกสะดุดหูกับถ้อยคำบางคำของเจ้าชายคาริม และด้วยไม่ต้องการให้คำพูดของเจ้าชายคาริมมาทำให้ระคายเคืองใจ จึงตรัสต่อว่าด้วยสุรเสียงห้วนเช่นเคย “ขอโทษเพคะ เจ้าชายเรียกชื่อหม่อมฉันผิดไปหรือเปล่าเพคะ หม่อมฉันชื่อเจ้าหญิงไนย์ดา อัลมาส ไคยล์ กรุณาเรียกสกุลของหม่อมฉันให้ถูกต้องด้วยเพคะ” “อ้อ...เราก็เพิ่งรู้ว่าเจ้ามีราชสกุล อัลมาส ไคยล์ เรานึกว่าเจ้ามีราชสกุล ศิริ อัลมาส ไคยล์ซะอีก” อีกครั้งที่เจ้าชายคาริมเน้นสุรเสียงอย่างจงใจ พร้อมกันนั้นก็หันไปเยาะเย็นใส่เจ้าชายฮัสซันที่ยืนกำมือแน่น ปิดความโกรธไว้ไม่มิด เจ้าหญิงไนย์ดาเชิดพระพักตร์งดงามขึ้นไม่ต่างจากนางพญา ดวงเนตรกลมโตดำขลับไม่แพ้ดวงเนตรของราชนิกุลหนุ่มจ้องเขม็งไปยังเจ้าชายคาริม ขณะตรัสเถียงออกมา “หม่อมฉันมีราชสกุลเดียวกันกับเจ้าชายคาริม และหม่อมฉันก็ได้รับการแต่งตั้งจากสภาให้เป็นเจ้าผู้ปกครองรัฐไบลาร์คนใหม่แทนพระองค์ด้วย”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD