ม่านซือซือถือจอกเหล้าเอาไว้ และนางลังเล ไม่กล้าทำตามที่เขาบอก อีกทั้งสังหรณ์ใจในทางร้าย นางมองเหล้าในจอก มองแล้วก็ไม่พบความผิดปกติ ทว่ากลิ่นของมันคล้ายถูกผสมสมุนไพรที่ช่วยเรื่องอุ่นเตียงลงไป นางศึกษาเรื่องนี้มาบ้าง ถึงยังไม่ล่วงรู้ทั้งหมด แต่นางก็ต้องระวังตัว
“ดื่มเหล้าจอกนี้แล้ว เราก็เป็นสามีภรรยากัน และครองรักหวานชื่น ผมขาวไม่ทอดทิ้ง”
ถึงคำพูดที่เขาเกี้ยวนางฟังแล้วหัวใจก็พองโต ทว่ามันมีบางสิ่งไม่ถูกต้อง นางควรให้เกียรติตนและบิดา ที่สำคัญม่านซือซือไม่ใช่สตรีโง่เขลา หรือใจง่ายถึงขั้นร่านสวาทให้เอี๊ยะถังข่มเหงนางกลางสวนต้นแปะก๊วยถึงอย่างนั้นใจนางกลับเต้นโครมคราม ร่างกายผะผ่าวร้อน แน่ละ...นางอยากเป็นของเขา อยากกอด อยากลูบไล้กายแกร่ง ทว่าสิ่งที่แม่นมสั่งสอน หรือคำเหยียดหยามจากฮูหยินใหญ่ภรรยาของม่านเจิ้นก็ลอยเข้ามาในหัวพอดี
“โถๆ ให้ลูกอนุแสนเกียจคร้านอย่างมันเรียนหนังสือเพื่อการใด นับวันงานเย็บปักไม่สนใจ แต่คิดอยากเป็นหมอหญิงในสำนักการแพทย์ ลูกสาวเช่นนี้เกิดมาเพื่อให้คนดูถูก คงอยากจับมือถือแขนผู้ชายไปทั่ว นางก็เป็นส้วมหน้าบ้านดีๆ นี่เอง”
“ฮูหยินใหญ่ ข้าเพียงแต่ตรวจคนไข้ มันเป็นวิธีการเดียวที่จะรู้ถึงอาการป่วยของเขา” นางบอกกับม่านฮูหยิน
“ฮึ ต่อไป เจ้าคงขวัญกล้า ขอตรวจของลับผู้ชายด้วยกระมัง ถึงจะรู้ว่าเขามีน้ำยาทำให้สตรีตั้งครรภ์หรือไม่” ม่านฮูหยินต่อว่านางอย่างรุนแรงและไม่ไว้หน้า
“ฮูหยินใหญ่เข้าใจผิด ข้าเพียงแต่อยากรักษาผู้คน เพื่อให้คนหายป่วย ไม่ต้องทนทุกข์ทรมาน”
“ประเสริฐแท้ คุณหนูห้าแห่งสกุลม่านอยากเป็นโสเภณีจนตัวสั่น แต่แสร้งเล่นสวมชุดหมอหญิง น้ำหน้าอย่างเจ้าคงไม่ต่างจากมารดา”
ม่านฮูหยินเอ่ยแล้วก็หัวเราะใส่หน้าม่านซือซือ อีกฝ่ายเกลียดนางหญิงสาวพอเข้าใจ แต่การพยายามให้ร้ายมารดาม่านซือซือที่ล่วงลับมันเป็นการกระทำที่สร้างแผลในใจต่อหญิงสาวตลอดมา
“มารดาข้าทำสิ่งใดให้ท่านโกรธแค้นนัก ถึงได้พูดจาให้ร้ายนางไม่หยุด”
ม่านฮูหยินวางสีหน้าราวกับสตรีร้ายกาจ นางสมเพชลูกอนุคนนี้อยู่บ้าง แต่สวรรค์ก็เข้าข้างม่านฮูหยินมาตลอดเพื่อนางจะได้ดูแลสกุลนี้ให้คงอยู่ อีกทั้งเป็นนางที่บีบบังคับให้อนุของสามีฆ่าตัวตาย มิอย่างนั้นภัยคงมาถึงครอบครัวนี้ ทุกคนควรยกย่องนางที่ช่วยให้สกุลม่านพ้นภัย
“ฮึ สิ่งที่นางผู้หญิงชั้นต่ำผู้เป็นเชลยศึกทำนั้น ข้าไม่อาจกล่าวถึงด้วยถือเป็นเสนียดปาก แต่ก็ดีแล้วที่นางฆ่าตัวตายไปเสีย มิเช่นนั้นคงทำให้ท่านพี่ต้องมัวหมองไปด้วย”
สุดท้าย ม่านซือซือก็ไม่อาจรู้เรื่องราวของมารดานอก จากคำดูหมิ่นของม่านฮูหยิน แต่นางยังเชื่อมั่นอยู่ลึกๆ ว่า สตรีที่ให้กำเนิดนางย่อมเป็นคนที่วิเศษหาหญิงใดเทียบได้ในแผ่นดินไม่
“ซือซือเจ้ามัวแต่คิดสิ่งใด ดื่มสิ” เอี๊ยะถังคะยั้นคะยอนางและแย่งจอกเหล้าไป เขานำไปจ่อที่ริมฝีปากอิ่มสวยที่แต้มสีชาดแดงยั่วใจ
“ข้าจะยอมพี่ถังทุกอย่าง เพียงแต่เราควรเข้าหอกันอย่างถูกต้อง เช่นนี้นับว่าประเสริฐที่สุด”
นางตัดสินใจเอ่ยออกไป และอดเสียดายอยู่ลึกๆ ไม่ได้ ทั้งยังกลัว กลัวเอี๊ยะถังจะไม่ชอบใจที่นางปฏิเสธเขา
ดวงตาของเอี๊ยะถังมีประกายวาบขึ้น และมีเสียงหายใจแรงๆ พ่นออกมา จากนั้นเขาก็ดื่มเหล้าจอกนั้นรวดเดียวหมด ราวกับทำเพื่อประชดนาง
“พี่ถัง...”
“ข้าทำเพื่อเจ้าทุกอย่าง!” ชายหนุ่มกลายเป็นเด็กน้อยเอาแต่ใจ
“ข้าสำนึกผิดแล้ว เพียงแต่ข้าก็ยึดมั่นสิ่งที่ถูกต้องมิต่างจากพี่ถัง ได้โปรดเข้าใจซือซือ”
เอี๊ยะถังรู้สึกว่าตนคงหักหาญน้ำใจนางเกินไปจึงนิ่งขรึมลงแต่ความต้องการของเขายังมากล้น อีกทั้งสุราจอกเมื่อครู่ที่ดื่มได้เพิ่มกำหนัดของเขาอย่างมหาศาล
“หากเจ้าประสงค์เช่นนั้น พี่ก็ไม่อาจฝืนใจ เพียงแต่พี่ขอให้เจ้าเมตตาสักหน่อยเถิด ขอพี่ชิมปากเจ้าและโอบกอดสักเล็กน้อย เพื่อส่งไออุ่นถึงกันได้หรือไม่”
ม่านซือซือมองเอี๊ยะถังด้วยสายตาฉ่ำปรือ ไฉนนางจะกล้าขัดใจเขาอีก เขาเคยจับมือนางมาแล้ว ได้หอมแก้มบ้าง ดังนั้นแค่ชิมริมฝีปากและกอดเพื่อให้คลายความหนาว เหตุใดนางจะให้ชายที่นางพึงใจกระทำไม่ได้
“แค่กินปากและกอด ข้ายินดี แต่หากมากกว่านี้ ข้าจะโกรธพี่จริงๆ ด้วย”
สิ้นคำนั้น มือใหญ่จึงจับปลายคางของนางเชิดขึ้น และทาบริมฝีปากร้อนลวกลงไป
จุมพิตของเอี๊ยะถังอ่อนหวาน หากไม่ได้เร่าร้อนอย่างที่หญิงสาวคาดคิด ซึ่งน่าประหลาดใจมิน้อย นางเคยฝันว่าถูกร่างกายอุ่นซ่านของบุรุษล่วงล้ำความบริสุทธิ์ ทั้งทางปาก กลีบบุปผา ปลายลิ้นร้อนๆ แทรกผ่านเข้ามาในโพรงปาก ตวัดรัดเย้าหยอกกัน นางถูกกินปากบ่อยครั้งในฝันพอตื่นเช้าความรู้สึกแสนหวานล้ำก็ไม่ได้จางหายไป อีกทั้งบางครานางรับรู้ได้ว่า แอ่งเนื้อนางถูกกระตุ้นอย่างหนักด้วยลิ้นและนิ้วมือใหญ่ๆ
ในภาพฝัน นางมีความต้องการไม่สิ้นสุด อยากโอบกอด อยากสนองทุกสิ่งเพื่อชายคนนั้น ทว่าห้วงเวลานี้ ทั้งที่ถูกเอี๊ยะถังคนที่นางพึงใจจูบ แต่นางกลับรู้สึกว่างเปล่า
ม่านซือซือได้แต่นิ่งค้าง กระทั่งเขาพยายามเปิดปากนางด้วยการแทรกลิ้นใหญ่ๆ เข้าไป หญิงสาวจึงต่อต้าน
“พะ พี่ถัง...ยะ อย่า” นางส่งเสียงร้องบอกเขา และไม่ยินยอมที่ถูกล่วงเกิน
“พี่ถัง อ่าส์!”
