ตอนที่ 4 เป็นใหญ่บนเตียง
นารินทร์เดินเข้ามายืนกอดอก มองกางเกงในผ้าลูกไม้สีดำคุ้นตาถูกวางเอาไว้กลางเตียง เมื่อสักประมาณหนึ่งสัปดาห์ก่อน เธอถอดมันในห้องนี้ แต่ตอนเดินออกไปเธอกลับไม่ได้ใส่มันกลับบ้านไปด้วย ถุงยางอนามัยหลายสี หลากยี่ห้อ มากคุณสมบัติ วางประดับเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษอ่านว่า ‘FUCK ME’
“นึกว่าจะทิ้งให้คนแก่ อย่างลุงคนนี้รอเก้อซะอีก” เจ้าของห้องสวีตรูมเดินถือแก้วบรั่นดี มือหนึ่งคีบบุหรี่ที่สูบค้างเอาไว้ เดินมาต้อนรับการกลับมาของนารินทร์
“หนูรินทร์เป็นคนรักษาคำพูดค่ะ” แผ่นแปะแก้ปวดเอวจำนวนหลายซองถูกส่งให้กับเจ้าของห้อง ทำเอาธันวาถึงกับหัวเราะร่าออกมาในทันที
“แผ่นแปะแก้ปวด?” คิ้วเข้มเลิกสูงทันที
“ค่ะ เพราะคืนนี้ คุณลุงคงต้องปวดเอวอีกแน่ ๆ” ยิ้มยียวนชวนหยิกแก้ม มากกว่าจะเป็นการดูแคลนว่าเขาอายุมากจริง ๆ
“นี่เธอคิดว่าฉันอายุเท่าไหร่กัน” ธันวาหยิบแผ่นแปะแก้อาการปวดหลังแบบแผ่นร้อนมาพลิกอ่านฉลากอย่างคร่าว ๆ
“ก็คงสักสี่สิบ หรือไม่ก็ห้าสิบมั้งคะ”
“อะไรนะ! ฉันดูหน้าแก่ขนาดนั้นเชียว”
“หนูรินทร์เดาจากรอยตีนกาน่ะ คุณลุงน่าจะอายุใกล้ ๆ กับพ่อหนูรินทร์”
“นี่หนูรินทร์ ฉันเพิ่งจะสามสิบแปดเท่านั้นนะ” ธันวาถึงกับพ่นลมหายใจฟึดฟัดออกมา เพราะหากนารินทร์คิดว่าเขาอายุใกล้เคียงกับพ่อ ซึ่งก็คือนายภารัญ อัครเดชเดชา นั่นหมายความว่าแม่หนูนี่คิดว่าเขาอายุห้าสิบกว่าแล้วนะสิ ใครมันจะไปยอม
“เอ๋ สามสิบแปดตีนกากับริ้วรอยเยอะขนาดนี้เชียว เกิดอะไรขึ้นคะหรือว่าโบท็อกซ์หมด อืมมมม ...อาจเพราะคุณลุงสูบบุหรี่จัดเกินไป หน้าเลยแก่ไว” นารินทร์บุ้ยปากลงไปยังบุหรี่ครึ่งมวนในมือนั้น จนธันวาถึงกับต้องโยนมันทิ้งลงไปในถาดแก้วสำหรับทิ้งขี้บุหรี่
“นี่เธอ!!” ธันวาคว้าเอวบางนั้นเข้ามาสวมกอดด้วยความมันเขี้ยว ในความปากคอเราะร้าย
“จริงสิมัวแต่คุยเรื่องอื่น หนูรินทร์ยังไม่รู้เลยว่าคุณลุงชื่ออะไร” จนกระทั่งพบครั้งที่สามแล้ว นารินทร์ก็ยังเรียกหาแต่ผู้ชายคนนี้ว่า ‘ลุง’ ขณะที่อีกฝ่ายดูเหมือนจะรู้จักเธอดีมาก อย่างน้อยเขาสามารถตามไปจนถึงออฟฟิศของนารินทร์ได้ นั่นนับว่าไม่ธรรมดาทีเดียว
“ฉันนึกว่าเธอจะไม่ถามชื่อฉันแล้วซะอีก”
“คุณลุงรู้จักชื่อหนูรินทร์แล้วนี่ หนูรินทร์ก็อยากรู้จักชื่อคุณลุงบ้าง ว่ายังไงคะ....ชื่ออะไร”
“ธันวา”
“ธันวา หมายถึง เดือนธันวาคม นะเหรอ”
“ใช่” มือวางลูบลงไปบนใบหน้าหวาน พลางย้อนนึกไปถึงอีกเมื่อยี่สิบสองปีก่อน
จากการส่งให้บอดี้การ์ด ไปตามสืบประวัติของนารินทร์ ธันวาจึงรู้ว่าทั้งเขาและเธอเคยเจอกัน เมื่อยี่สิบสองปีก่อนที่เขาจะเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศ หนูน้อยเจ้าของผมเปียกระจุยกระจาย ในชุดเรียนมวยไทยสีชมพูคนนั้น
