ความมืดมิดตลอดค่ำคืนอันหนาวเหน็บเพียงไม่นานก็ผ่านพ้นไป เหลือไว้แต่กลิ่นอายความเย็นที่ยังคงลอยละล่องไปทั่วผืนดินในยามเช้าตรู่ของอีกวัน ผู้คนตื่นจากหลับฝัน ต่างออกไปทำหน้าที่ของตนอย่างขยันขันแข็ง บ้างก็รู้สึกว่าเป็นวันที่สุข บ้างก็รู้สึกว่าเป็นวันที่ทุกข์สำหรับใครหลายๆ คน
ทางฟากฝั่งทิศตะวันออกของผืนแผ่นดิน อันเป็นที่ตั้งรกรากของแคว้นฝู ปกครองโดยองค์จักรพรรดิรูปงาม เป็นเทพเทวดาผู้ให้พรแก่ปวงชน ฮ่องเต้ผู้ทรงธรรมนามว่า ฝูฮุ่ยหลิง และฮองเฮาพระนามว่า หลิวเฟยหนีว์ พร้อมด้วยบรรดาสนมอีกนับร้อยในวังหลัง
แคว้นฝูขึ้นชื่อได้ด้านการศึก มีแม่ทัพใหญ่ที่เก่งกาจปกป้องชายแดนทั้งสามทิศไม่ให้ข้าศึกเข้ามารุกรานนับตั้งแต่สงครามสามทิศเมื่อสิบปีมาแล้ว
ด้านการส่งออกนั้นส่งออกเกลือเป็นหลัก โดยมีอาณาเขตการผลิตเกลือเพียงแค่หนึ่งส่วนของแคว้นเท่านั้นหากแต่สามารถสร้างกำไรเป็นกอบเป็นกำเข้า
ราชสำนักแต่นานมา ผู้เป็นใหญ่ปกครองชาวเมืองอย่างเป็นธรรม ไม่ลุ่มหลงในสตรีฉุดดึงลูกชาวบ้านที่ถูกตาเข้าไปบำเรอในวังหลวงเหมือนอย่างสามแคว้นที่ได้ยินเรื่องราวมา ชาวเมืองน้อยใหญ่อยู่ดีมีสุขกันมากโข
แต่กระนั้นสองตาก็ไม่อาจมองได้ทั่วฟ้า บางพื้นที่ไม่อาจหลบหลีกความอดอยากได้เพราะเจ้าเมืองคดโกง ครั้นจะส่งสารขอความช่วยเหลือไปที่เมืองหลวงก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของพวกคนชั่วได้ พื้นที่ห่างไกลจึงยังคงลำบากลำบนกันอยู่ประปราย
จนเมื่อสองปีที่ผ่านมานี้เกิดภัยพิบัติเสียหลายอย่าง ทั้งน้ำป่าไหลหลาก ถล่มนาข้าวพืชผักชาวบ้านแหลกเป็นจุณ พายุหิมะถล่มบ้านเรือนและผู้คนบริสุทธิ์ต้องตกตายกันไปเสียหลายพันคน กลายเป็นวิกฤตครั้งใหญ่ของแคว้นฝูให้รอบข้างหัวเราะเยาะไปเสียแล้ว ผู้คนจึงอดอยากมากขึ้น ยิ่งพื้นที่ห่างไกลแล้วเหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดบางบ้านถึงกับต้องนำลูกมาขายอย่างน่าอดสู
ป่าไม้เขียวชอุ่มเรียงรายตามสองข้างทาง เสียงนกแมลงร้องประสานเสียงกันดังระงมไปทั่วทั้งป่าตลอดทาง เสียงเหยียบย่ำเป็นจังหวะของม้าแก่สองตัวที่กำลังวิ่งตรงไปตามที่ผู้บังคับต้องการ หนทางข้างหน้าที่ไม่รู้ว่าผู้อยู่ข้างในรถม้าจะต้องเจอกับดีร้ายนรกสวรรค์อย่างไรก็ไม่อาจหันหลังกลับได้แล้ว ไม่ใช่เพราะว่าสายเกินไปจะตัดสิน แต่ไม่มีสิทธิตัดสินใจเลยต่างหาก
รถม้าซอมซ่อมีหญิงสาวหน้าตาสะสวยอยู่ถึงหกนาง ทุกคนล้วนแต่ถูกขายเป็นทาสจากพื้นที่ห่างไกลเพื่อจุดหมายเดียวกันทั้งสิ้น นั่นคือเมืองหลวง ไม่เว้นแม้แต่หญิงสาวอ้วนท้วนที่นั่งอยู่ข้างหน้าสุดฝั่งขวา ใบหน้าที่มีผ้าเก่าๆ คลุมไว้มิดชิดไม่อาจเห็นได้ว่าคนผู้นี้มีหน้าตาเป็นอย่างไร
รู้เพียงว่าเป็นเด็กอ้วนอัปลักษณ์ตามที่บิดาบอกกับพ่อค้าทาสเอาไว้ พวกนางล้วนได้ยินเต็มสองหูรีบขยับถอยห่างออกมา เว้นที่นั่งว่างด้านหน้าให้แก่นางแล้วขยับไปเบียดกันเหมือนกลัวความอ้วนจะลามไปติดร่างกายดั่งโรคร้าย ไม่แปลกดั่งที่คิดเอาไว้ ผู้ใดกันจะชมชอบหญิงอัปลักษณ์ แค่ได้ยินก็พร้อมถอยห่าง เป็นสิ่งอัปมงคลตามที่คนในสมัยนี้เข้าใจกัน
โจวเฟิ่งเจี๋ย ก้มหน้ามองมือหยาบกร้านนิ่งๆ ไม่เอ่ยอันใดออกมา ตั้งแต่ถูกผู้เป็นบิดาขายให้กับพ่อค้าทาสที่ผ่านทางมาอย่างไม่ต้องใช้เวลาคิดเหมือนขายไก่ขายปลาเพียงตัวหนึ่งเท่านั้น เบื้องลึกเบื้องหลังก่อนหน้านั้นเธอไม่อาจรู้ได้
เพราะเธอพึ่งจะเข้ามาอยู่ในร่างนี้ก็โดนจับขึ้นรถม้ามาเลย แม้กระทั่งมองหน้าผู้เป็นบิดามารดาและน้องชายอีกสองคนก็ยังไม่มีโอกาส รับรู้จากสาวๆ บนรถม้าที่พูดคุยกันเพียงเท่านั้นว่าบุตรชายทั้งสองคนหล่อเหล่าดั่งเซียน น่าแปลกที่แม่นางผู้นี้กลับอัปลักษณ์อ้วนฉุได้ผู้ใด
ตัวเธอเองก็ไม่รู้เช่นกัน
แม้กระทั่งชื่อเจ้าของร่างนี้เธอก็ยังไม่รู้
เฟิ่งเจี๋ยก้มมองไปจนถึงร่างกายส่วนล่างของตนผ่านสายตา คำว่าอ้วนฉุในโลกนี้เป็นเช่นนี้หรอกหรือ บิวตี้สแตนดาร์ดหนักกว่าโลกที่ตนจากมาเสียอีก ร่างนี้เพียงแค่อวบเท่านั้น เธอไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดคนทั้งบ้านผอมแห้งแต่ร่างนี้ถึงหุ่นแบบนี้ได้
หรือว่าจะเครียดหรือป่วยจนบวมนะ หัวกลมๆ คิดพลางสำรวจร่างกายมากขึ้น สายตาพลันเหลือบไปเห็นถุงผ้าที่ถูกโยนเข้ามาพร้อมกับเธอ ในนั้นมีเสื้อเก่าๆ ที่ผ่านการปะชุนมานับไม่ถ้วนอยู่หนึ่งชุด พร้อมปิ่นไม้ธรรมดาอีกหนึ่งอัน