ม่านซือซือไม่ได้ซาบซ่านต่อรสสวาทของเอี๊ยะถัง นางกลัวและตื่นตระหนกมากกว่า
กระนั้นมือใหญ่อีกข้างของเอี๊ยะถังก็รุกนางไม่หยุด เขาลูบคลำเอวคอดก่อนเลื่อนสูงขึ้น และหมายจะนวดเฟ้นและเคล้นคลึงหน้าอกอวบสวยซึ่งเขาถวิลหามานาน
หัวใจหญิงสาวเต้นระทึก นางอยากยุติโมงยามนี้ แต่ก็กลัวเอี๊ยะถังจะขัดเคืองใจ จึงฝืนอดกลั้นความรู้สึกกระอักกระอ่วนเอาไว้ ปล่อยให้เขากระทำในสิ่งที่ปรารถนา
กระทั่งเขาถอนจูบและส่งสายตาสานสบกับดวงตานาง ความโล่งใจจึงทำให้นางยิ้มออก
“พี่ถัง ข้าอยากกลับเรือน” นางบอกเขาตรงๆ
เอี๊ยะถังนิ่งเงียบ สีหน้าเขาเหมือนดำคล้ำขึ้นถึงสามส่วน และเอ่ยเสียงเข้มราวกับต้องการสั่งนาง
“ยอดรักของพี่ เจ้าช่วยคลายกำหนัดให้พี่ได้หรือไม่”
ม่านซือซือไม่อาจเข้าใจสิ่งที่เอี๊ยะถังกล่าวทั้งหมด แต่นางยังมีความคิดโง่เขลาอยากเอาใจเขา บุรุษผู้นี้ช่วยเหลือนางมาตลอดระยะเวลาที่รู้จักกัน และเขามุ่งหวังอยากให้นางไปเป็นฮูหยินที่เรือน เลี้ยงดูบุตรชายหญิงของเขาด้วย หญิงสาวบีบมือตนเอง ถึงนางใจกล้าบ้าบิ่นอยู่มาก แต่เรื่องเร้นลับระหว่างชายหญิงกลับทำให้นางเหงื่อตก
“ข้าเกรงว่ายังไม่ถึงเวลาเหมาะสม” นางบอกทั้งเขาและตนเอง
“แต่พี่ปวดเหลือเกิน ทรมานมานานแล้ว เจ้าไม่รักพี่เลยหรือไร ช่วยพี่สักคราแล้วพี่จะไม่กวนใจเจ้าอีกกระทั่งเราเข้าหอด้วยกัน”
ม่านซือซืออ่านตำรามาบ้าง นางรู้ว่าชายหญิงไม่จำเป็น ต้องร่วมรักกันอย่างเนื้อแนบเนื้อเสมอไป หากการทำให้ฝ่ายชายหลั่งข้างนอกก็เป็นอภิรมย์ที่กระทำได้ไม่ยาก
“พี่ถังอยากให้ซือซือช่วยเยี่ยงไร” นางถามเสียงตื่นเต้นอยู่สักหน่อย ชายหนุ่มจึงยิ้มตอบด้วยดวงตาพราวระยับ
จากนั้นเอี๊ยะถังก็หัวเราะอย่างครึ้มอกครึ้มใจ เขากล่าวอย่างขัดเขินสักหน่อยว่า “ด้วยริมฝีปากเจ้าและสองมือนุ่มนิ่มนี้ พี่คงหลั่งน้ำวิสุทธิ์จนแทบหมดตัว”