“ชื่อนารินทร์ แปลว่าผู้หญิง ผู้ยิ่งใหญ่” มือจับเชยคางมนแล้วดึงเข้ามาจูบ
“คุณลุง รู้ความหมายชื่อของหนูรินทร์ด้วยเหรอคะ”
“รู้สิ คืนนี้ลุงจะให้หนูรินทร์เป็นใหญ่ ดีหรือเปล่า” ธันวาพยักหน้าไปยังเตียง ที่มีถุงยางอนามัยเรียงเป็นวลีหยาบคาย
“ถ้าอย่างนั้น เรามาปวดเอวด้วยกันเถอะค่ะ”
ปลอกถุงยางอนามัยภายในอุ้มน้ำสีขาวขุ่นเอาไว้จำนวนมาก มือเรียวยกมันขึ้นมาแกว่งอย่างช้า ๆ จากนั้นยื่นไปวางแนบเกลี่ยใบหน้าของชายอายุสามสิบแปดปี ขายาวเรียวสวยตวัดข้ามขึ้นมานั่งทับ วางสะโพกบดลงไปบนหน้าท้องแกร่ง
“น้ำเยอะขนาดนี้ อย่าบอกนะคะว่าเจ็ดวันที่ผ่านมา คุณลุงเก็บมันไว้ให้หนูรินทร์คนเดียว”
“ถึงฉันจะเป็นพวกฟรีเซ็กส์ แต่ไม่ใช่คนมั่วที่จะคว้าใครขึ้นเตียงได้ง่าย ๆ” ธันวาเอื้อมมือไปหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ หากแต่เมื่อยามถึงเวลาพ่นควันฉุนเขาจะเอียงหน้าหันไปยังทิศทางตรงข้ามกับนารินทร์
“ฉันควงทีละคน” มือลูบช้อนลงไปอุ้มหน้าอกใหญ่ เขย่าให้มันกระเพื่อมขึ้นลง จากนั้นก้มลงไปซุกจมูกโด่งยังร่องอกขนาดคัพอีอลังการ
“เป็นคำตอบที่น่าประทับใจมากเลยค่ะ เอาไปหนึ่งจุ๊บ” กลีบปากประทับจูบลงไปบนแก้มนุ่ม
“แค่จุ๊บเดียวเท่านั้นเองเหรอ”
“หนูรินทร์คงไม่เสียเวลามาที่นี่แน่ ถ้าคิดจะมาเอาแค่น้ำเดียว”
“ต้องอย่างนี้สิ” ธันวาพ่นควันบุหรี่ลอยทิ้งไปในอากาศจากนั้นหยิบถุงยางอนามัยห่อใหม่ขึ้นมาส่งให้นารินทร์
“นี่จะต่อรอบสองเลยเหรอคะ เอว....ยังไหวแน่นะคะ”
“ไม่ต้องห่วงเอวลุงหรอก ห่วงของหนูดีกว่า ยังรับแรงกระแทกไหวใช่มั้ย” มือสอดลงไปใต้หว่างขา นิ้วกระดกยกเกร็งขึ้นมาให้มันตั้งฉากกับแนวระนาบ
นารินทร์ยันฝ่ามือลงไปบนกล้ามหน้าท้องแข็ง จากนั้นกระดกยกสะโพกลอยขึ้นมาเหนือปลายนิ้ว ค่อย ๆ ทิ้งน้ำหนักกลับลงไป กะตำแหน่งให้นิ้วยาวแยงผ่านเข้าไปยังตรงกลางจุดสำคัญ จากนั้นขมิบเกร็งกล้ามเนื้อส่วนล่าง ใช้มันบีบรัดนิ้วใหญ่ที่สอดลึกเข้าไปในส่วนแคบคับแน่น
“คุณลุง ระวังกระดูกนิ้วหักนะคะ” เด็กสาวหัวข้อ หัวเข่ายังแข็งแรงขย่มสะโพกตอกนิ้วแกร่งของธันวาซ้ำ ๆ
“หนูรินทร์เอวดีขนาดนี้ ลุงยอมนอนให้หนูตอกทั้งคืนเลย”
“คุณลุงคะ คืนนี้หนูรินทร์ต้องกลับบ้านก่อนนะ” สาวไฮโซขยับสลัดเสื้อคลุมอาบน้ำ โยนมันไปพาดไว้กับเก้าอี้ตัวหนึ่ง เริ่มต้นสวมเสื้อผ้ากลับคืนที่เดิม เหมือนตอนแรกที่เดินเข้ามาในห้องนี่
“เธอจะทิ้งฉันอีกแล้วอย่างนั้นเหรอ” ธันวาที่เวลานี้สวมเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียว นั่งเอียงคอมองบั้นท้ายกลมส่ายไปมา เพราะนารินทร์กำลังยกขาสวมกางเกงชั้นในกลับไปเหมือนเดิม