กว่าหนึ่งเดือนที่รอนแรมอยู่แต่ในป่าเขา การเดินทางที่ค่อนข้างยากลำบาก หลับนอนบนพื้นดินปูผ้าบางๆ ผ้าห่มผืนบางๆ แผ่นแป้งแข็งๆ เพียงสองชิ้นเล็กๆ ต่อวันเท่านั้น กว่าจะเข้าใกล้เมืองหลวงนับว่าเธอแทบจะไมเกรนกินหัวเพราะความเครียด แทบทั้งวันยังไม่ค่อยได้คุยกับผู้ใดเลย ไม่ต่างกับแกะดำอวบๆ เลยสักนิด
ถนนหนทางจากป่าเขาก็ขรุขระเสียยิ่งกระไร ทั้งหลุมทั้งบ่อ รถม้าก็วิ่งเร็ว คุณนายเฟิ่งที่ไม่เคยนั่งรถม้าหรือเรือก็ได้รู้ซึ้งการเมารถเมาเรือก็วันนี้ อากาศไม่ถ่ายเทไม่พอ คนสมัยนี้ยังไม่ค่อยอาบน้ำอีก ฮือ อยากร้องไห้จริงๆ
หญิงสาวหลับตานิ่งๆ เพื่อไม่ให้ตนเองหลุดร้องไห้ออกมาด้วยความกลัว เธอเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่อยู่กับยายมาตั้งแต่เกิด พ่อเป็นคนจีน ส่วนแม่เป็นคนไทย และทั้งสองเสียชีวิตจากอุบัติเหตุตั้งแต่เธอเกิดได้ไม่ถึงสองปี จึงมีเพียงยายที่คอยเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กจนถึงอายุ 26 ปี เป็นเด็กจังหวัดสกลนครที่ทำไร่ทำนา เลี้ยงวัว ทำอาหาร ทำงานบ้าน ทำงานพิเศษส่งตัวเองเรียน
และสุดท้ายก็เรียนจนจบครูปฐมวัยก่อนจะกลับมาที่บ้านเพื่อรอรับปริญญา จริงๆ ความฝันของเธอคือการใช้ชีวิตอยู่บ้านไปวันๆ โดยไม่ต้องทำงาน อ่านหนังสือเล่นกับแมวจนแก่ตายไปคนเดียว
แต่ยังไม่ทันจะได้เลือกเดินสักเส้นทาง ในช่วงหน้าฝนฤดูทำนานั้น เธอออกไปดำนาช่วยคุณป้าที่ดูแลยายอยู่ตามปกติ ทั้งเงินอาหารจะเป็นป้าที่ดูแลและช่วยเหลือตลอดมา เธอและยายจึงมาทำนาช่วย ในเวลาประมาณสี่โมงเย็นฟ้าก็เริ่มร้อง ฝนตกปรอยๆ ลงมา ทั้งหมดเดินไปยังใต้ต้นไม้เพื่อหยุดงานเอาไว้ก่อน
ใครจะคิดว่าวันนั้นเป็นวันที่ 16 พอดี อยู่ๆ ก็มีสายเข้า ด้วยความหลงลืมเฟิ่งเจี๋ยรีบหยิบขึ้นมากดรับทันที
“อีเฟิ่ง หวยออกแล้ว” เสียงจากปลายสายอันคุ้นเคยดังขึ้นมา เป็นปอยเพื่อนของเธอเอง ทั้งยังเสียงร้องวี้ดว้ายด้วยความดีใจดังอยู่ตลอดจนเธอต้องเอามือถือห่างจากหูมากขึ้น
“ยังไม่ดูเลย ดำนาอยู่ ออกตัวไหน”
“เลขโง่ของมึงไง 987654 อีเฟิ่ง มึงรวยแล้ว”
“กรี๊ดจริงเหรอ ยาย เฟิ่งถูกรางวัลที่หนึ่ง”
// เปรี้ยง! //
จบแล้ว ชีวิตคุณนายเฟิ่ง ห่ามันหนิ