“ก็หนูรินทร์ต้องรีบกลับบ้านนี่คะ” มือโกยหน้าอก ยัดมันกลับเข้าไปในเสื้อชั้นในตัวใหญ่จากนั้นขยับซ้าย ขยับขวา ดันให้เต้านมมันเข้าที่เข้าทางเป็นทรงสวย
“ทุกครั้งหลังจากเสร็จกิจ เธอมักจะทิ้งฉันไปเสมอเลย ตกลงว่าฉันเป็นอะไรสำหรับเธอกันแน่”
อันที่จริงธันวาสืบมาหมดแล้วว่า นารินทร์นั้นเพิ่งเรียนจบกลับมาจากต่างประเทศ และตลอดชีวิตที่ผ่านมาไม่มีประวัติคบหาใครเป็นแฟน แล้วความสัมพันธ์ครั้งแรกของเขาและเธอ ธันวาเองนั่นแหละที่เป็นคนทะลวงเยื่อพรหมจรรย์ของนารินทร์จนมันสะบั้นฉีกขาด
“นี่คุณลุงกำลังน้อยใจเหรอคะ สบายใจเถอะค่ะคุณลุงไม่ใช่มือที่สาม ไม่ใช่ชู้แน่ ๆ”
“เรื่องนั้นฉันรู้ แต่แค่สงสัยว่าจะมีสักคืนมั้ย ที่เราจะอยู่ด้วยกันจนถึงเช้า” ธันวาขยี้บุหรี่ลงไปยังถาดรอง จากนั้นขยับลุกขึ้นมาจากเตียง เพื่อไปช่วยนารินทร์ติดกระดุมเสื้อ
“เอาไว้ เดี๋ยวหนูรินทร์จะหาโอกาสเหมาะ ๆ มานอนให้คุณลุงกอดทั้งคืนอย่างนี้ดีหรือเปล่าคะ ว่าแต่คุณลุงเถอะ ไม่มีใครรออยู่ที่บ้านบ้างเหรอ” หลายครั้งที่เจอกันมีแค่เพียงนารินทร์เท่านั้นที่พูดถึงเรื่องส่วนตัว เรื่องครอบครัวบ้างเป็นบางครั้ง แต่ธันวานี่สิไม่เคยปริปากหลุดพื้นเรื่องตัวเองเลย
“ไม่มี ลุงยังโสด” หนุ่มใหญ่วัยสามสิบแปดปีหรี่ตามองสาวสวยตรงหน้า ที่หันมาส่งยิ้มหวานให้ทันทีเมื่อได้ยินสถานะโสดของเขา
“หนูรินทร์ ก็โสด” ตาโตขยิบอย่างเจ้าเล่ห์ผสมขี้เล่น เพราะเชื่อมั่นในหลักจิตวิทยาการอ่านพฤติกรรมคน ทำให้นารินทร์พอจะมองออกว่า ธันวาไม่ได้โกหก
“ถ้าอย่างนั้น...เรามาลองคบกันดูมั้ย”
“คบกันอย่างนั้นเหรอคะ”
“ใช่ ปวดเอวมาด้วยกันมาหลายคืนแล้วนี่ เธอโสด...ฉันโสด อย่างนั้นก็คบกันเลย”
“แต่ที่บ้านของหนูรินทร์เรามีกฎ คุณพ่อห้ามมีแฟนก่อนอายุสามสิบ” หน้าอกใหญ่กระเพื่อมไหวเนื่องจากลมหายใจเฮือกใหญ่ถูกถอนออกมา
“อะไรนะ!”
“คุณลุง ฟังไม่ผิดหรอกค่ะ”
“นี่พ่อของเธอ เป็นมนุษย์ยุคหินหรือยังไง นี่มันยุคไหน สมัยไหนแล้วเด็กวัยรุ่นบางคน มีแฟนตั้งแต่ยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ”
“ไม่รู้สิคะ แต่เรื่องนี้ที่บ้านเขาหนูรินทร์เขาซีเรียสมาก”
“แล้วเรื่องของเราสองคนล่ะ เธอคงไม่คิดให้ฉันเป็นแค่คู่นอนคลายเหงา ใช่หรือเปล่า” สีหน้าของธันวาเปลี่ยนเป็นขรึมเคร่งขึ้นทันที
“คุณลุงอยากเป็นอะไรละคะ ไหนลองบอกหนูรินทร์มาสิ”
“ฉันอยากเป็น...เจ้าของเธอ” มือยกเชยคางมนขึ้นมาตั้งใจจะประทับจูบดูดดื่มอย่างเคย หากแต่หนนี้นารินทร์กลับไม่โอนอ่อนผ่อนตาม
“เสียใจด้วยนะคะคุณลุง เพราะหนูรินทร์ ไม่ชอบให้ตัวเองตกอยู่ในสถานะของการเป็นสองรองใคร หรือแม้แต่การถูกครอบครอง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม นารินทร์ ผู้หญิงที่ยิ่งใหญ่ จะไม่มีวันตกเป็นของใครง่าย ๆ”